สืบนครบาล รวบ "แบงค์ เพชรบ้านเอื้อ" จำหน่ายอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ผ่านกลุ่มปิดทางโซเชียล
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยปัจจุบันมีการใช้นำอาวุธปืนไปก่อเหตุในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีเพิ่ม อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า , ช่างกลต่างสถาบันนำอาวุธปืนไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้สืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนต่างๆ ทางออนไลน์จนพบว่า" แบงค์ เพชรบ้านเอื้อ " มีพฤติกรรมลักลอบนำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาดต่างๆ ส่งจำหน่ายทั้งประเทศ ซึ่งเป็นอีก 1 ตัวการสำคัญซึ่งเป็นต้นตอของการก่อเหตุอาชญากรรมขึ้นในสังคมอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายที่ต้องรีบสืบสวนจับกุมให้ได้โดยเร็ว
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ , พ.ต.ท.ธีวร์ราธิป ชูดวง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ท ไพโรจน์ บุรีรักษ์ , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล , ร.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ สนิทไทย รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 2 และ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. จับกุม
นายธงชัย หรือ "แบงค์ เพชรบ้านเอื้อ" สาระเดช อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 17 ตำบลบ้านไร่ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ โดยพบตัวขณะขับรถกระบะส่วนตัวนำอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ไปจัดส่งให้แก่ลูกค้า ผลการแสดงตัวเข้าตรวจค้น สามารถตรวจยึดของกลางเป็นอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 รวม จำนวน 10 กระบอก ในสภาพบรรจุอยู่ในกล่องพัสดุพร้อมจัดส่งให้แก่ผู้รับเป็นที่เรียบร้อย โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน " มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำหน่ายซึ่งอาวุธปีนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต ”
จากการซักถามนายธงชัย หรือ "แบงค์ เพชรบ้านเอื้อ" ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนอยู่ระหว่างเรียนคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง (ใกล้จบ) เดิมทีเป็นช่างซ่อมจักรยานยนต์ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี จึงหันมาเป็นเชฟทำอาหารอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครสวรรค์ ทำอยู่ 1 ปี รู้สึกเบื่อกับงานที่ทำ ต่อมาช่วงประมาณต้นปี 2564 เพื่อนที่รู้จักได้ชักชวนให้ไปเอาอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ในพื้นที่อำเภอพยุหะคีรีในราคา 4,000 บาท เพื่อนำมาขายต่อในราคา 6,000 บาท เห็นว่าได้กำไรดี จึงยึดเป็นอาชีพหลักตลอดมา จนเมื่อช่วงประมาณเดือนตุลาคม 2564 ถูกจับกุม ในความผิดฐาน “ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ” (ครอบครองอาวุธปืนไม่มีทะเบียน) ที่บ้านในโครงการเอื้ออาทรนครสวรรค์ 2 ครั้งนั้นศาลตัดสินลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท (โทษจำคุกรอลงอาญาสองปี) ช่วงนั้นก็เลยหยุดการไปรับปืนมาขายไป จนช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ตนจึงกลับมาทำอีก จนมาถูกจับกุมในที่สุด เงินที่ได้จากการจำหน่ายอาวุธปืนนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เลี้ยงไก่ หาความสุขใส่ตัวไปวันๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่ง พงส.สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป