กรณี พญ.ชนิณชิดา หรือ หมอจุ๊ก มีการประกาศตามหาสามีซึ่งอยู่กินด้วยกันมานานกว่า 30 ปี แล้วมีการจดทะเบียนสมรสร่วมกัน ก่อนที่เมื่อช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา ฝ่ายชายซึ่งสามีจะหายตัวไป และเจ้าตัวได้มีการแจ้งความคนหายเอาไว้ ก่อนที่จะทราบในเวลาต่อมาว่าถูกญาติพาตัวไปอยู่ด้วย แล้วมีการกีดกันไม่ให้ทั้งคู่พบเจอกัน ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวได้รับโทรศัพท์ติดต่อมาจาก พญ.ชนิณชิดา หรือหมอจุ๊ก โดยเจ้าตัวบอกว่าวันนี้เป็นวันฤกษ์ดี กำลังจะมีการประกอบพิธีจัดดอกไม้ถวายกลางแจ้ง เพื่อถวายเป็นพุทธะบูชา ให้กับพระรัตนตรัย โดยเจ้าตัวได้พาทีมข่าวไปที่ตลาด อตก. เพื่อเลือกซื้อดอกไม้สีเหลืองและขาว ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินทางกลับมาที่บ้าน มีการตั้งวางและจัดเตรียมสถานที่ โดยใช้เป็นอ่างปลาแทนพาน
จากนั้นได้มีการเริ่มปักดอกไม้ที่ซื้อมาให้เป็นลักษณะเป็นพุ่มขนาดใหญ่ ใจกลางได้มีการปักธูป 108 ดอก และมัดรวมเอาไว้กับเทียน 1 เล่ม เพื่อปักลงไปใจกลางของพานพุ่มที่ตั้งเอาไว้อยู่ร้านกลางแจ้งบริเวณหน้าบ้าน โดยเจ้าตัวได้มีการอธิษฐานทำนองว่า “ขอให้การถวายดอกไม้และสิ่งสวยงาม ถวายเพื่อเป็นพุทธะบูชา ให้ชีวิตสวยงาม เหมือนดังดอกไม้ที่ถวาย”
จากนั้นเจ้าตัวได้ไปหยิบเอาสายสิญจน์ภายในบ้าน ออกมาวนรอบปลายยอดของพานพุ่ม ที่จัดเตรียมเสร็จแล้ว เพื่อที่จะโยงเข้าไปที่ประตูบ้าน ก่อนที่จะถือพานสีทองมีสายสิญจน์อยู่ด้านใน เอาไปวางไว้ที่ในบ้าน เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
และนอกจากนี้ ทีมข่าวยังสังเกตว่าบริเวณลานกว้างหน้าบ้านที่เป็นสวนหย่อมของบ้าน ก่อนหน้านี้ ปัจจุบันกลายเป็นที่เก็บเศษดอกไม้และก้อนโอเอซิสเขียว รวมทั้งธูปเทียนที่ใช้สำหรับถวาย ถูกนำไปวางกองเอาไว้เต็มลานกว้างหน้าบ้าน และยังพบกระถางธูปสีเขียวตั้งอยู่ ซึ่งจะเห็นลักษณะร่องรอยของการจุดธูปบูชากลางแจ้ง เหลือเพียงก้านธูปที่ลักษณะทำเป็นกำ ถูกจุดทิ้งเอาไว้อยู่ในกระถางดังกล่าว และยังพบเศษไม้กองเอาไว้กระจายอยู่เต็มหน้าบ้าน โดยเจ้าตัวอ้างว่าใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเผาดอกไม้แห้ง พร้อมทั้งมีเตาที่ถูกสั่งทำขึ้นพิเศษ สำหรับเอาไว้เผาดอกไม้
หมอจุ๊ก ยังพาทีมข่าวไปภายในบ้าน ซึ่งเปิดเข้าไปภายในห้องพระ ปรากฏว่าเป็นห้องเปล่าโล่ง ไม่มีโต๊ะหมู่บูชา และไม่มีพระพุทธรูป แต่พบว่ามุมห้องของห้องพระ ถูกนำกระจกลักษณะทำซ้อนกันเป็น 6 ชั้น ตรงกลางมีอักขระบางอย่าง ถูกวางไว้บนแท่นมอเตอร์ไฟฟ้า ติดเอาไว้ที่มุมห้องหมุนรอบตัวเอง แล้วยังพบว่ากระจกลักษณะดังกล่าวยังมีการติดตั้งเอาไว้ที่ห้องนอนของหมอจุ๊ก อีก 1ชิ้น
โดยหมอจุ๊กให้เหตุผลกับทีมข่าวว่า ไม่ได้เป็นเครื่องรางของขลัง แต่เป็นเสมือนกระจก 6 เหลี่ยม สะท้อนความชั่วร้าย ประกอบกับเวลาทำให้หมุนแล้วเกิดความสวยงามวิบวับ ซึ่งก็ไม่ได้มีความหมายหรือจะเป็นเครื่องรางของขลัง ที่ได้มาจากลัทธิประหลาดแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังสังเกตที่ข้อมือของหมอจุ๊ก เจ้าตัวมีการบูชาเอาสัญลักษณ์คล้ายวัตถุมงคลบางอย่าง มาผูกรวมเอาไว้และใส่ไว้ที่แขนซ้าย ซึ่งรวมแล้วไม่ต่ำ 6 ชิ้น โดยแต่ละชิ้นเจ้าตัวอธิบายความหมาย ว่า
1. ขวานรามสูร หมายถึง การปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาหาตัว
2. เครื่องหมายสัญลักษณ์โครโมโซม หมายถึง ทำให้สุขภาพแข็งแรง
3. หมูเขี้ยวตัน หมายถึง ทำให้สบาย ทุกอย่างราบเรียบราบรื่น ปัดเป่าอุปสรรค
4. ยันอักษร ลักษณะรูปหัวใจ หมายถึง ช่วยด้านสุขภาพที่ดี
5. มังกร หมายถึง ความมั่นคงมั่งคั่ง และอุดมสมบูรณ์
6. เป็นกำไรพระ ซึ่งเป็นอักขระและข้อความที่ถูกลงอักษรโดยพระที่นับถือ
ภายหลังหมอจุ๊ก มีการพาทีข่าวดูการทำพานถวายกลางแจ้งเพื่อเป็นพุทธะบูชา ถวายแด่พระรัตนตรัยและการประกอบพิธีลานกลางแจ้งเสร็จแล้ว เจ้าตัวก็พาดูภายในบ้านเพื่อคลายข้อสงสัย ยืนยันว่าเจ้าตัวไม่ใช่พวกคลั่งลัทธิ แต่มันคือการทำเพื่อความสบายใจ หลังจากที่ถูกพลัดพรากความรัก
หมอจุ๊ก ยังได้พาทีมข่าวไปดูรูปถ่ายคู่ ซึ่งใส่ชุดแต่งงานและเป็นภาพที่ใช้ในงานแต่งเมื่อ 30 ปีก่อน โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพความทรงจำ ที่เจ้าตัวเอามาวางเอาไว้ข้างเตียงนอน โดยภาพเป็นลักษณะสีซีด อยู่ในกรอบหลุยส์สีทอง เจ้าตัวยกจากเตียงนอนเอามาวางไว้ที่ด้านข้าง
และยังพาทีมไปดูตู้เสื้อผ้าที่อยู่ภายในในห้องนอน โดยภายในตู้นั้นยังคงมีเสื้อผ้าและของใช้ของสามีเก็บอยู่ โดยยังคงถูกแขวนเอาไว้อยู่ในลักษณะเดิม ไม่ได้มีการเก็บออกหรือย้ายไปที่ไหน ซึ่งเจ้าตัวบอกกับทีมข่าวว่าเป็นการเปิดตู้ในรอบ 2-3 ครั้ง นับตั้งแต่ที่สามีหายไป เจ้าตัวไม่กล้าเปิด เพราะไม่อยากมีภาพความทรงจำเก่าหรือดูแล้วเกิดความปวดใจ เวลาเห็นเสื้อผ้าที่เอาไว้ตากผ้าก็มักจะร้องไห้ จึงเลือกที่จะไม่มาเปิดดู แต่วันนี้พาทีมข่าวมาดูเพื่อที่จะยืนยันว่า เข้าของเครื่องใช้ของยังอยู่ในสภาพเดิม
จากนั้นหมอจุ๊ก ยังพาทีมเข้าไปดูที่หลังตู้ภายในห้องเก็บของ ยังพบว่ามีช่อดอกไม้ ที่หมอสมชัย เคยส่งให้ในขณะที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน โดยเป็นช่อดอกไม้เซอร์ไพรซ์สุดท้ายก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก มีการเขียนข้อความ “J (หัวใจ) J รักนะ 7 ต.ค. 65“ ซึ่งดอกไม้แม้ว่าจะมีลักษณะเหี่ยว ตามกาลเวลา แต่หมอก็ยังเก็บเอาไว้อย่างดีเพื่อแทนความคิดถึงและความรักที่มีให้แก่กัน แล้วยังจะมีกล่องดอกไม้สีสีชมพูที่มีลักษณะเหี่ยวแห้ง ซึ่งเป็นดอกไม้ที่หมอผู้ชายมอบให้ ในวันวาเลนไทน์ในปีเดียวกันนั้น
หมอจุ๊ก เผยว่า ส่วนตัววันนี้ยังคงย้ำเหมือนเดิมว่า ตัวของหมอผู้ชาย สามีมีอาการป่วยทางจิต และอยู่ในภวังค์ของโรคอุปโหลกหมู่ ซึ่งตัวของคนในครอบครัวก็กำลังมีการพูดโน้มน้าวบางอย่าง จนเป็นเหตุทำให้ตนเองกับสามีต้องแยกจากกัน ซึ่งส่วนตัวยังคงรักและอยากจะกลับไปดูแล และอยากให้ทางครอบครัวให้โอกาส ตนเองได้พาสามีออกมารักษาให้หาย และส่วนตัวก็ย้ำชัดเจนว่าคนที่ป่วยคือสามี แต่ส่วนกรณีที่มีการพาตัวสามีออกไป ทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมายที่ตอนนี้ตนเองได้มอบให้ทนายรวบรวมหลักฐานแล้ว
ส่วนตัวอยากจะขอบคุณโซเชียลที่ให้กำลังใจตนเองหลังจากที่ออกข่าว ซึ่งการที่โซเชียลให้กำลังใจก็ทำให้ตนเองมีพลังและกำลังใจมากขึ้น แต่ในทางกลับกันเข้าใจว่ามีการไปพูดถึงตัวของหมอสมชัยและไปโจมตี ส่วนตัวอยากจะขออ้อนวอนไปยังโซเชียล ไม่อยากให้ไปพาดพิงหรือไปต่อว่าเขา เพราะเขาป่วยอยู่ ดังนั้นจึงไม่อยากให้โซเชียลไปรุมประณามหรือว่าหมอสมชัยแบบนั้น และถ้าหาก มีการดูตามคลิปที่ช่อง 8 เอาไปเผยแพร่เมื่อคืนนี้ เกี่ยวกับการให้ข้อมูลเรื่องของโควิด-19 เป็นภาพความน่ารักและความสดใสของหมอสมชัยในสมัยที่ยังไม่ป่วย ซึ่งเจ้าตัวหน้าตาสดใสและมีองค์ความรู้มาก แต่ปัจจุบันคนละคนเพราะเนื่องจากเจ้าตัวป่วย ไม่ได้อยู่ในสภาพเหมือนในคลิปแบบนั้น ตนเองยังคงย้ำว่าอยากจะพาตัวมาดูแลรักษา เพื่อให้หมอสมชัยกลับมาเป็นเหมือนเดิม
วันนี้ทีมข่าวเดินทางไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่าน พระราม 9 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของหมอสมชัย ซึ่งเป็นสามีของหมอจุ๊ก โดยทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงที่โรงพยาบาลดังกล่าว ทราบว่าหลังปรากฏเป็นข่าวดัง ทางโรงพยาบาลได้มีการติดตามข่าวต่อเนื่อง และได้มีการส่งทีมชุดรักษาความปลอดภัยไม่ต่ำกว่า 4-5 คน เข้ามาประกบรถนักข่าวเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางมาที่โรงพยาบาล และให้ทีมข่าวขึ้นไปจอดลานจอดรถบริเวณชั้น 4 และไม่ได้ให้เข้าไปภายในโรงพยาบาลหรือเข้าไปในส่วนของตัวโรงพยาบาลแต่อย่างใด
จากนั้นผ่านไปประมาณ 10 นาที ได้มีการจัดส่งทีมหัวหน้ารักษาความปลอดภัย มาแจ้งกับทีมข่าว ว่า “ ทางคุณหมอทราบเรื่องแล้ว แต่ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์หรือให้ข่าว โดยติดภารกิจประชุมอยู่ และไม่สะดวกให้รายละเอียดไปมากกว่านี้ แต่ยืนยันว่าคุณหมอหมอเดินทางมาทำงานตามปกติ และเลขาของคุณหมอก็ฝากแจ้งมาว่าไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ”
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้มีการสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับการทำหน้าที่รักษาผู้ป่วยของหมอสมชัย โดยทางด้านของโรงพยาบาลให้ข้อมูล ว่า คุณหมอไม่ได้มีการรับเคส และไม่ได้มีการรับผู้ป่วยเพิ่ม ยกเว้นเคสที่ต้องใช้อาจารย์หมอ ก็จะมีการให้หมอสมชัยเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยเคสต่อเคส หรือเรียกได้ว่า “ช่วงนี้ไม่มีการรับเคสเพิ่มเติม”