เลือกเดินทางผิด! 5 โจ๋ถูกรวบคาด่าน รับจ้างขนยากว่า 1 ล้านเม็ด หวังหาเงินให้ได้ 2 แสน ไปเยียวยาคู่กรณีหลังก่อคดีอุกฉกรรจ์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ด่านตรวจบ้านพละ หมู่ 3 ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ชนินทร์ ณรงค์น้อย ผกก.สภ.บ้านมาบอำมฤต พ.อ.อภิชัย เรืองฤทธิ์ ผบ.ฉก.ร 25 กก.ล.เทพสตรี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด จำนวน 5 คน ประกอบด้วย นายพรรษกร อายุ 20 ปี นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายพัสกร อายุ 21 ปี นายพัฒนา อายุ 18 ปี และ น.ส.ฐิตารีย์ อายุ 21 ปี ทั้ง 5 คนมีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร พร้อมของกลางเป็นยาบ้า จำนวน 1,100,000 เม็ด และรถยนต์กระบะตอนเดียว สีขาว ซึ่งเป็นรถที่ใช้ขนยาเสพติด และรถยนต์เก๋งสีขาว ซึ่งเป็นรถนำ เพื่อรายงานด่านตรวจ
สืบเนื่องมาจากเมื่อเวลา 05.30 น.ของวันที่ 26 ก.พ. ขณะที่ พ.ต.ท.ชาตรี ทองจันทร์ สวป.สภ.มาบอำมฤต หัวหน้าด่านตรวจบ้านพละ นำกำลังตำรวจ ทหาร ตั้งด่านตรวจสกัดจับสิ่งผิดกฎหมายและอาชญากรรม บนถนนสายเพชรเกษมขาล่องใต้ บริเวณหน้าด่านตรวจความมั่นคง ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีขาว ขับเข้ามาในด่านตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้เรียกขอตรวจค้น ทราบชื่อภายหลังมีนายพัสกร เป็นคนขับ และน.ส.ฐิตารีย์ แฟนสาว นั่งมาเบาะด้านซ้าย ส่วนเบาะด้านหลังมีนายพัฒนา สอบถามทั้งสามอ้างว่า กำลังเดินทางไปทำธุระที่ จ.พัทลุง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยให้เดินทางต่อไปเนื่องจากไม่พบพิรุธและไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ ในรถ
ต่อมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เลิกด่านในเวลา 07.30 น. และกลับมาตั้งใหม่บนถนนขาล่องใต้อีกครั้งในเวลา 09.30 น. พบรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว ขับเวียนเข้ามาในด่าน ซึ่งจำได้และได้สอบถาม โดยคนขับอ้างว่า ขับรถต่อไม่ไหว ได้พักนอนที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งห่างด่านไปเพียง 2 กม. เจ้าหน้าที่จึงได้ปล่อยไปพร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสะกดรอยตามไปเพื่อประกบตัวไว้ก่อนห่างๆ เนื่องจากพบพิรุธจากการซักถาม และเชื่อว่าเป็นรถนำของขบวนการค้ายาเสพติดที่คอยรายงานให้กับรถขนยาเสพติด พร้อมจัดกำลังอีก 1 ชุด นำรถตรวจการณ์ออกตรวจตราริมถนนทั้งสองด้านขาขึ้นและขาล่อง
จนพบรถยนต์กระบะตอนเดียวสีขาว ลักษณะมีรั้วสูงเทียบเก๋งรถ จอดอยู่หน้าห้องพักในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ห่างจากด่านตรวจไปประมาณ 8 กม. เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจค้นต่อหน้านายพรรษกร และนายเอ ซึ่งพบว่าบริเวณพื้นปูกระบะสีดำด้านหลังคล้ายถูกถอด จึงยกแง้มดู พบมีร่องรอยการคัดแปลงตัวถังรถ จึงได้ควบคุมตัวทั้งสองมายังด่านตรวจ พร้อมรื้อค้นกระบะออกจนพบยาบ้าจัดวางเรียงอย่างดี ทั้งบริเวณด้านข้างของกระบะและพื้นกระบะ เจ้าหน้าที่จึงให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาเก็บร่องรอยนิ้วมือแฝง ก่อนนำลงมาตรวจนับได้จำนวน 110 ก้อนๆ ละ 10,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 1,100,000 เม็ด
หลังจากนั้นได้วิทยุให้นำตัวนายพัสกร น.ส.ฐิตารีย์ และนายพัฒนา มายังด่านตรวจเพื่อสอบถาม ซึ่งในตอนแรกทั้งสามให้การปฏิเสธไม่รู้จัก แต่พอนำโทรศัพท์ทุกเครื่องของทุกคนมาตรวจสอบ พบมีการโทรเข้าโทรออกเข้าหากันหลายสาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดแยกสอบปากคำ
จากการสอบปากคำนายพรรษกร คนขับรถยนต์กระบะ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองได้รับการว่าจ้างให้ขับรถคันดังกล่าว เพื่อลำเลียงยาบ้ามาส่งให้ลูกค้าที่ จ.พัทลุง โดยจะได้ค่าจ้างขับ จำนวน 20,000 บาท และนายเอ ก็ได้รับค่าจ้างให้นั่งรถมาเป็นเพื่อน เป็นเงิน 20,000 บาทด้วยเช่นกัน ส่วนรถยนต์กระบะนั้น ตนเองจะรับช่วงมาจากนายพัสกรที่จะไปขับมาจาก จ.ชลบุรี แล้วนำมาจอดให้แถวมีนบุรี หลังจากนั้นก็จะขับรถตามกันมา โดยมีนายพัสกรเป็นคนขับรถเก๋งนำหน้าเพื่อดูต้นทางว่ามีด่านตำรวจตั้งหรือไม่ และก่อนถูกจับนายพัสกรได้แจ้งมาว่ามีด่าน ตนเองก็ได้ขับรถยูเทิร์นกลับขึ้นไปฝั่งกรุงเทพฯ และหาที่จอดพักที่รีสอร์ต เพื่อรอนายพัสกรโทรแจ้งว่าด่านเลิกแล้ว ก็จะขับลงใต้เพื่อไปส่งให้ลูกค้าที่ปลายทาง แต่ไม่รอดมาถูกจับเสียก่อน
ด้านนายพัสกร ยอมรับสารภาพว่า ตนเองทำมาแล้ว 2 เที่ยว ซึ่งจะได้เที่ยวละ 20,000 บาท โดยครั้งที่ผ่านมา ตนเองเป็นคนขับรถซุกยาบ้าไปส่งที่ จ.พัทลุง แต่มาเที่ยวนี้ให้นายพรรษกร เป็นคนขับ ส่วนตนจะขับรถนำทาง คอยรายงานเรื่องด่านตรวจ ส่วนแฟนและเพื่อนอีกคนนั้น ก็ชวนกันมานั่งรถเที่ยว โดยไม่ได้บอกว่า ขับรถลงใต้เพื่อมาส่งยาเสพติด สำหรับเงินที่ได้มาจากค่าจ้างตนเองก็จะรวบรวมให้ได้ 200,000 บาท เพื่อไปเยียวยาให้กับคู่กรณีที่เคยมีเรื่องกันและถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่า แต่ก็มาถูกจับเสียก่อน
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันมายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.มาบอำมฤต ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ต่อไป