เปิดคลิปเสียงคุณนุผู้ตาย คุยกับอากู๋ เผยกราบเท้าทนายขอยอมความ
ต่อมาเวลา 18.46 น. นายเดชา เปิดเผยคลิปเสียงที่นางสาวภานุมาศ หรือนุ อายุ 52 ปี ผู้เสียชีวิตได้มีการพูดคุยกับอากู๋ ถึงกรณีการครอบครองบ้านหลังดังกล่าว
โดยอากู๋เผยว่า การเจรจาต้องมีการให้เกียรติกัน ทุกอย่างจะไม่เลยเถิดถ้าไม่แจ้งฟ้องปรปักษ์ ต่อมานางสาวนุเผยว่า ตอนนี้พูดคุยกับทนายแล้วว่าจะถอนฟ้องปรปักษ์แล้ว ยืนยันว่าจะไม่ทำแล้ว เมื่อวานตนเพิ่งได้คุยกับทนาย ถึงขั้นต้องกราบเท้า ด้วยความที่ตนคิดว่าทุกคนมักจะแนะนำให้ทำเรื่องต่างๆ จึงจะชนะ ทุกอย่างที่ผ่านมาตนไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย เมื่อวานได้พูดคุยกับทนายความ ว่าตนไม่อยากทำแล้ว เพราะมันเลยเถิดและมันไม่ใช่เจตนาของตนตั้งแต่แรก
ซึ่งพี่สาวตน เป็นคนเข้าไปดูแลจริงๆ เวลา เกิดอะไรขึ้นก็จะมาปรึกษาเมื่อบ้านชำรุด และต้องซ่อมแซม
ด้านนายซัน หลานชายของอากู๋ ก็ได้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายตนก็พร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยที่ชั้นศาล แต่ทางตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ ส่วนกรณีที่ทางทนายความคู่กรณีกล่าวโทษว่าฝ่ายตนเองพยายามใช้สื่อกดดันนั้น ฟังแล้วทำให้รู้สึกไม่ดี
ขณะนี้กำลังปรึกษากันว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อดี ซึ่งตนเองทราบมาว่า ผู้ถูกกล่าวหา เตรียมยื่นเรื่องขอเจรจาและจะถอนฟ้องคดีปรปักษ์ แต่มีการตรวจสอบแล้วพบว่ายังไม่ได้ถอน ซึ่งผู้ต้องหาพยายามที่จะติดต่อมาพูดตรงตรงว่า ก่อนหน้านั้นก็ยังโกรธอยู่เพราะบุกรุกมาซ้ำซ้อน แต่ตอนนี้ผ่านจุดนั้นมาแล้วเรื่องนี้จะขอว่ากันอีกที
ส่วนการจะขายบ้านหลังนี้ให้กับคู่กรณีหรือไม่ ดำเนินการกับคู่กรณีที่เหลืออย่างไร ต้องขอสอบถามพูดคุยกับอากู๋ก่อน เพราะตอนนี้ยังคงช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเสียใจ
ล่าสุดทีมข่าวของเราลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังที่มีปัญหาภายในซอยรามอินทรา พบว่าบ้านหลังดังกล่าวยังคงใส่กุญแจปิดเงียบพร้อมกับมีป้ายข้อความ พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต
ส่วนบ้านของนางสาวภานุมาศที่เพิ่งเสียชีวิตไปนั้นซึ่งอยู่ติดกับบ้านหลังดังกล่าวก็พบว่าไม่มีคนอยู่ภายในบ้านเช่นเดียวกัน
ทีมข่าว จึงไปสอบถามบ้านที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับบ้านของนางสาวภานุมาศ ซึ่งถือว่าเป็นเพื่อนบ้านคนสนิทและเป็น 1 ใน 5 คน ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกด้วย
เมื่อทีมข่าวพยามไปสอบถามว่ามีคนอยู่ในบ้านของนางสาวภานุมาศหรือไม่ คนในบ้านบอกว่ามีคนอยู่แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ เมื่อทีมข่าวพยามสอบถามว่ามีความกังวลใจในประเด็นไหนเป็นพิเศษหรือไม่
คนในบ้านจึงตะโกนออกมาพร้อมกับตำหนิสื่อบอกว่า “ สื่อไปลงอะไรก็ไม่รู้เละเทะ คนเขาตายไปแล้ว จะเอาอะไรอีก เป็นเพราะสื่อกดดัน ทำให้มีคนตาย”
เมื่อนักข่าวของเราพยายามถามต่อว่าแต่เขาไม่ได้คิดว่าเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขากระทำด้วยใช่ไหมครับ “ คนในบ้านตอบกลับมาว่าไม่ใช่ เป็นเพราะสื่อกดดันไง คนเค้าทำมาหากิน เขาไม่เคยทำอะไรเลวร้าย แล้วต้องเกิดแบบนี้ สื่อสำนึกบ้างหรือเปล่า”