จากกรณีที่เพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 7” ได้โพสต์คลิปและข้อความที่ว่า ”การใช้ความรุนแรงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่อาสาตีกันทำไม..แข่งกันทำความดีดีกว่านะ จิตอาสาท่องไว้จิตอาสา..อาสาพิ...&อาสา ป..สกรีนตรวจสอบคัดกรองความประพฤติกันบ้างก็ดี..คนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนจะได้ไม่ถูกเหมารวมไปด้วย..พิกัดเขตพระโขนง อาสาสมัครอุดมการณ์เดียวกันแท้ๆทำไมถึงต้องทะเลาะกันด้วย!!! ไม่อยากให้มีการตีกันเกิดขึ้นเลย อยากให้วงการอาสาขาวสะอาดประชาชนจะได้เชื่อถือในการทำงานของอาสาสมัครได้อาสาที่ทำดีทำดีแทบตายเจออาสาแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ไม่แปลกหรอกที่ประชาชนจะมองว่าตีกันเพราะแย่งคนเจ็บเรื่องค่าเคส“

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังซอยอุดมสุข 42 เขตบางนา กทม. ที่ทำการมูลนิธิจีเต็กลิ้ม ฮู้ก๊กตึ๊ง พิรุณ โดยในวันนี้ที่ทำการเขตกู้ชีพพิรุณ ได้มีการแถลงชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะมี นายสมมารถ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ที่อยู่ในเหตุการณ์  นายพิทักษ์ ผู้จัดการมูลนิธิจีเต็กลิ้ม ฮู้ก๊กตึ๊ง พิรุณ นางวันชัชนี หัวหน้าศูนย์กู้ชีพ นายนิตินัฏร์ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ที่อยู่ในเหตุการณ์

 

โดยคนแรกคือ นายพิทักษ์ ผู้จัดการมูลนิธิจีเต็กลิ้ม ฮู้ก๊กตึ๊ง พิรุณ ได้บอกกับทางสื่อมวลชนว่า ทางมูลนิธิจีเต็กลิ้ม ฮู้ก๊กตึ๊ง พิรุณ คือหน่วยบริการทางแพทย์ฉุกเฉินของทางกรุงเทพมหานคร ในเขตบางนา เขตพระโขนง และเขตประเวศ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาสากู้ภัยจากที่ต่างๆแต่อย่างใด โดยวันที่มีเหตุการณ์เกิดเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. ของวันที่ 27 ก.พ. โดยทางเราได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์บริเวณซอยอ่อนนุช 25 หลังช่วยและนำผู้บาดเจ็บขึ้นรถของทางเราเสร็จ ระหว่างรอนำส่งผู้บาดเจ็บ จากนั้นได้มีรถกระบะสีดำของทางป่อเต็กตึ๊งขับเข้ามาจำนวน 2 คน โดยหนึ่งคนในรถกระบะคันดังกล่าว คือ นายปอง ที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ลงจากรถมาหาเรื่อง และเปิดท้ายรถของเรา ขณะที่มีผู้บาดเจ็บนอนอยู่ด้านใน เพื่อขัดขวางไม่ให้ทางเรานำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนชายอีกคนอยู่บนรถคอยถ่ายคลิป คือ นายเอ็ม เป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ซึ่งทางเรายืนยันว่า ทางเราไม่เคยรู้จัก หรือมีปัญหากันมาก่อน โดยทางเรา ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ปัญหาการแย่งเคสผู้บาดเจ็บกันแต่อย่างใด ซึ่งปัญหานี้จบไปนานแล้ว และที่ผ่านมาทุกมูลนิธิ ทุกอาสาฯ จะรู้กันดีว่า ใครถึงก่อนก็ทำ หรือถ้ามีน้ำใจก็ลงมาช่วย

 

ด้านนางวันชัชนี  หัวหน้าศูนย์กู้ชีพ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ชาย 2 คนที่เข้ามาหาเรื่องทางเรานั้น ไม่ได้ใส่ชุดเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด รวมทั้งยังมีอาการเมา ก่อนที่ชายคนแรกจะเดินมาทางมาที่รถศูนย์กู้ชีพพิรุณของเรา ทางเราก็ได้ถามไปว่า เป็นญาติไหม แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ตอบ จากนั้นได้พยายามที่จะดึงผู้บาดเจ็บที่อยู่บนเตียงภายในรถลงมา จนเริ่มมีปากเสียงกันเกิดขึ้น ตนยืนยันว่า ทางฝ่ายคู่กรณีตั้งใจเข้ามาหาเรื่อง ไม่ได้เป็นการเข้ามาตามหาญาติหรือคนรู้จักแต่อย่างใด ส่วนชายอีกคนอยู่บนรถรอถ่ายรูป และขณะนี้ทางเราได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งแล้ว ซึ่งทางป่อเต็กตึ๊งให้ทางฝั่งตนแจ้งความ เนื่องจากหนึ่งในสองชายที่มีเรื่องกันนั้น ไม่ใช่คนของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แต่อย่างไรก็ตาม หลังตนแจ้งความกับ สน.พระโขนง ทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งยังไม่ได้มีการเข้ามาพูดคุยหรือแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นใด ๆ ทั้งสิ้น

 

ต่อมานายสมมารถ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า หลังชายคนที่ลงจากรถกระบะสีดำได้พยายามเปิดฝาท้ายที่มีผู้บาดเจ็บอยู่ด้านใน ตนได้ถามไปว่า ต้องการอะไร จากนั้นชายคนดังกล่าวทำสีหน้าไม่พอใจ และพูดหาเรื่องออกมาว่า ‘พวกมึงจะวิ่งกันมั้ย’ ก่อนจะเดินปรี่มาผลักตน และพยายามจะควักมีดออกมาจากเอวจะแทงตน ตนจึงวิ่งกลับมาที่รถ และเอาเหล็กมาป้องกันตัว ต่อมาชายคู่กรณียังชี้หน้าและพูดกับตนว่า ‘มึงพิรุณหรอ เดี๋ยวมึงเจอกูมา

 

ส่วนนายนิตินัฏร์ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ กล่าวว่าตนเป็นคนเข้ามาห้ามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเข้าไปถามชายที่ลงจากรถกระบะสีดำว่า เกิดอะไรขึ้น เมาใช่ไหม ใจเย็น ๆ จากนั้นชายคนดังกล่าวก็เปลี่ยนเป้าหมายมาที่ตน และขู่ตนว่า ’พิรุณใช่ไหม เดี๋ยวเจอกัน‘ ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาต่อยตน แต่ตนหลบได้ทัน ตนจึงต่อยสวนไป จนชายคนดังกล่าวที่ลงรถกระบะมาร่วงกับพื้น แต่ตนก็ไม่ได้ต่อยซ้ำอะไร ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ทางป่อเต็กตึ๊ง ไม่ได้ตามทำข้อตกลงที่ทางเราคุยกันไว้ โดยถ้าฝ่ายคู่กรณีไม่คิดจะตั้งใจมาหาเรื่อง จะเข้ามาตรงที่เกิดเหตุทำไม

 

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 14:30น. ที่ผ่านมา ทาง ผกก.สน.พระโขนง ได้เชิญตัวแทนของทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยและทำข้อตกลงกัน ภายในห้องประชุมของ ผกก.สน.พระโขนง โดยให้ทางสื่อมวลชน รออยู่ด้านหน้าห้อง หลังจากการพูดคุยและทำข้อตกลงกันแล้ว ซึ่งใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

 

โดยทางด้านนางสาววันชัชนี (หัวหน้าศูนย์กู้ชีพพิรุณ) ระบุว่า ในส่วนของการเจรจาพูดคุยกันมูลนิธิทั้ง 2 จะกลับไปดำเนินการตามกฎของมูลนิธิที่กำหนดไว้ และในส่วนของคดีความนั้น ให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และยังมีการวางแนวทางว่าหลังจากที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะช่วยกันเฝ้าระวังเหตุและค่อยช่วยเหลือกัน ซึ่งจะมีเจ้าของป่อเต็กตึ๊งเข้ามากำกับดูแลอาสาสมัครที่อยู่หน้างาน ทางด้านเจ้าหน้าที่ของป่อเต็กตึ๊งก็จะดำเนินการทันที หลังจากนี้และจากการพูดคุยตนรู้สึกสบายใจขึ้น และผู้ใหญ่ของทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งก็ได้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ต่อไปตนอยากให้ช่วยกันทำงานช่วยเหลือประชาชน

 

ซึ่งเรื่องของการวิ่งรับคนเจ็บทางด้านของมูลนิธิพิรุณวิ่งงานรับคนเจ็บกันทุกวันเพราะเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพกันทุกคน ได้รับงานวอศูนย์จากศูนย์เอราวัณ ทางด้านของมูลนิธิพิรุณได้ขอความร่วมมือกับ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งว่าให้ช่วยเฝ้าระวังเหตุด้วย ทั้งนี้ยังยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีข้อขัดแย้งใดใดทั้งสิ้น ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติงานร่วมกันและไม่เคยมีปัญหา ใครถึงก่อนทำก่อน ใครถึงหลังช่วยกันทำ

 

ทางด้านนายสำอาง สว่างแจ้ง ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เผยว่า ตอนนี้อยู่ในระหว่างการเรียกตัวบุคคลในคลิปมาสอบข้อเท็จจริงและจะดำเนินการตามกฎหมาย ในส่วนของอาสาที่เข้าไปในวันเกิดเหตุ จะมีบทลงโทษโดยพักรหัส ยกเลิกรหัส เป็นเวลา 12 เดือน หรือ 1 ปี เบื้องต้นจากรายงานบุคคลที่ติดตามอาสาไปไม่ใช่อาสาของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเพื่อนของอาสาที่อาศัยขึ้นรถของมูลนิธิฯ ไปด้วยจนเกิดเหตุขึ้น ซึ่งทางมูลนิธิฯ ก็มีกฎอยู่แล้วว่าห้ามคนนอกขึ้นรถของมูลนิธิฯ ต่อไปจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปกำกับดูแลตามจุดของอาสาสมัครในพื้นที่ดังกล่าว

 

ในส่วนของอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊งถ้าทำผิด ก็จะดำเนินการตามกฎของมูลนิธิ และจะมีบทลงโทษสำหรับหัวหน้าหน่วยด้วยเนื่องจากไม่กำกับดูแลอาสาสมัครภายในหน่วยที่รับผิดชอบ ส่วนความผิดนั้นต้องมาดูจากการเรียกตัวมาสอบอีกครั้งถึงจะดำเนินการได้ ส่วนเรื่องของบุคคลภายนอกที่อาศัยมากับรถของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนั้น ให้ดำเนินการตามกฎหมายได้เลยเนื่องจากไม่ใช่อาสาสมัครของมูลนิธิ

ศึกกู้ภัย! ตะลุมบอนกันเละแย่งคนเจ็บกลางกรุง