เมื่อเวลา 04.30 น. ของวันที่ 9 มี.ค. 2567 ได้เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 2 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ทราบชื่อผู้ตาย คือ นายภูริณัฐ อายุ 30 ปี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่หน้าอก 1 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นพ่อของผู้ตาย ทราบชื่อ คือ นายธวัช อายุ 57 ปี หลังก่อเหตุเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้พร้อมอาวุธปืนที่ใช้เหตุ
ส่วนสาเหตุนางสุมณฑา อายุ 48 ปี แม่ผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลกับตำรวจเบื้องต้นว่า ก่อนเกิดเหตุนายธวัช สามี ได้ดื่มเหล้าจนเมามายไม่ได้สติ และมีปากเสียงกับนายภูริณัฐ ลูกชาย จนเช้ามืดขณะที่ลูกชายขึ้นไปกรีดยางในสวนยางบนภูเขา ปรากฏว่าสามีไม่ยอมให้ขึ้นไปกรีดยาง แต่ลูกชายก็ยังขึ้นไปกรีดยางในสวนยางตามปกติ ทำให้สามีโมโหตามไปอาละวาดลูกชายในสวนยาง แต่ลูกชายไม่ได้สนใจได้กรีดยางตามปกติ สร้างความไม่พอใจให้กับพ่อจึงได้อาละวาดเทน้ำยางที่ลูกกรีดใส่ถ้วยทิ้ง และก่อนที่พ่อจะเดินกลับเข้าบ้านพัก สร้างความไม่พอใจกับลูกชายเป็นอย่างมาก จึงเดินกลับมาหาพ่อที่บ้านมีปากเสียงทะเลาะกันอีก และขณะที่ลูกชายกำลังยืนถือมีดพร้าอยู่หน้าบ้าน ทันใดนั้นพ่อได้ใช้อาวุธปืน 9 มม. ออกมายิงใส่หน้าอกลูกชาย 1 นัดเสียชีวิตคาที่ทันที
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในเวลา 04.09 น. ของวันที่ 9 มี.ค. จะเห็นว่านายธวัช ผู้ต้องหา ได้ขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นไปยังบ้านพักของตนเอง ซึ่งจะอยู่ติดกับสวนยางพาราที่เกิดเหตุ จากนั้นในเวลาประมาณ 04.45 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากก่อเหตุยิงลูกชายเสร็จแล้ว โดยมุมแรกนั้นกล้องสามารถบันทึกภาพขณะที่นายธวัช ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาแวะที่ร้านค้าเพื่อทำการซื้อน้ำเปล่า 1 ขวด ซึ่งจะเห็นว่านายธวัชได้คาดไฟส่องกบไว้บนศีรษะ โดยที่เขาก็ได้สวมเสื้อสีเขียวซึ่งเป็นตัวเดียวกันกับที่ใส่ในตอนเข้ามอบตัว
ต่อมาในเวลา 05.00 น. นายธวัช ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปยัง สภ.ร่อนพิบูลย์ โดยที่มีผู้หญิงอีกคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปด้วย ซึ่งผู้หญิงที่ซ้อนมาด้วยนั้นเป็นน้องสาวของนายธวัช จากนั้นกล้องบริเวณหน้า สภ.ร่อนพิบูลย์ ก็จับภาพช่วงที่นายธวัชได้ขับเข้ามาเพื่อมอบตัวกับตำรวจ แต่เขาก็ไม่ได้มอบตัวในทันที โดยที่เขานั้นได้นั่งทำใจอยู่ด้านหน้าสักพัก ก่อนที่ตำรวจจะเดินเข้ามาพูดคุยและพาตัวเข้าไปใน สภ.ร่อนพิบูลย์ จากนั้นกล้องอีก 3 มุมจะเห็นว่ารถของเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ขับเข้ามายังบริเวณที่เกิดเหตุจำนวน 2 คัน คาดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่จะมาช่วยเหลือนายภูริณัฐ ผู้ตาย
จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.ร่อนพิบูลย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พาตัวผู้ต้องหาออกจากห้องขังเพื่อทำการสอบปากคำเพิ่มเติม ระหว่างนั้นทีมข่าวก็ได้พยายามสอบถามปมขัดแย้งระหว่างนายธวัช กับนายภูริณัฐ ลูกชาย ซึ่งในตอนแรกผู้ต้องหาก็ปิดปากไม่ยอมพูด แต่ทีมข่าวก็ยังคงถามอย่างต่อเนื่องทำให้นายธวัช ยอมเปิดเผยว่า ในตอนแรกผมมีปากเสียงอยู่กับภรรยา ซึ่งลูกชายนั้นนอนหลับอยู่ในห้อง แต่จู่ ๆ ลูกชายก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับลากมีดพร้าจะมาไล่ฟันตน ซึ่งอีกนิดเดียวก็จะใกล้เข้ามาถึงตนแล้ว ตนจึงจำเป็นต้องยิงสวนออกไป “ตอนนี้ก็รู้สึกเสียใจอยากให้ลูกชายอโหสิกรรมให้พ่อด้วย พ่อไม่ได้ตั้งใจ”
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวเสาวลักษณ์ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของนายภูริณัฐ ผู้ตาย ได้เผยว่า ปกติแล้วตนกับสามีนั้นอาศัยอยู่อีกตำบลหนึ่ง แต่เมื่อคืนที่ผ่านมานายภูริณัฐได้ออกไปช่วยแม่เขาตัดยางพาราอีกตำบลหนึ่ง ซึ่งช่วงกลางดึกตนก็ได้มีการพิมพ์แชตคุยกับสามีประมาณว่าจะกลับตอนไหน นายภูริณัฐก็ได้บอกว่าเขาจะนอนบ้านแม่ พร้อมกับเอ่ยถึงเรื่องสงครามแล้วบอกว่า “ไม่เกรนขึ้น รอเก็บศพเลย” ตนก็ได้ถามกลับไปว่า “ศพใคร คนเมาเหรอ“ โดยคนเมาในที่นี้หมายถึงนายธวัช ผู้ต้องหา เพราะตนก็พอรู้มาว่าที่ผ่านมาสามีและพ่อตาของตนนั้นทะเลาะกันบ่อย แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรและคิดว่าเห็นเรื่องปกติ
จนกระทั่งช่วงเช้ามืด ตนก็ตื่นมาดูลูกตามปกติและก็ได้เลื่อนเฟซบุ๊กเจอโพสต์จากกู้ภัยแจ้งว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิต ในตอนนั้นตนก็ได้ถามทางกู้ภัยว่าคนตายชื่ออะไร แล้วก็ได้รับคำตอบมาว่าชื่อภู ในตอนนั้นตนก็รู้สึกตกใจจนมาทราบจากญาติ ๆ ว่าคนที่ชื่อภูนั้นหมายถึงสามีของตัวเอง ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกเสียใจเพราะตนเพิ่งจะคลอดลูกชายได้เพียง 8 วัน ซึ่งนายภูริณัฐนั้นก็อยากได้ลูกชายเป็นอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่เขาได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
โดยนางสาวเสาวลักษณ์ ก็ยังเล่าเรื่องราวแปลก ๆ อีกว่า เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาขณะที่ตนกำลังอุ้มลูกชายวัย 8 เดือนอยู่ จู่ ๆ หลานสาววัย 2 ขวบก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ลุงภูมา ลุงภูมาดูน้อง” ทันใดนั้นหมาที่บ้านก็พากันหอนและตนก็ได้กลิ่นเหม็นโชยมาตามลม ซึ่งตนคิดว่าสามีคงจะเป็นห่วงและยังไม่อยากจากไปไหน แต่วันนี้ตนก็อยากบอกนายภูริณัฐว่า “อยากให้ไปสบาย ให้หมดเวรหมดกรรม ไม่ต้องทรมาน สัญญาว่าจากนี้จะเดินหน้าเลี้ยงลูกต่อไป”