จากกรณีมีคลิปเจ้าหน้าที่กู้ภัยเมืองสุรินทร์ชื่อว่า โก้ ขับรถไล่ชน นายบริภัต เด็กแว้นป่วนเมืองจนได้รับบาดเจ็บ หลังไม่พอใจที่เห็นเด็กแว้นขับรถป่วนเมืองสร้างความรำคาญ โดยเจ้าตัวมีการโพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า "พอดีแถวบ้านผมมีผู้สูงอายุ และมีเด็กอ่อนเด็กเล็ก เด็กในวัยเรียน ผมก็เลยอ่อนไหวกับเรื่องพวกรถซิ่งเสียงดังก่อความเดือดร้อนรำคาญบนถนนใกล้บ้านผมข้องใจนัดเจอได้นะครับ" นั้น


ล่าสุด ทีมข่าวได้รับภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 01.50 น. ในคลิปจะเห็นรถของเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับรถตู้กู้ภัยอยู่ฝั่งซ้ายกำลังไล่รถ จยย. ของนายบริภัต (ผู้เสียหาย) อายุ 30 ปี ที่อยู่ฝั่งขวามือ โดยไล่มาจากทางด้านซ้ายมือ ก่อนจะมาถึงที่บริเวณหน้าประตูโรงงาน เราจะเห็นว่ารถตู้ของเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พยายามขับเบียดรถ จยย. ของนายบริภัตที่กำลังชะลอรถ ก่อนจะถูกเบียดล้มชิดกำแพงโรงงาน ซึ่งในภาพจะไม่เห็นตอนรถ จยย.ของนายบริภัตล้ม เนื่องจากว่ามีต้นไม้บังมุมกล้อง





ต่อมาเวลา 02.31 น. เจ้าหน้าที่สายตรวจมาถึงที่เกิดเหตุ และได้นำรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายขึ้นมาท้ายรถกระบะมาที่โรงพัก ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้ขับรถตู้ออกจากที่เกิดเหตุ ส่วนคลิปต่อมาจะได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน โดยจับใจความได้ว่านายโก้ เจ้าหน้าที่กู้ภัย กำลังตะโกนด่านายบริภัต ผู้เสียหาย ที่ขี่รถแว้นป่วนเมือง เสียงดัง สร้างความรำคาญทำให้ครอบครัวของกู้ภัยที่มีผู้ป่วยและลูก ไม่ได้หลับได้นอน


ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่เกิดเหตุในซอยศรีพัฒนา พบว่าซอยดังกล่าวเป็นถนน 2 เลนสวนกัน มีบ้านพักอาศัยของชาวบ้าน ส่วนที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าโรงงานทอผ้าไหม โดยที่เกิดเหตุยังพบรอยรถครูดกับพื้นถนนเป็นรอยยาว




จากการสอบถามนายรัตน์ ชาวบ้านที่ได้ยินเสียง เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณเกือบตี 2 ของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ขณะที่ตนนอนอยู่ได้ยินเสียงรถตู้ชนกับกำแพง ตนได้ยินเสียงหวอของรถกู้ภัยเสียงดังมาแต่ไกล ก่อนจะได้ยินเสียงรถชนกำแพงบ้านของตนเองเสียงดังจนตนต้องสะดุ้งตื่น แต่ตนไม่ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์จากนั้นจึงได้เดินออกมาดู พบรถตู้ชนเข้ากับกำแพงบ้าน ส่วนรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ข้างกับรถตู้ และก็เห็นผู้บาดเจ็บและเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังยืนทะเลาะโต้เถียงกันเรื่องรถจักรยานยนต์แว้นเสียงดัง


นายรัตน์ ยอมรับว่า ช่วงเวลาตี 1 ตี 2 มักจะได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์แว้นเสียงดังสนั่นซอยเกือบทุกคน จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน โดยเฉพาะบ้านที่มีคนแก่และเด็ก แทบจะไม่ได้นอน ส่วนเหตุการณ์ในครั้งตนมองว่า ค่อนข้างที่จะทำเกินกว่าเหตุ ที่รถเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับไล่ชนรถจักรยานยนต์แว้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าหากรถผู้บาดเจ็บขับแว้นป่วนเมืองจริง ตนเองมองว่าก็สมควรเพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนแทบทุกคืน




ต่อมาทีมข่าวได้เข้าไปตรวจสอบเฟซบุ๊กของนายบริภัต มีอาชีพเป็นช่างแต่งรถจักยานยนต์ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดสุรินทร์ และทีมข่าวได้ไปเจอกับคลิปที่กำลังมีการลองความเร็วเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์คันที่โดนชนพอดี โดยในคลิปจะสังเกตเห็นมีการทดสอบวัดความแรงของเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ อยู่ภายในร้าน โดยมีอุปกรณ์วัดความเร็วและความแรงของเครื่องยนต์แบบครบครัน




ซึ่งจากการสอบถามรายละเอียดเบื้องต้น ทราบว่า นายบริภัตจะมีอาชีพในการแต่งเครื่องรถจักรยานยนต์ให้กับลูกค้าเพื่อนำไปใช้แข่งในสนามทั่วภาคอีสาน และบางครั้งก็จะมีการนำรถจักรยานยนต์ของลูกค้ามาลองขับบนท้องถนน เพื่อวัดความเร็วของรถจากสภาพแวดล้อมจริง ก่อนที่จะนำส่งให้ลูกค้านำไปใช้แข่งในสนาม ซึ่งก็ยอมรับว่ารถที่แต่งมีเสียงดังกว่ารถทั่วไป


นายบริภัต เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนไม่ใช่เด็กแว้นวันที่เกิดเหตุตนเองตั้งใจจะไปลองรถจักรยานยนต์ของลูกค้า หลังจากที่ลูกค้าได้นำมาให้ที่ร้านแต่งรถให้เพื่อนำไปแข่งขันในสนาม ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่ารถจักรยานยนต์ท่อเสียงดัง แต่รถกู้ภัยที่ขับตามหลังมา ซึ่งในตอนแรกตนเองนึกว่าจะไปส่งผู้ป่วยก็พยายามที่จะหลบให้รถกู้ภัยแต่ปรากฏว่ารถกู้ภัยกลับขับมาเบียดตนเองจนล้ม


ก่อนหน้าหน้านั้นตนเองก็พยายามที่จะบอกเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่า ตนเองแค่มาลองรถแต่ไม่ได้มาลองทุกวันและก็ไม่ได้ขี่เบิ้ลเครื่องสร้างความรำคาญ ตนเองเพิ่งจะมาลองรถจักรยานยนต์ของลูกค้า นอกจากนี้ตนเองก็เคยทราบมาว่าผู้ก่อเหตุก็เคยมีพฤติกรรมขับรถไล่ชนรถจักรยานยนต์ที่ไม่ใช่รถแต่งซิ่งท่อรถเสียงดัง จนได้รับบาดเจ็บมาแล้วหลายราย




นายบริภัต ยอมรับว่า ตนเองแต่งซิ่งให้ตามความต้องการของลูกค้า ส่วนถ้าหากตนเองขี่รถจักรยานยนต์และสร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านจริง ก็ควรที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุมตนเอง ไม่ใช่ตัดสินตนเองด้วยการขับรถมาชนเหมือนพยายามจะฆ่า


ขณะเดียวกันทีมข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายลีโอ หนึ่งในผู้เสียหายที่เคยถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับรถไล่ชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว โดยนายลีโอ บอกว่า เหตุการณ์ของตนเองเกิดขึ้นเมื่อปี 2557 ซึ่งขณะนั้นตนเองกำลังเรียนอยู่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ และช่วงประมาณสามทุ่มตนเองได้ขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นรถที่ไม่ได้มีการแต่งซิ่งท่อเสียงดังแต่อย่างใด ออกไปกินข้าวกับเพื่อนสองคน


หลังจากกินข้าวเสร็จตนเองกำลังจะขี่รถกลับหอพัก ก็เห็นรถตู้ที่ติดโลโก้มูลนิธิเดียวกันกับที่เป็นข่าวล่าสุด แต่รถตู้ไม่ใช่คันเดียวกัน ขับไล่ชนท้ายรถจักรยานยนต์ของตนเองจนล้ม จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งลงมาจากรถตู้ ซึ่งตนเองจำได้ดีว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนเดียวกันกับที่เป็นข่าว และได้ตรงเข้ามาเตะเข้าที่ปลายคางตนเอง 2 ครั้งจนกรามหัก จากนั้นก็ถีบตนเองให้ตกลงไปที่คลองน้ำพร้อมกับเพื่อน




ขณะนั้นเพื่อนของตนเองพยายามยกมือไหว้ขอให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพาตนเองไปส่งโรงพยาบาล เนื่องจากว่าตนเองอาการสาหัส แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่จะพาตนเองไปส่งโรงพยาบาล ได้ข่มขู่ตนเองว่าห้ามบอกความจริงกับหมอโดยให้ตนเองอ้างกับหมอว่ารถจักรยานยนต์ล้ม แต่เนื่องจากว่าหมอได้มาตรวจอาการของตนเองเบื้องต้นแล้ว ไม่พบบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ ตนจึงได้ยอมบอกความจริงกับหมอว่าถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนนี้ทำร้ายร่างกาย


ต่อมาได้มีพ่อของเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายนี้มาไกล่เกลี่ยชดใช้ค่าเสียหายให้กับตนเองจึงได้ยอมความ ซึ่งตนเองคิดว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับตนเองจะเป็นเคสสุดท้ายที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยรายนี้ก่อเหตุ แต่ไม่คิดว่าหลังจากนั้นตนเองจะทราบข่าวอยู่เป็นประจำ ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายนี้ยังคงมีพฤติกรรมเช่นนี้อยู่เรื่อยมา

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปคุยกับ นายเติร์ก อายุ 28 ปี ผู้เสียหายอีกรายที่เคยถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนเดียวกันขับรถไล่ชน เล่าให้เราฟังว่า เมื่อประมาณเกือบ 5 ปีที่แล้ว ตนทำงานอยู่ศูนย์บริการรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ตอนนั้นตนเองใช้รถยี่ห้อ ฮอนด้า 125 LS ซึ่งเป็นรถเกียร์ 2 จังหวะ โดยปกติรถรุ่นนี้จะมีท่อดังอยู่แล้ว




และในวันเกิดเหตุน้องชายของตนเองได้โทรศัพท์มาหาบอกว่ารถน้ำมันหมดให้มารับ ตนเองจึงได้ขี่รถมอเตอร์ไซต์คันดังกล่าวไปหาน้องชาย แต่ในระหว่างที่ตนเองจอดรถเพื่อจะโทรศัพท์สอบถามน้องชายว่าอยู่ไหน ตนเองก็เห็นรถกู้ภัยไซเรนขับมุ่งหน้ามาหาตนเอง ซึ่งในตอนนั้นตนเองรู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เคยมีข่าวว่าขับรถไล่ชนเด็กแว้น ตนจึงได้พยายามขี่รถหนีแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนดังกล่าวขับพุ่งชน ทำให้รถจักรยานยนต์ของตนเองไปอยู่ใต้ท้องรถตู้ แต่โชคดีที่ตนเองกระโดดหนีทัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนดังกล่าวได้ลงมาตบหน้าตนเอง และกล่าวหาว่าตนเองมาขับรถแว้นสร้างความรำคาญอยู่แถวบ้านกู้ภัย


ตนได้พยายามยกมือไหว้บอกเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายดังกล่าว ว่าตนเองไม่ได้มาแว้นมาหาน้องชายเพียงแต่ว่ารถของตนเองเป็นรถสองจังหวะที่ปกติท่อก็ดังอยู่แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายดังกล่าวไม่ฟังสิ่งที่ตนบอกและพยายามตบหน้า และใช้เสื้อแขนยาวฟาดมาที่หน้าของตนเองพร้อมกับท้าทายให้ตนไปแจ้งความ แต่ด้วยตอนนั้นตนเองยอมรับว่าไม่มีเงินและกลัวอิทธิพลของกู้ภัยรายดังกล่าว เพราะตนเองทราบประวัติมาดีแล้วว่าเป็นยังไง จึงไม่ไปแจ้งความและได้ยอมขอโทษเจ้าหน้าที่กู้ภัยและให้จบเรื่องกันไป


นายเติร์ก บอกว่า ทุกวันนี้ตนเองไม่ได้โกรธเจ้าหน้าที่กู้ภัยรายดังกล่าวแล้ว แต่อยากให้กู้ภัยแยกแยะว่าหากเด็กแว้นไปสร้างความรำคาญจริง ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ใช่มาขับรถไล่ชนแบบนี้ หรือเห็น คนที่ขับรถเสียงดังก็อยากให้สอบถามว่ามาแว้นจริงไหม หรือถ้าหากเป็นไปได้ก็อยากให้ว่ากล่าวตักเตือน

 

เลือดขึ้นหน้า! กู้ภัยไล่ขยี้เด็กแว้น เจอคลิปลับนาทีดับห้าว