บุกรวบ "เต้ยบางโพ" นักข่มขืนต่อเนื่อง ตระเวนฉุดเด็กหญิงในชุดนักเรียน
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดพระกาฬ ล่าตัวก่อนรวบตัว นายวิษณุ หรือเต้ย อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.149/2567 ลงวันที่ 9 ก.พ.67 โดยนายวิษณุมีพฤติการณ์ ขู่ถ่ายคลิปการช่วยตัวเองเพื่อนำมาข่มขู่ในการจะชำเราครั้งต่อๆ ไปโดยไม่กล้าแจ้งความ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดจับกุมคนร้ายรายนี้ที่เป็นอันตรายต่อเด็กผู้หญิงและ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ต่อมาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่สืบนครบาล สืบสวนติดตามจับกุมตัว
โดยกล่าวหาว่า “บุกรุกเคหสถาน, กระทำชำเราแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” (พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ)
พบประวัติการถูกดำเนินคดี 3 คดี ปี 2560 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” พื้นที่ จ.นนทบุรี
ปี 2561 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” พื้นที่ สน.สามเสน ผู้เสียหายเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 16 ปี ปี 2566 (คดีนี้) โดยจับกุมตัวได้ที่ ภายในลิฟต์ คอนโดย่านเตาปูน ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ พฤติการณ์กล่าวคือ ตามล่า “มนุษย์หื่นไซโคพาธ” นักข่มขืนต่อเนื่องสุดโรคจิต ตามสะกดรอยเหยื่อเด็กผู้หญิงที่ “สวมชุดนักเรียน” ก่อนลงมือข่มขืน
ภัยร้ายบนโลกความจริงที่ยิ่งกว่านิยายสืบสวน ได้เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทยใจกลางเมืองกรุงของเรา โดยโรคจิตรายนี้ลงมือก่อเหตุข่มขืนนักเรียนหญิงมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ราย (ยังไม่แจ้งความอีกหลายราย) และเคยถูกจับกุมตัวไปแล้วตั้งแต่ 7 ก.ย.2561 หลังจากก่อเหตุข่มขืนเด็กนักเรียนหญิงกว่า 2 คดี โดยเหตุการณ์ในครานั้นเหยื่อนักเรียนหญิงถูกสะกดรอยติดตาม จากนั้นคนร้ายปลอมตัวเป็นรถรับจ้างรับเธอกลับจากโรงเรียน พาเธอออกนอกเส้นทางไปยังใต้สะพานซังฮี้ ก่อนจะลงมือต่อยท้องก่อนจะข่มขืนกระทำชำเรา
หลังโดนจับกุมและถูกส่งตัวเข้าไปรับโทษในเรือนจำอยู่หลายปี ล่าสุดได้พ้นโทษออกมาสู่สังคมแล้ว เมื่อความใคร่ได้ฝังเข้าไปอยู่ในสันดานของมนุษย์หื่นรายนี้แล้ว ก็ยากที่จะกลับตัวเป็นคนดี ในวันที่ 30 ต.ค.66 ความหื่นไซโคพาธรายนี้ได้กลับมาก่อเหตุอีกครั้ง โดยครั้งนี้เลือกเหยื่อเป็นเด็กนักเรียนหญิงวัย 12 ปี โดยแอบเฝ้าอยู่ที่บันไดหนีไฟของตึกที่พักย่านสาทรของเหยื่อ
จนกระทั่งเห็นเหยื่อนักเรียนหญิงกลับมาจากโรงเรียนเพียงลำพัง มันเดินตามเธอมาอย่างเงียบๆ จนถึงห้องพัก ทันทีที่เหยื่อนักเรียนหญิงไขประตูห้องพัก มันพุ่งปรี่เข้าไปประชิดตัวใช้มืออุดปากลากเธอเข้าไปในห้องพักแล้วลงมือข่มขืนเธอโดยไม่สวมถุงยางอนามัย ซ้ำยังขู่จะฆ่าเธอให้ตาย โชคช่วยที่ญาติของเหยื่อนักเรียนหญิงได้กลับมาที่ห้องพัก เมื่อเธอได้ยินเสียงไขประตูเธอฮึดสู้ “กรี๊ด” สุดเสียงก่อนจะได้รับความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
หลังเกิดเหตุ ญาติและเด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งต่อมาก็ได้ทราบว่าคนร้ายคือ นายวิษณุ หรือเต้ย มนุษย์หื่นไซโคพาธเจ้าเดิมที่ตระเวนก่อเหตุข่มขืนเด็กนักเรียนเมื่อช่วงปี 2560-2561 ชุดวิเคราะห์สืบนครบาลได้วิเคราะห์คนร้ายรายนี้แล้วไม่ใช่อาชญากรทั่วไป “เป็นอาชญากรต่อเนื่อง” ที่เป็นภัยสังคม
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดพระกาฬแกะรอยอาชญากรรายนี้ จนทราบว่าเป็นพวกที่ “ใคร่เด็ก” โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่สวมชุดนักเรียน โดยหลังพ้นโทษออกมาแล้วยังคงตระเวนก่อเหตุลักษณะเดิม แต่เหยื่อจะไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีหรือมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพราะถูกข่มขู่จะฆ่า เด็กสาวบางรายถูกบังคับให้ถ่ายคลิปการช่วยตัวเองเพื่อนำมาข่มขู่ในการจะชำเราครั้งต่อๆ ไปโดยไม่กล้าแจ้งความ หรือเพราะด้วยเหยื่อจะไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร
พล.ต.ต.ธีรเดชงัดแผนสุดคลาสสิค “แกะรอยจากแผนประทุษกรรม” กระทั่งทราบเบาะแสว่าคนร้ายรายนี้ “ขับรถรับจ้าง” และอาศัยเวลาว่างหรือระหว่างทำงานในการคัดเลือกเหยื่อ และต่อมาชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่คอนโดย่านเตาปูน ซึ่งเป็นห้องของแฟนสาว จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายค้น
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำหมายค้นมาถึงพบว่า คนร้ายไม่อยู่ห้องพักจึงวางกำลัง “ซุ่ม” รอคนร้ายอยู่บริเวณลิฟต์ก่อนเข้าห้องพัก และสามารถจับกุมตัวอาชญากรรายนี้ได้ในที่สุด
ในชั้นจับกุม นายวิษณุให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา รับว่า “ตนเองเป็นอดีตข้าราชการ มีรสนิยมชอบเด็ก แต่ผู้เสียหายทั้งหมดที่ตนเองเคยถูกดำเนินคดีนั้น สมยอมทั้งหมด บางรายยังถ่ายภาพการช่วยตัวเองมาให้ตนเก็บไว้ดู โดยกล่าวโทษว่าเหยื่อเด็กเหล่านั้นร้ายกว่าที่คิด สร้างเรื่องให้ตนเองโดนคดี
ส่วนที่ถูกกล่าวหาว่าสะกดรอยซุ่มตามเหยื่อนั้น ตนเองไม่ได้ซุ่ม แต่แค่รู้ว่าบ้านของเหยื่ออยู่ที่ใด” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวนายวิษณุส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุงมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เพราะจากแผนประทุษกรรมคนร้ายรายนี้เป็นอาชญากรต่อเนื่องที่มีรสนิยม “ใคร่เด็ก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหยื่อที่สวมชุดนักเรียน และจะใช้วิธีสะกดรอยติดตามเหยื่อจนสบโอกาสที่เหยื่ออยู่เพียงลำพัง ไม่มีผู้ปกครองคอยดูแล ก่อนจะลงมือข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งคนร้ายรายนี้เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาประเภทเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง
เมื่อพ้นโทษออกจากเรือนจำออกมา กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก จัดได้ว่าอยู่ในประเภท “นักข่มขืนต่อเนื่อง” เราจึงเชื่อว่ายังมีเหยื่ออีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เพ่นพ่านในสังคม และขอประชาสัมพันธ์ผู้เสียหายที่เคยตกเป็นเหยื่อได้รับความยุติธรรม จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เคยตกเป็นเหยื่อโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง
โดยเบาะแสของท่านจะ “เป็นความลับ” และขอแจ้งเตือนไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลาย โปรดใส่ใจและเพิ่มความระมัดระวัง อย่าปล่อยให้บุตรหลานของท่าน เดินทางกลับบ้านหรือปล่อยให้อยู่คนเดียวตามลำพัง เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นต่อบุตรหลานของท่าน เฉกเช่นคดีนี้ เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.