จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งมีเหตุ นายนิคม อายุ 54 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ยิง นางวันดี อายุ 67 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายของผู้ก่อเหตุ กระสุนฝังในลำคอฝั่งขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัสและได้เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2567 เวลา 17.30 น. โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านของผู้ตาย หลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีเข้าป่าบริเวณแนวเทือกเขาพนมดงรัก ติดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ (2 มี.ค. 2567) มีรายงานว่า พ.ต.อ.ชัชวาล โตโสภณ ผกก. สภ.ปรือใหญ่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ปรือใหญ่ และชุดสืบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ นำกำลังออกไล่ล่าตัวผู้ต้องหาที่หลบซ่อนอยู่ในป่า โดยได้กระจายกำลังปูพรหมออกค้นหานานกว่า 6 ชั่วโมง กระทั่งพบตัว นายนิคม ผู้ต้องหาหลบซ่อนตัวอยู่ใต้โขดหิน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมแสดงหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธปืน จากนั้นได้ควบคุมตัวไปนำชี้จุดทิ้งปืน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดจับกุมประมาณ 1 กิโลเมตร โดยทิ้งอาวุธปืนพร้อมเสื้อผ้าไว้ในหลุมหินลึกประมาณ 1.5 เมตร

จากการสอบสวนนายนิคม ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงนางวันดี แม่ยายจริง โดยอ้างว่าโกรธแค้นที่ถูกครอบครัวของทางภรรยาดูถูกว่าจน ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ก่อนหน้านี้ตนบวชพระอยู่ดี ๆ ทางฝ่ายหญิงมาชักชวนให้ตนสึกออกมาจากการเป็นพระ มาอยู่กินฉันสามีภรรยากับลูกสาวผู้ตายได้เพียง 3 เดือน ก็เริ่มออกลายพูดจาดูถูก ว่าไม่มีอะไรทุกวัน และบอกให้โอกาสตนแค่ 3 เดือน ใครจะตั้งตัวได้ จึงเก็บอาการไว้ในใจเรื่อยมา

กระทั่งเมื่อไม่กี่วันก่อน ภรรยามาบอกเลิกกับตน ตนจึงเกิดความโกรธแค้นที่สะสมมานาน เลยอดไม่ไหวทนไม่ได้ บันดาลโทษะคว้าปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ที่ซื้อกับคนแถวบ้านมาเมื่อ 4-5 เดือนก่อน มาก่อเหตุยิงแม่ยายจนเสียชีวิตดังกล่าว

ซึ่งสาเหตุที่เลิกลากับภรรยา เป็นเพราะแม่ยายบอกให้เลิกกับตน เขาเชื่อแม่เขา ตนจึงขู่ฆ่ายกครัว เพราะโกรธแค้น อย่างไรก็ตามหลังลงมือก่อเหตุแล้ว ตนยอมรับผิดทุกประการ ขอยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และไม่คิดไปขอโทษขอขมาผู้ตายแต่อย่างใด และพร้อมรับโทษตามกฎหมาย

ด้าน นายธนัช อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยอีกคนของผู้ตาย กล่าวว่า นางวันดี ผู้ตาย ซึ่งเป็นแม่ยายของตนเป็นคนดี ไม่เคยไปว่าร้ายใคร ก่อนเกิดเหตุมีคนมาบอกว่า นายนิคม ผู้ก่อเหตุได้ขู่ฆ่าแม่ยาย น้องชาย และตน พอรู้ว่าตนเป็นหนึ่งที่จะถูกฆ่าด้วย ตนก็รู้ตกใจและเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกหลาน เพราะนิสัยของนายนิคม ตอนอยู่ที่บ้านเป็นคนอารมณ์ร้อน มีพฤติกรรมก้าวร้าว เคยเอาปืนไปโชว์ต่อหน้าผู้คน และเคยจะยิงลูกชายของผู้ตายอยู่ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นปืนยิงไม่ออก

ส่วนตอนเกิดเหตุตนออกไปช่วยงานในหมู่บ้าน ตอนนั้นได้ยิงเสียงดังคล้ายปืนอยู่เช่นกัน แต่ตนคิดว่าเป็นเสียงประทัดที่เด็ก ๆ จุดเล่นกัน จึงไม่ได้สนใจเท่าไรนัก พอกลับมาที่บ้านถึงรู้ว่าเสียงนั้นเป็นเสียงปืนที่ยิงแม่ยาย ส่วนตัวคิดว่าใครก่อกรรมอะไรไว้ก็คงต้องรับกรรมนั้น และอยากจะให้ศาลตัดสินประหารชีวิตผู้ก่อเหตุไปเลย เพื่อที่คนอื่น ชาวบ้าน จะได้อยู่อย่างสบายใจ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปรือใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

.

นอกจากนี้ทีมข่าวได้รับภาพวงจรปิดขณะที่นายนิคมก่อเหตุยิงแม่ยายเสร็จแล้ว ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อหลบหนีไปยังพื้นที่ป่า ซึ่งตามรายงานระบุว่า นายนิคมตั้งใจหนีเข้าป่าหอบเสื้อผ้าเพื่อจะหนีไปชายแดนเขมร แต่มาถูกตำรวจจับตัวได้ก่อน