ทีมข่าวได้พบหลักฐานสำคัญ ภาพวงจรปิดขณะนายศิริชัย สามีของน้องนุ่น ทำร้ายร่างกาย “นุ่น” ผู้สูญหาย หลังออกมาจากร้านอาหารดังกล่าว ที่นุ่นกับเพื่อนเพิ่งไปฉลองวันเกิดสามีของนุ่น นอกจากนี้ ยังมีพยานในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งก็คือคุณบิว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณบิว พยานในเหตุการณ์เล่าว่าตนเดินมาเห็นขณะที่นายศิริชัยกำลังทำร้ายร่างกายน้องนุ่น ที่จำได้เพราะฝ่ายชายอุ้มลูก ในใจตนก็คิดว่าน่าจะเป็นฝ่ายหญิงที่เมาไม่ได้สติ แล้วฝ่ายชายอุ้มลูกมาตามกลับบ้าน ในที่เกิดเหตุขณะนั้นมืดหมดไม่มีไฟ มีเพียงไฟฉุกเฉินเพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้ขึ้นทางด่วนเท่านั้น ตนเห็นเพียงว่าฝ่ายหญิงสลบอยู่ และผู้ชายกำลังปลุกฝ่ายหญิง ไม่มีการทำร้ายร่างกาย อาจจะเป็นตอนหลังจากฝ่ายชายลงมือเสร็จแล้ว และตนก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องหรือพูดคุยด้วย เพราะคิดว่าไม่มีเรื่องอะไร
ต่อมาจะเห็นจังหวะที่มีชายที่เห็นเหตุการณ์เดินผ่านบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งชายคนดังกล่าวคือคุณบิวหนุ่มไรเดอร์ที่จอดรถข้างทางและกำลังเดินไปร้านสะดวกซื้อ เพื่อไปซื้อของ เมื่อฝ่ายชายเห็นมีคนเดินผ่านก็ทำเนียนอุ้มลูกขึ้นมาแล้วยืนปลอบริมถนนและทำลักษณะคล้ายภรรยาของตนเมาและนอนอยู่ข้างทาง ทำให้ หนุ่มไรเดอร์ไม่สงสัยก็นึกว่าครอบครัวมีปากเสียงแล้วภรรยาเมาอยู่ข้างทางจึงเดินออกไป
หลังหนุ่มไรเดอร์เดินผ่านบริเวณจุดเกิดเหตุแล้วฝ่ายชายก็อุ้มลูกขึ้นมาแล้วก็นำลูกกลับไปไว้ที่รถเหมือนเดิม
จากนั้นไม่นานจะเห็นฝ่ายชายหลังเอาลูกไปไว้ที่รถเสร็จก็เดินกลับมาหาฝ่ายหญิงแล้วก็นั่งในลักษณะท่ากอดเข่าข้างๆร่างของฝ่ายหญิงที่บาดเจ็บเพราะถูกฝ่ายชายทำร้าย
ด้านคุณเฟิร์น เพื่อนสนิทของน้องนุ่นและเป็นคนที่อยู่ในงานปาร์ตี้วันเกิดคืนเกิดเหตุเล่าว่า ในวันนั้น น้องนุ่นกับศิริชัย ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทะเลาะกันหรือมีปากเสียงอะไรกันเลย ส่วนก่อนหน้านี้เคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังว่าเวลาทั้งคู่ทะละกันก็จะมีเดินลงจากรถ แต่ส่วนตัวตนยังไม่เคยเห็นเองกับตา ส่วนที่ตนเคยเจอคือทะเลาะกันแล้วฝ่ายหญิงถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว ในคืนวันเกิดเหตุ ก่อนที่น้องนุ่นจะโดนทำร้าย ตนได้คุยโทรศัพท์กับน้องนุ่น ซึ่งเสียงของนุ่นก็ปกติ
ทีมข่าวได้หลักฐานสำคัญมาอีกหนึ่งอย่าง เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดปี 2563 ในคอนโดแห่งหนึ่ง ด้านนายศิริชัย ลงมือทำร้ายร่างกายน้องนุ่นอยู่ที่หน้าลิฟต์ทำให้น้องนุ่นได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าด้วย