เรื่องราวของ แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ที่ทำให้ โอเพ่นเอไอ (OpenAI) กลายเป็นบริษัทปัญญาประดิษฐ์ (AI) อันดับหนึ่งได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การเปิดตัว โซระ (Sora) AI ที่สามารถสร้างวิดีโอที่มีความละเอียดสูงในระดับโลกตะลึง ก็ทำให้วงการเทคโนโลยีคึกคักขึ้นมาทันที โดย AI ดังกล่าวเป็นผลงานของบริษัท โอเพ่นเอไอ (OpenAI) ที่ก่อนหน้านี้มีผลงานเจ๋งๆ อย่าง แชตจีพีที (ChatGPT) แชตบอตอัจฉริยะ และ ดัล-อี (DALL-E) AI สร้างภาพสุดล้ำ ภายใต้การบริหารของ แซม อัลท์แมน (Sam Altman) ซีอีโอหนุ่มวัย 38 ปี โดย “สูตรสำเร็จ” ขอนำเรื่องราวของเขามาเล่าสู่กันดังต่อไปนี้
1. หัดเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่ 8 ขวบ
แซม อัลท์แมน (Sam Altman) เกิดในครอบครัวชาวยิว เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2528 (ค.ศ.1985) ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐฯ โดยจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นขณะเขาอายุ 8 ขวบ ได้รับของขวัญจากแม่ เป็นคอมพิวเตอร์ แมคอินทอช (Macintosh) ทำให้ แซม อัลท์แมน หัดเขียนโปรแกรมด้วยความหลงใหล จนมีความสามารถเกินกว่าเด็กๆ วัยไล่เลี่ยกัน
ต่อมาหลังจากเขาจบการศึกษาในระดับมัธยม แซม อัลท์แมน ก็เข้าเรียนในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) ระหว่างนั้นเขากับเพื่อนก็ร่วมกันสร้างแอปพลิเคชัน Loopt ด้วยความทุ่มเทอย่างหนัก จนถึงขนาดยอมทิ้งการเรียน ยอมทิ้งใบปริญญา เพื่อสร้างแอปพลิเคชันดังกล่าวให้สำเร็จ
2. เริ่มต้นเป็นสตาร์ต-อัป ในวัยเพียง 19 ปี
หลังจาก แซม อัลท์แมน และเพื่อนๆ สร้าง Loopt จนสำเร็จ พวกเขาก็นำไปเสนอให้กับ วาย คอมไบเนเทอร์ (Y Combinator) บริษัทที่จัดหาทุนสนับสนุนสตาร์ต-อัปที่มีแววรุ่ง โดย Loopt ผ่านการคัดเลือกและได้ทุนประมาณ 6 พันดอลลาร์ แซม อัลท์แมน กับเพื่อนๆ จึงกลายเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว ขณะที่มีอายุเพียง 19 ปี
Loopt สร้างเงินให้กับ แซม อัลท์แมน กับผองเพื่อนเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งทุกคนได้ปรึกษาหารือและได้ข้อสรุปว่า จะขายกิจการดังกล่าว แล้วแบ่งเงินกัน เพื่อให้แต่ละคนนำไปสร้างฝันตามเส้นทางของตัวเอง
หลังจากแยกย้าย แซม อัลท์แมน ก็ได้รับการทาบทามจาก วาย คอมไบเนเทอร์ ให้มาทำหน้าที่บริหาร โดยเขาเป็นประธานบริหารองค์กรดังกล่าวในขณะมีอายุ 29 ปี
3. โอเพ่นเอไอ ที่มีจุดเริ่มต้นจากองค์กรไม่แสวงผลกำไร
ต่อมาเขาได้ร่วมกับนักธุรกิจหลายราย หนึ่งในนั้นมี อีลอน มัสก์ (Elon Musk) รวมอยู่ด้วย ก่อตั้ง โอเพ่นเอไอ (OpenAI) ขึ้นมาในปี 2558 (ค.ศ.2015) โดยมีจุดเริ่มต้นจากองค์กรไม่แสวงผลกำไร เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเอไอที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ
ในปี 2561(ค.ศ.2018) อีลอน มัสก์ ก็ได้ถอนตัว เพราะตอนนั้นโปรเจ็กต์ของ โอเพ่นเอไอ ไม่ค่อยมีความคืบหน้ามากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากได้รับเงินบริจาคหรือสนับสนุนต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้
ต่อมาในปี 2562 แซม อัลท์แมน ก็ตัดสินใจลาออกจาก วาย คอมไบเนเทอร์ เพื่อมาเป็นซีอีโอ โอเพ่นเอไอ และก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ บริษัทได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ไม่แสวงหากำไร และส่วนที่ดำเนินการในรูปแบบธุรกิจอย่างเต็มที่
ซึ่งจากการแนวทางดังกล่าวภายใต้การบริหารของ แซม อัลท์แมน อีกทั้งได้เงินสนับสนุนจาก ไมโครซอฟท์ (Microsoft) จำนวนมหาศาล ทำให้ โอเพ่นเอไอ พลิกโฉมขึ้นมาเป็นบริษัทนวัตกรรมสุดล้ำ สร้างความฮือฮาอย่างต่อเนื่อง จาก แชตจีพีที (ChatGPT) , ดัล-อี (DALL-E) และ โซระ (Sora) ตามลำดับ
แต่ถึงแม้ แซม อัลท์แมน จะมีผลงานที่โดดเด่น แต่บอร์ดบริหารหลายคนก็มองว่า เขากำลังนำพา โอเพ่นเอไอ ไปผิดจากวัตถุประสงค์ดั้งเดิม และสุ่มเสี่ยงเป็นอันตรายต่อมนุษย์ จึงเป็นที่มาของการรวมตัวปฏิวัติหวังยึดอำนาจปลดฟ้าผ่า แซม อัลท์แมน เมื่อปลายปีที่แล้ว
แต่หลังจากนั้น 5 วัน แซม อัลท์แมน ก็เป็นฝ่ายชนะในหมากเกมนี้ อันเนื่องมาจากพนักงานจำนวนมากขู่จะลาออกตามไปทำงานกับ แซม อัลท์แมน อีกทั้ง ไมโครซอฟท์ ก็พร้อมอ้าแขนรับเขากับทีมงาน ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ โอเพ่นเอไอ ก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จึงมีการออกแถลงการณ์ให้ แซม อัลท์แมน เป็นซีอีโอดังเดิม พร้อมอำนาจการแต่งตั้งบอร์ดบริหารชุดใหม่
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ แซม อัลท์แมน ซีอีโอพลิกโลกคนล่าสุด ที่ทำให้ โอเพ่นเอไอ กลายเป็นบริษัทปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระดับแนวหน้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว
บทความโดย ศราวุธ เอี่ยมเซี่ยม