คืบหน้าพบศพโครงกระดูกถูกเผานั่งยางในบ่อขยะ อ.แวงน้อย ล่าสุดเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจยืนยันศพที่พบเป็นเพศหญิง อายุไม่เกิน 35 ปี สูงประมาณ 165 ซม. เร่งแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดเน้นคืนที่มีชาวบ้านกว่า 10 คนเห็นแสงไฟลุกไหม้เหนือต้นไม้
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.พ.2567 ที่ สภ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 4 นำส่งผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ให้กับ พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย กรณีพบศพโครงกระดูกมนุษย์ถูกเผาที่บ่อขยะ เส้นทางระหว่างบ้านหนองสะแบง - หนองดู่ ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น ตรวจสอบ พบโครงกระดูกมนุษย์ ไม่ทราบชื่อ เพศ อายุ นอน ตะแคงในลักษณะขดลำตัว สภาพศพถูกเผาจนไหม้เกรียม เหลือเพียงโครงกระดูกพบลวดยางรถยนต์อยู่ใกล้เคียงกับศพ เชื่อว่าถูกเผามาแล้วหลายวัน ไม่พบหลักฐานที่สามารถแสดงหรือยืนยันตัวบุคคล พร้อมส่งศพไปผ่าตรวจชันสูตรที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อตรวจหาสาเหตุการตาย และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบตัวบุคคล และได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับคนร้ายตามกฎหมาย จากการสอบสวนเบื้องต้น ยังไม่ทราบว่าศพดังกล่าวคือผู้ใด ซึ่งในวันนี้ล่าสุดได้รับการยืนยันจากภาควิชานิติเวชศาสตร์ฯ ผลการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นโครงกระดูกดังกล่าว เป็นเพศหญิง อายุไม่เกิน 35 ปี ส่วนสูงประมาณ 165 เซนติเมตร พร้อมประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางติดตามหาญาติผู้เสียชีวิตที่หายไปในห้วงเวลาดังกล่าว สามารถแจ้งได้ที่ สภ.แวงน้อย 043-499055 หรือ ที่ พ.ต.อ.สมมาตย์ มั่งไธสง ผกก.สภ.แวงน้อย หมายเลขโทรศัพท์ 0844287614
ขณะที่ในการสืบสวนทางคดีนั้น ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น ทราบว่า ในทางคดีนั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานโดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดในห้วงเวลาที่เกิดเหตุ และในทางสืบสวนเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่เน้นน้ำหนักไปในวันที่คาดว่าเป็นคืนที่ผู้ก่อเหตุเผานั่งยาง ในเวลาประมาณ 20.00 น. ของคืนวันศุกร์ ที่ 16 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีชาวบ้านหลายสิบคนเห็นเปลวไฟขึ้นสูงบนฟ้าเหนือปลายใบไม้ของต้นไม้ในจุดที่ตั้งบ่อขยะที่เกิดเหตุ ซึ่งหากเปลวไฟสามารถลุกสูงกว่าต้นไม้ประมาณ 2-3 เมตรได้ก็คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในการเผาไหม้จนเปลวไฟลุกโชนเหนือต้นไม้ แต่เนื่องจากเป็นงานศพในหมู่บ้านชาวบ้านจึงไม่ได้เอะใจ แต่ทั้งนี้ยังเป็นการคาดการณ์ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถรู้ข้อมูลชัดเจนมากขึ้นเร็วๆนี้
ล่าสุดวันนี้(19 ก.พ.67) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปที่บ่อขยะ หมู่ 4 ต.ละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น โดยจากการสำรวจรอบๆบ่อขยะจากภาพมุมสูงจะเห็นได้ชัดว่ารอบๆบ่อขยะในรัศมี 100 เมตร จะไม่มีบ้านของชาวบ้านอยู่ใกล้กับบ่อขยะ แต่จะมีคอกวัวอยู่ใกล้กับบ่อขยะดังกล่าวทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน ซึ่งคอกวัวแรกหากตรงเข้าไปหลังบ่อขยะ จะมีทางซึ่งเป็นถนนดิน และจะไปเจอกับคอกวัวกลางป่า ซึ่งคอกวัวดังกล่าวจะอยู่ห่างจากบ่อขยะ 450 เมตร โดยด้านในคอกวัวจะมีเพิงพักอยู่ภายในลักษณะมีคนเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ แต่ช่วงกลางวันที่ทีมข่าวเข้าไป ไม่มีคนงานหรือเจ้าของคอกวัวอยู่ภายในเพิงพักดังกล่าว ซึ่งหากขับรถออกจากคอกวัวจุดนี้แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนดิน ก็จะไปโผล่บนถนนหลักซึ่งเป็นทางเข้าออกบ่อขยะได้อีก 1 เส้นทาง
ส่วนคอกวัวที่ใกล้กับบ่อขยะอีก 1 จุด ก็คือคอกวัวของนายสมคิด (นามสมมติ) อายุ 68 ปี จะเป็นคอกวัวที่อยู่ตรงข้ามกับทางเข้าบ่อขยะ ซึ่งคอกวัวของนายสมคิด โดยถ้าหากไม่ใช้รถขับไปตามทางเพื่อข้ามถนนไปยังบ่อขยะและใช้เป็นการเดินเท้าข้ามทุ่งนาไป พบว่าคอกวัวของนายสมคิด จะอยู่ห่างจากบ่อขยะประมาณ 150 เมตร ซึ่งหากคนเข้าออกที่บ่อขยะ และมีการจุดไฟเผาอะไรนายสมคิด จะเป็นคนเดียวที่จะเห็นเหตุการณ์ใกล้ที่สุด
ขณะเดียวกันตามข้อมูลที่ตำรวจมุ่งปมชู้สาวโดยมีสาววัย 20 หายตัวออกจากบ้านในช่วงคืนวันวาเลนไทน์ ก็คือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันนี้ตำรวจไปพบข้อมูล ซึ่งมีทางญาติได้โพสต์ตามหาคนหายเมื่อ 5 วันที่ผ่านมา โดยในข้อความตามหาคนหาย ระบุเอาไว้ในกลุ่มขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่ ด้วยข้อความว่า ตามหาคนชื่อ น.ส.กัลยารัตน์ คนเที่ยง ค่ะมีใครรู้จักไหมค่ะ
จากนั้นช่วงกลางดึกของเมื่อวานนี้ ทางญาติมีการโพสต์อีกว่า ตามหาคนชื่อ น.ส.กัลยารัตน์ คนเที่ยง บ้านโคกสว่าง ต.โคกสง่า อ.พล ค่ะ
ซึ่งหลังจากตำรวจไปได้เบาะแส จึงมีการตรวจสอบข้อมูลของ น.ส.กัลยารัตน์ กระทั่งไปพบข้อมูลว่า น.ส.กัลยารัตน์ อายุ 20 ปี รูปร่างเล็ก โดยมีความสูง 152 เซนติเมตร แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าเจ้าตัวหายไปที่ไหนกับใคร
สาวเมืองพลหายลึกลับข้ามปี แม่สงสัยถูกนั่งยาง
จากนั้นเมื่อทีมข่าวไปได้ข้อมูลคนหาย จึงเดินทางไปในพื้นที่บ้านของ น.ส.กัลยารัตน์ ที่ ตำบลโคกสง่า อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น และปรากฏว่า ก่อนที่ทีมข่าวจะไปถึง ทางญาติได้แจ้งข้อมูลกลับมาหาตำรวจว่า เจอตัว น.ส.กัลยารัตน์ แล้ว ซึ่งเดินทางไปอยู่กับกับย่าที่หมู่บ้านหนองแซง ต.โนนทอง อ.หนองเรือ จังหวัดขอนแก่น
แต่ที่มันพีกไปกว่านั้น ในระหว่างที่ทีมข่าวเดินทางเข้าไปในพื้นที่บ้านของ น.ส.กัลยารัตน์ มีชาวบ้านแจ้งกับทีมข่าวว่า ในหมู่บ้านเดียวกันกับ น.ส.กัลยารัตน์ ก็มีผู้หญิงที่หายไปจากบ้านอีกหนึ่งคน ก็คือ น.ส.ปิยนุช อายุ 31 ปี ซึ่งมีรูปร่างเล็ก สูงประมาณ 150 เซนติเมตร และเมื่อวานนี้ หลังจากทางแม่ของ น.ส.ปิยนุช เห็นข่าวเผานั่งยาง แม่ของ น.ส.ปิยนุช ได้มีการโทรศัพท์ไปถามกับตำรวจ สภ.แวงน้อย ว่าศพที่ถูกเผาใช่ศพของ น.ส.ปิยนุช หรือไม่
ซึ่งวันนี้ทีมข่าวได้มีโอกาสไปเจอกับ นางหนู อายุ 66 ปี เป็นแม่ของ น.ส.ปิยนุช เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนเอง หนีออกไปจากบ้านได้ประมาณเดือนกว่าๆ ซึ่งแม่ ต้องโทรศัพท์ไปถามกับตำรวจว่าศพที่ถูกเผาใช่ลูกของแม่หรือไม่ ก็เป็นเพราะว่าลูกหายไปจากบ้าน ก็เลยสงสัยว่าศพที่ถูกเผาคือลูกสาว
ส่วนประเด็นที่ลูกสาว ต้องหนีออกไปจากบ้าน เป็นเพราะว่าลูกสาว ทนไม่ได้ที่ถูกนายชาญ สามีใหม่ทำร้ายร่างกาย ซึ่งพอลูกหนีไป ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลยเนื่องจากลูกไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปด้วย ซึ่งวันนี้ถ้าตำรวจจะมาตรวจ DNA กับแม่ว่าตรงกันกับศพหรือไม่ แม่ก็พร้อมจะให้ตรวจ และถ้าสมมติตรวจแล้วไม่ใช่ลูกสาว ก็ขอประชาสัมพันธ์ผ่านช่อง 8 ถ้าลูกยังมีชีวิตอยู่ขอให้ลูกกลับมาหาแม่
จากนั้นในเวลา 17.30 น. ทาง พ.ต.อ. ปรีชา เก่งสารกิจ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น จึงได้มีการสั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.พล เดินทางไปรับนางหนู แม่ของ น.ส.ปิยนุช ที่บ้านเพื่อนำตัวไปตรวจ DNA และสอบปากคำในเบื้องต้นถึงไทม์ไลน์ที่ น.ส.ปิยนุช หายไปจากบ้าน โดยบรรยากาศก่อนที่ตำรวจจะพานางหนู ไปขึ้นรถ ทางนางหนู ขอให้ตำรวจพาผู้ใหญ่บ้านและญาติไปด้วย เนื่องจากนางหนู อ่านหนังสือไม่ออก
จนกระทั่งเมื่อทางตำรวจพานางหนู ไปถึง สภ.แวงน้อย ก็ได้มีการพาตัวขึ้นไปพบกับทางตำรวจในห้องประชุม ซึ่งวันนี้หลังจากทางทีมข่าวช่อง 8 ให้ข้อมูลกับตำรวจไป จึงจำเป็นต้องกลับมาประชุมวางแผนกันใหม่ หากศพดังกล่าวคือ น.ส.ปิยนุช
หลังจากนั้น ในช่วงระหว่างการประชุมและต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บ DNA ทางชุดสืบสวนตำรวจภูธรขอนแก่น จึงมีการเชิญตัวนางหนู และญาติ ลงไปให้พูดคุยกันในเบื้องต้น ซึ่งบรรยากาศในการสอบถาม ชุดสืบสวนมีการสอบสวนให้ทางนางหนู ยืนยันว่าลูกหายไปตอนไหน ลูกมีผัวทั้งหมดกี่คน ซึ่งนางหนู ก็บอกว่าลูกหายจริง ลูกมีผัว 3 คน ส่วนคนแรกที่เป็นพ่อของหลานตัดไป เนื่องจากเขาเลิกรากับ ปิยนุช ไปมีครอบครัวใหม่นานแล้ว
ทีมข่าวได้มีโอกาสไปเจอกับนายชาญ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นสามีคนล่าสุดของ น.ส.ปิยนุช เปิดใจกับทีมข่าวว่า น.ส.ปิยนุช หนีไปจากบ้านตน ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ซึ่งวันที่เขาหนีไป น.ส.ปิยนุช อ้างว่าจะออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาด แต่ปรากฏว่า มารู้ตอนหลังว่า น.ส.ปิยนุช วานให้คนในหมู่บ้านไปส่งในตัวอำเภอเมืองพล จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย กระทั่งช่วงกลางเดือนมกราคม 2567 จู่ๆ น.ส.ปิยนุช ก็โทรศัพท์มาหา บอกว่าไปทำงานที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งวันนั้นเท่าที่จำได้ ตนเองได้คุยกับ น.ส.ปิยนุช ไม่กี่นาที ก็ตัดสายไป และเบอร์ที่โทรเข้ามา ก็น่าจะเป็นเบอร์ของสามีเก่าของ น.ส.ปิยนุช ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นเบอร์อะไร
ยอมรับเคยทำร้าย น.ส.ปิยนุช จริงแต่ไม่ได้ทำรุนแรง ซึ่งเรื่องศพ จริงๆในใจภาวนาขออย่าให้ใช่ เนื่องจากในใจยังมีความเป็นห่วง และยังรัก ปิยนุชอยู่ หากเป็นไปได้ก็อยากจะให้ปิยนุช กลับมา ซึ่งถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็อยากจะฝากไปบอกว่า ขอโทษ หากกลับมาจะทำตัวใหม่ ไม่กินเหล้าไม่ทำร้ายอีกแล้ว