เมียใหม่จดทะเบียน ตามระรานเมียเก่า ส่งรูปอนาจารของฝ่ายชายให้ลูกสาววัย 7 ขวบ เป็นการเยาะเย้ย ทั้งด่าทอสาปแช่ง ล่าสุดเมียเก่าสุดทนแจ้งความ ด้านฝ่ายชายเตรียมฟ้องหย่ารับไม่ได้ที่ทำกับลูก แต่เมียใหม่ไม่ยอม
วันที่ 28 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ป้าของเด็กหญิงวัย 7 ขวบ ร้องเรียนว่า สุดทนกับภรรยาของน้องชายที่ทำต่อหลานสาววัย 7 ปี โดยเล่าว่า ก่อนหน้านี้น้องชายแต่งงานกับหญิงคนหนึ่งซึ่งรับราชการ โดยอยู่กินกันมาปกติ มีลูกด้วยกัน แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ต่อมาน้องชายไปมีภรรยาอีกคน และจดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งน้องสะใภ้คนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร ใช้ชีวิตของตัวเอง ทำงานหาเลี้ยงดูแลลูกปกติ ไม่เคยแสดงอาการหึงหวงหรือระราน ตนในฐานะป้าและฝั่งปู่ย่าก็เอ็นดูสงสารหลาน มีการส่งค่าขนมให้หลานบ้าง แต่ไม่ได้มากมาย
ต่อมา กลับกลายเป็นว่า ภรรยาใหม่ของน้องชาย ไประรานภรรยาคนแรก ซึ่งตอนนี้เป็นอดีตภรรยาไปแล้ว ทั้งใช้ไลน์ของน้องชายไปต่อว่า ด่าทอ แต่ที่หนักสุดจนตนต้องมาร้องเรียนคือ ส่งรูปอวัยวะเพศของน้องชายตน ซึ่งเป็นพ่อของหลาน ไปที่โทรศัพท์ของหลานที่มีอายุแค่ 7 ขวบ
แรก ๆ อดีตภรรยาก็ไม่เคยมาบอก แต่ตอนหลังทนไม่ไหวจึงมาบอกตน ทำให้ตนตัดสินใจร้องเรียน ต้องการให้เขาหยุดพฤติกรรมระรานอดีตภรรยาเสียที เพราะตนสงสารหลาน ตนเคยเตือนน้องชายไปแล้ว แต่ก็ยังเกิดเรื่องอีก ตนจึงทนไม่ไหว ต้องมาร้องเรียนให้เป็นข่าวจะได้หยุดพฤติกรรมแบบนี้เสียที
น.ส.สวย (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี น้าสาวของเด็กวัย 7 ขวบ น้องสาวฝ่ายชาย บอกว่า พี่ชายตนได้แต่งงานกับภรรยาคนแรก มีลูกด้วยกันจำนวน 2 คน เป็นหญิงอายุ 7 ขวบ และ 5 ขวบ โดยอยู่กินกันมา 7 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และได้เลิกรากันไปเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับได้มีภรรยาใหม่ซึ่งมีลูกติดมา โดยที่ทางภรรยาคนเก่าไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว พร้อมกับไม่มาระรานภรรยาคนใหม่ ตั้งใจทำงานและเลี้ยงลูกอย่างเดียว แต่ภรรยาคนใหม่กลับไประรานภรรยาเก่าอยู่ตลอด ไม่ว่าจะส่งข้อความด่าโดยตรง และด่าสาปแช่งลูกวัย 7 ขวบ หนักไปกว่านั้นคือด่าพ่อแม่ของสามี รวมทั้งตน พูดง่ายๆ คือด่ายกครอบครัว ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เช่น “อีนรก” “ไอ้สัตว์” “ไอ้ตายโหง” “ไอ้ควาย” ทั้งระยะเวลา 4 ปีที่คบกับพี่ชายตน
ตอนที่ภรรยาคนใหม่คนนี้อยู่กินกับพี่ชายตน ก็มาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่กันกับพ่อแม่และตน แต่กลับมีปัญหาอยู่กันไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบใช้อารมณ์ ด่าคนในบ้าน จึงต้องออกจากบ้านหลังนี้ไป หลังจากนั้นก็ระรานมาโดยตลอดยกครอบครัว แต่เหตุการณ์ที่รับไม่ได้มากที่สุดคือส่งข้อความด่าและส่งภาพอนาจารซึ่งเป็นของพี่ชายตนไปให้ภรรยาคนแรก พร้อมกับส่งภาพอนาจารไปให้ลูกของพี่ชายที่มีกับภรรยาคนแรกวัยเพียงแค่ 7 ขวบ โดยเมื่อเด็กวัย 7 ขวบเห็นภาพได้ถามไปกับแม่ซึ่งเป็นภรรยาเก่าว่า “แม่นี่คืออะไร” ผู้เป็นแม่จึงรีบนำลบภาพดังกล่าวออกจากแช็ต เพราะกลัวจะกระทบจิตใจของเด็ก แต่ที่ส่งมาให้ผู้เป็นแม่ยังคงเก็บไว้
ทุกอย่างที่เขาทำมาจากเจตนาและความตั้งใจ เราเก็บหลักฐานไว้ทุกอย่าง ทั้งๆ ที่แม่ของเด็กไม่เคยด่าภรรยาใหม่ไปก่อนเลย ซึ่งตอนนี้ทางภรรยาคนแรก หรือแม่ของเด็กวัย 7 ขวบ ได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ จ.กระบี่ เนื่องจากเขาทำงานอยู่ที่นั่น โดยตนก็ได้พูดคุยกับภรรยาคนแรก ซึ่งเขาดำเนินคดีในเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ส่วนพี่ชายนั้นบอกว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ที่รับรู้และสัมผัสมานั้น ภรรยาใหม่พี่ชาย เป็นคนก้าวร้าว ชอบด่าแม้บุพการีสามี นิสัยไม่ดี สาปแช่งได้แม้กระทั่งเด็กลูกติดสามีให้ตาย และล่าสุดยังเย้ยให้เอาหลักฐานไปออกข่าวเลย
ส่วนความต้องการของตนนั้น ตอนนี้อยากให้ผู้หญิงคนนี้หยุดการกระทำ เพราะตนสุดทนแล้ว ไม่เคยพบเคยเจอผู้ใหญ่แบบนี้มาก่อน ไม่ไหวแล้ว แม้แต่พี่ชายตนจะส่งเงินให้ลูก ก็ถูกบังคับไม่ให้ส่ง จะโทรหาพ่อแม่หรือหาลูกก็ไม่ได้ ถูกบังคับทุกอย่าง อยากฝากถึงภรรยาใหม่พี่ชายว่า คุณไม่ใช่เด็กๆ แล้ว คุณก็มีลูกเหมือนกัน ถ้ามีคนส่งรูปอนาจารไปให้ลูกคุณดู คุณจะรู้สึกยังไง เด็กไม่รู้เรื่อง เด็กไม่สมควรที่จะเห็นอะไรแบบนี้ และภาพอนาจารต่างๆ ก็เคยส่งให้ญาติฝ่ายชายด้วย แต่เป็นครั้งแรกที่ส่งให้กับเด็ก 7 ขวบ
ขณะที่ น.ส.โบว์ (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ป้าของเด็กวัย 7 ขวบ พี่สาวของฝ่ายชาย บอกว่า ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมน้องสะใภ้คนใหม่ คุกคามหลานวัย 7 ขวบ เคยคุกคามพ่อแม่สามี พี่ๆ น้องๆ ทุกคนถึงที่บ้าน แต่พวกตนไม่เคยติดใจ เพราะระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ แต่ติดใจที่ว่าเขาทำกับเด็กหญิงวัย 7 ขวบได้ยังไง อยากจะสะท้อนให้สังคมได้รู้ และเพื่อป้องปราม สังคมทุกวันนี้เรื่องนิดเดียวทำให้เป็นให้เป็นปัญหาเยอะ คนเก่าไม่เคยระราน แต่คุณไประรานคนเก่า น่าจะอยู่ในพื้นที่ของคุณ แต่กลับไประรานกว่า 4 ปี รับไม่ได้ที่ทำกับเด็กวัย 7 ขวบ ไม่เว้นกระทั่งสาปแช่ง รู้สึกสงสารหลานมาก ไม่อยากให้ต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้ของผู้ใหญ่ที่มันแย่แบบนี้ อยากจะสื่อสารไปถึงน้องสะใภ้คนใหม่ว่า “ตัวเองก็มีลูก เคยมีครอบครัวมาก่อน คิดดูดีๆ ถ้าคนอื่นทำกับคุณแบบนี้ ลองเจอกับตัวเองดูบ้างไหม”
ส่วนทางด้านฝ่ายชาย อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ชี้แจงว่า กับภรรยาคนเก่าไม่ได้จดทะเบียนสมรส เริ่มแรกที่มามีภรรยาใหม่ ตนบอกกับเขาวาตนมีภรรยาและมีลูกมาแล้ว แต่เขายืนยันว่ารับได้ และจดทะเบียนสมรสกับคนใหม่ แต่พออยู่ไปอยู่มาเขาเริ่มมีอาการหึงหวง จนตนต้องเลิกกับภรรยาคนแรก และมาอยู่กินกับคนใหม่ ได้ประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ช่วงแรกๆ ที่มาอยู่กินกับคนใหม่ ภรรยาเก่าก็มีทักแช็ตโทรมาคุยกับตนบ้าง ว่าทำไมต้องไปหาคนใหม่ จนคนเก่าและคนใหม่ปัญหาด่าทอผ่านมือถือกันมาตลอด แต่ผ่านมาฝ่ายแม่ของลูกเขาหยุดการกระทำทุกอย่าง ได้เพียงแต่ทำงานหาเลี้ยงลูก แต่ฝั่งคนใหม่ ยังคิดว่าตนมีเรื่องชู้สาวกับคนเก่าอยู่ ทั้งๆ ที่ตนมีคุยแต่เรื่องลูก แต่คนใหม่ก็ไม่หยุดการกระทำ ยังแช็ตด่าตลอด ตนพูดเรื่องจริงทุกอย่าง จนตอนคนใหม่ไปอาศัยอยู่บ้านตน เขาไปเห็นรูปถ่ายที่ถ่ายกับคนเก่าจึงโกรธเก็บข้าวของออกจากบ้าน เอามือถือ เอารถยนต์ตนออกมา และแยกกันอยู่กับตน 5-6 เดือน ตนก็ไปทำงานต่างจังหวัด แต่เมื่อตนกลับมาที่ จ.ตรัง ก็มาคุยกันใหม่อยู่บ้าง
จนมาเหตุการณ์ล่าสุด คนใหม่ดูมือถือตน เห็นว่าตนยังเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับแม่ของลูก และเฟซบุ๊กลูก คนใหม่จึงใช้เฟซบุ๊กตน ทักแช็ตไปด่าแม่ของลูก พร้อมกับส่งภาพลากมกอนาจารไปให้ จนแม่ของลูกรับไม่ได้ จึงบล็อกเฟซบุ๊กไป ต่อมาคนใหม่จึงได้ส่งภาพลากมกไปให้ลูกสาวตนวัย 7 ขวบ ที่อยู่กับแม่ของลูก จนมีการด่าทอกัน เพราะแม่ของลูกรับไม่ได้ที่ทำอย่างนั้นกับลูกของเขาวัย 7 ขวบ การที่เขาไปแจ้งความดำเนินคดีก็เป็นสิทธิ์ของเขา ที่ผ่านมาการที่ผู้หญิงคนเก่าคนใหม่มีปัญหาทะเลาะกัน ตนก็มองว่าเป็นเรื่องเป็นสัจจะธรรม แต่มาก้าวก่ายลูกตนก็ยอมไม่ได้ เป็นลูกใครก็ไม่ยอม ยืนยันว่าที่ผ่านมาที่คุยกับแม่ของลูก เพียงแค่คุยกันเรื่องลูก ไม่เคยมีเรื่องชู้สาวต่อกัน
ปัจจุบันตนยังจดทะเบียนสมรสกับคนใหม่ ยังไม่ได้หย่า แต่ปรึกษาทนายแล้วว่าจะหย่า พร้อมกับจะนำเอาพยานหลักฐานทุกอย่าง ที่มีการด่าพ่อแม่ตน และส่งภาพลามกให้ลูกวัย 7 ขวบดู เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คนใหม่ทำกับลูกแบบนี้ตนขอหยุดดีกว่า ตนไม่ยอม ถ้าคนเรามีจิตสำนึก ไม่สมควรจะส่งให้เด็กดู เพราะเด็กไม่รู้เรื่อง เคยพูดขอหย่า แต่เขาไม่ยอมหย่า หากจะหย่าก็ให้ตนฟ้องเอา หลังจากนี้ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานฟ้องหย่า จึงขออยากฝากคนใหม่ว่า ให้หยุดพฤติกรรมเช่นนี้ ถ้าไปอยู่กับคนใหม่ก็อยู่ไม่ได้ ถ้ายังเป็นแบบนี้ เพราะคุณอารมณ์ร้อน ไม่มีเหตุผล ต้องให้ทุกอย่างพังก่อนถึงจะฟังเหตุผล ตนพูดจากความจริง ไม่ใส่ร้าย ก็อยากให้เขามาหย่าดีๆ ไม่ต้องมีการยื่นฟ้อง จบกันดีๆได้ เพราะตนยอมแล้ว โดยที่ผู้ใหญ่ฝ่ายคนใหม่และฝ่ายตนก็ไม่มีใครสนับสนุนให้เรามาคบกัน ตนอึดอัดใจมา 3-4 ปีแล้วที่คบกัน ความสุขก็มี แต่มาแลกกับความทุกข์มันไม่คุ้มกัน จะไปหาลูกก็ไม่ได้