เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 10 มี.ค. ร.ต.อ.อำนาจ อ่อนปาน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุยิงกันตายหน้าบ้านพัก ต.บ้านป่า อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบแล้วรุดตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กำลังตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ ที่เกิดเหตุเปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์และร้านขายอาหารตามสั่ง พบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายจตุพร หรือแจ็ค อายุ 38 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อคอโปโลสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณท้ายทอยและตามร่างกายหลายแห่ง กู้ภัยจึงช่วยกันนำร่างส่งนิติเวชโรงพยาบาล เพื่อผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายทินภัทร อายุ 59 ปี เจ้าของโต๊ะสนุกเกอร์ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปพร้อมประสานกลับมายังญาติว่าจะขอติดต่อมอบตัวอีกครั้งภายในวันนี้ ส่วนสาเหตุคาดว่าเนื่องมากจาก นายจตุพร ผู้ตาย ซึ่งเป็นขาใหญ่ในพื้นที่มักเข้าเล่นที่โต๊ะสนุกเกอร์แล้วมีปัญหากับลูกค้าคนอื่นๆ โดยผู้ก่อเหตุได้เข้าไปห้ามปรามและตักเตือน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเด็กรุ่นลูกรุ่นหลาน แล้วยังเป็นลูกชายของคนรู้จักกันในหมู่บ้านอีกด้วย แต่กลับถูกนายจตุพรปรี่เข้าหาเรื่องแล้วพยายามจะใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย จึงวิ่งไปคว้าปืนลูกซองยาว 5 นัด มากระหน่ำยิงจนถึงแก่ความตายในที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขออำนาจศาลเพื่อออกหมายจับผู้ก่อเหตุ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากนั้นทีมข่าวจึงได้พบกับ นางอมรรัตน์ อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ โดยได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า
“ ในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมานายแจ๊คได้เข้ามาเล่นสนุกเกอร์ที่ร้านของตนประมาณ 21.00 น. โดยระหว่างที่ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาที่ร้านของตนนั้น ก็ได้เบิ้ลเครื่องเสียงดังมาตลอดทาง โดยหลังจากนั้นก็ได้เข้ามาเล่นสนุกเกอร์ที่ร้านของตน โดยมีสามีของตนซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ เป็นผู้คอยเฝ้าโต๊ะสนุกเกอร์ และดูแลความเรียบร้อย
ซึ่งหลังจากนั้นตนก็เข้าไปนอนที่ห้องบริเวณชั้นล่างซึ่งอยู่ติดกับโต๊ะสนุกเกอร์ จนถึงช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาประมาณตี 4 ตนก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน แต่ตนก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะลูกค้าที่มาเล่นสนุกเกอร์ก็มักจะทะเลาะในเรื่องการเล่นสนุกเกอร์กันเป็นประจำ โดยหลังจากนั้นเพียงไม่นานตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 4-5 นัด ถึงได้รีบวิ่งออกมาดู ก็พบว่าสามีของตนได้เดินมาบอกว่า ตัวเขาเองยิงนายแจ็คเสียชีวิต เนื่องจากนายแจ็คได้ทะเลาะกับเพื่อน ในเรื่องการเล่นสนุกเกอร์นายแจ็คไม่ยอมให้เพื่อนเลิก หลังจากที่เพื่อนขอเลิก และเกิดการทะเลาะกัน จากนั้นนายแจ็คจึงจะทำร้ายเพื่อนของเขา แต่สามีของตนได้เข้าไปห้ามไว้ จนนายแจ็คเกิดมีปากเสียงกับสามีของตนและใช้มีดทำร้ายสามีของตนถึงสองครั้งแต่สามีของตนหลบได้ สามีของตนจึงใช้ปืนลูกซอง 5 นัด ยิงสวนนายแจ็คจนเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้าน
โดยสามีของตนได้บอกกับตนว่าที่ต้องยิงกระเพาะนายแจ็คจะนำมีดเข้ามาแทง จึงต้องป้องกันตัว โดยหลังจากนั้นสามีของตนจึงได้ขับรถกระบะ ออกจากบ้านไปแล้วไปหาแม่ของเขา ซึ่งอยู่ห่างห่างจากบ้านของตนไม่ไกลมากนัก ซึ่งโดยปกติแล้วสามีของตนจะเป็นคนที่อารมณ์ดีสนุกสนาน และเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน แต่ถ้ามีคนมาหาเรื่องสามีของตนก็จะเป็นคนที่ไม่ยอมคนเช่นกัน ส่วนตัวผู้ก่อเหตุนั้น จะเป็นคนที่ค่อนข้างเกเร เวลาไม่เมาจะมาที่โต๊ะสนุก แต่เมื่อเมาแล้วมาที่โต๊ะสนุกมีคนอื่นเล่นอยู่ ก็จะกวาดลูกสนุกเกอร์เขาทิ้ง เพื่อที่จะให้ตัวเขาได้เล่น มักจะเป็นแบบนี้อยู่ประจำ และยังมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทั้งนี้ในส่วนที่สามีของตนได้ก่อเหตุลงไปก็เพราะว่า น่าจะทนพฤติกรรมของนายแจ็คไม่ไหว จึงได้ก่อเหตุลงไป อีกทั้งสามีของตนยังเป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของผู้ตายอีก จึงคิดว่าถ้าไม่ถูกทำร้ายก่อนคงจะไม่ก่อเหตุอย่างเช่นที่เกิดขึ้น และก่อนที่เขาจะขับรถออกจากบ้านไปเขาได้บอกกับตนตนว่า ในตอนนี้ขอหลบไปสงบสติอารมณ์และตั้งตัวก่อน เมื่อพร้อมเดี๋ยวเค้าจะกลับเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง โดยเขาไม่คิดจะหนีเพราะคิดว่าหนียังไงก็หนีไม่รอด
จากกรณีดังกล่าวทีมข่าวจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งกล้องดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร โดยช่วงเวลาประมาณ 04.38.20 จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนัดแรก หลังจากนั้นเวลา 04.38.24 ได้ยินเสียงปืนนัดที่สอง และเวลา 04.38.29 จะได้ยินเสียงปืนนัดที่สาม และนัดสุดท้ายดังขึ้นเวลา 04.38.32 โดยเสียงปืนจะดังขึ้นทั้งหมดสี่นัด
และหลังจากนั้น กล้องวงจรปิดมุมดังกล่าว ยังเห็นภาพผู้ก่อเหตุขับรถกระบะ สีดำซึ่งเป็นรถของเขา มุ่งหน้าไปหาผู้ใหญ่สุภาพเพื่อนำอาวุธปืนไปฝาก ช่วงเวลาประมาณ 04.49 น.
โดยหลังจากนั้นทีมข่าวได้พบกับ นางช้อน อายุ 79 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายทินพัฒน์ (ผู้ก่อเหตุ) ได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า
“ในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาเวลาประมาณ ตี 5 ลูกชายของตนได้มาเรียกบริเวณหน้าบ้าน ของตน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของลูกชายประมาณ 300 เมตร จากนั้น ตนจึงได้ลุกไปเปิดประตู ก็พบว่าลูกชายได้ตรงเข้ามาคุกเข่าบริเวณตรงหน้าและกราบที่เท้าของตนและได้ลุกขึ้นมาบอกว่า “ผมขอโทษครับแม่ ผมยิงไอ้แจ็คตาย ผมขอลงไปสงบสติอารมณ์สักพักก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะกลับมามอบตัว”
ซึ่งในตอนนั้นตนฟังตนก็รู้สึกตกใจมาก โดยลูกชายของตนได้บอกกับตนว่าให้อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร และหลังจากนั้นเขาก็ได้ขับรถรถกระบะของเขาออกจากบ้านของตนไป ซึ่งจากที่ตนเลี้ยงดูลูกของตนมานั้น ลูกชายของตนจะเป็นคนที่อารมณ์ดี และมักจะหยอกล้อกับทุกคน โดยจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนคิดว่าลูกชายของตนน่าจะทนพฤติกรรมของคนตายไม่ไหวไม่ไหว อีกทั้งลูกชายของตนยังนำแผลที่ข้อมือด้านขวามาให้ตนดูว่า คนตายได้ใช้มีดจะทำร้ายลูกชายของตนลูกชายของตนจึงต้องป้องกันตัว โดยใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตาย ซึ่งลูกชายของตนได้บอกว่าถ้าผมไม่ยิงมังกรผมก็ต้องตายเหมือนกัน
ทั้งนี้ตนอยากบอกให้ลูกชายของตนออกมามอบตัว และต่อสู้คดีโทษหนักมันจะได้กลายเป็นเบา ไม่อยากให้หลบหนีอยู่แบบนี้ ซึ่งในตอนนี้ตนก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายของตนได้ ไม่ทราบว่าไปหลบที่ใด
โดยหลังจากนั้นทีมข่าวได้ทราบข้อมูลมาว่าหลังจากที่ นายทินพัฒน์ ได้ก่อเหตุแล้วจึงนำอาวุธปืนไปฝากไว้กับ อดีตผู้ใหญ่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งนายทินพัฒน์นับถือเหมือนพี่ชาย ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปพบกับ นายสุภาพ อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านแซ่ ม.5 โดยบ้านของนายสุภาพจะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร โดยนายสุภาพได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า
“นายทินผู้ก่อเหตุนั้น นับถือตนเหมือนพี่ชายเพราะนายทินเป็นญาติกับภรรยาของตน โดยในช่วงเมื่อเช้านายทินได้มาเรียกตนประมาณ ตี 5 ตนจึงลุกขึ้นมาและเปิดประตูออกมาหานายทิน ซึ่งในตอนนั้นตนยังไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เมื่อตนเปิดประตูออกมาพบกับนายทิน เขาได้ส่งอาวุธปืนลูกซองยาวห้านัด ให้กับตน ซึ่งตนก็รับไว้ด้วยความตกใจ และสอบถามกลับไปว่าคืออะไร นายทินจึงพูดกับตนว่า “ฝากปืนไว้หน่อยผมยิงไอ้แจ็คตาย” ซึ่งในตอนนั้นตนก็รู้สึกตกใจเพราะตนจับอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวไปแล้ว และกลัวว่าจะมีผลทางด้านคดี โดยหลังจากที่นายทินยื่นอาวุธปืนให้กับตน เขาได้ขับรถกระบะของเขาออกจากบ้านของตนไปเลยโดยไม่พูดอะไร โดยพูดเพียงแต่ว่าตอนนี้ผมขอหลบไปตั้งตัวและสงบสติอารมณ์ก่อนแล้วเดี๋ยวผมจะกลับมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงเท่านั้น
ซึ่งหลังจากที่ตนได้รับอาวุธปืนจากนายทินมา ตนก็แจ้งไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจป้อมยามของหมู่บ้าน เพื่อให้เข้ามารับอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว เพราะตนเกรงว่ามีผลทางด้านคดี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารับอาวุธปืนก็ได้ตรวจสอบอาวุธปืน พบว่าในปืนไม่มีลูกกระสุนบรรจุอยู่แล้วในตอนนั้น ซึ่งตนคิดว่านายทีมน่าจะยิงออกไปทั้งหมดจำนวนห้านัด แต่ยังมีลูกกระสุนที่ยังไม่ได้บรรจุเข้าไปในกระบอกปืน แต่อยู่ในสายสะพายอีกจำนวนประมาณเจ็ดนัด ซึ่งตนก็ได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทั้งหมด โดยปืนกระบอกนี้ตนคาดว่าน่าจะเป็นของนายทินเอง แต่ไม่ได้ตรวจสอบว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
ซึ่งในตอนนี้ตนอยากบอกกับนายถิ่นว่าถ้านายทิน ติดตามข่าวอยู่ตนก็อยากให้นายทินออกมามอบตัว และยอมรับในสิ่งที่ทำไปเพื่อที่โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ซึ่งถ้าหากหลบหนีอยู่แบบนี้ก็อาจจะมีผลต่อทางด้านคดีได้
โดยหลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้เดินทางเข้าไปที่บ้านของ นายจตุพร อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิต โดยบ้านของนายจตุพรจะอยู่ห่างห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร โดยเมื่อทีมข่าวเดินทางไปถึงบ้านของผู้เสียชีวิตได้พบว่าทางบ้านของผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่างการเตรียมจัดงานศพ โดยมีการนำเต็นท์มาวางและชาวบ้าน ก็ได้มาร่วมกันช่วยงานอยู่ที่บ้านของผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนหลายคน จากนั้นทีมข่าวจึงได้พบกับ นางลำพึง อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิต โดยได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า
“ลูกชายของตนทำงานเป็นพนักงานขับรถ ส่งนมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่ง โดยเมื่อวาน เวลาประมาณ 19.00 น. หลังจากเขาเลิกงานเค้าก็ได้กลับมาที่บ้าน และหลังจากนั้นก็ได้บอกกับตนว่าจะขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งเพื่อนอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งตนและลูกสาวของเขาก็ได้สั่งเขาว่าถ้าขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้านไม่ไหวก็ให้นอนที่บ้านเพื่อนไปเลย
โดยหลังจากนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนตนได้ยินเสียงรถของลูกชายของตนเข้ามาที่บ้าน และหลังจากนั้นก็ได้ขี่รถออกไป ซึ่งในตอนแรกตนก็ไม่ทราบลูกชายตนขี่รถออกไปไหน แต่หลังจากนั้นลูกชายตนได้โทรหาตน และบอกกับตนว่าให้โอนตังค์ให้หน่อย 500 บาท ซึ่งในตอนนั้นตนก็ได้บอกกับลูกชายของตนไปว่าตนไม่มีตนมีอยู่เพียง 200 บาท ลูกชายของตนก็ได้บอกกับตนว่าให้โอนให้หน่อยครับ ตนจึงได้ถามลูกชายของตนไปว่าตอนนี้อยู่ไหนลูกชายของตนได้บอกกับตนว่าอยู่ที่บ้านเพื่อนแต่ตนได้ยินเสียงเสียงเหมือนอยู่ที่อยู่ที่โต๊ะสนุกเกอร์ ตนจึงถามลูกชายของตนว่าโกหกหรือเปล่าโต๊ะสนุกเกอร์หรือเปล่า จนลูกชายของตนก็ยอมรับว่าอยู่ที่โต๊ะสนุกเกอร์ หลังจากนั้นตนจึงโอนเงินให้ลูกชายของตนจำนวน 200 บาท
ซึ่งหลังจากนั้นตนมาทราบอีกทีช่วงเวลาประมาณ ตี 5 โดยเพื่อนบ้านในหมู่บ้านได้โทรมาบอกลูกชายของตนถูกเจ้าของโต๊ะสนุกเกอร์ ที่ลูกชายของตนไปเล่น ใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต ตนจึงรีบไปดูที่เกิดเหตุก็พบว่าลูกชายของตนนอนอยู่หน้าบ้านของนายทิน ซึ่งช่วงแรกที่ตนทราบว่านายทินเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงลูกชายตนนั้น ต้นก็รู้สึกตกใจมากเพราะนายทินเพื่อนสนิท กับสามีของตน มาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น และรู้จักบ้านของตนเป็นอย่างดีจึงไม่คิดว่าเขาเป็นคนก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ทั้งนี้ตนก็อยากให้นายทินซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็ว และถ้าจะมาขอโทษหรือขอขมาหรือขออโหสิกรรมตนก็ไม่ยอมอย่างเด็ดขาดและอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ในส่วนของลูกชายคนนั้นก็เป็นเสาหลักของบ้าน และยังเป็นที่รักของทุกคนในบ้านอีกทั้งเขายังมีลูกสาวสองคนที่ยังต้องเลี้ยงดู แต่กลับมาถูกก่อเหตุแบบนี้ ในส่วนพฤติกรรมที่ลูกชายของตนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้นในเรื่องนี้ตนก็ได้ยินมาบ้างแต่ตนก็พยายามเตือนลูกชายของตนว่าไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะมันไม่ดี ทั้งนี้ตนก็รู้สึกเสียใจและอยากให้ลูกชายของตนไปสู่สุคติ โดยตนจะรับศพของลูกชายของตนในวันพรุ่งนี้ และจะนำกลับมาจัดงานศพที่บ้าน และจะตั้งศพไว้เป็นเวลาสามวันจากนั้นจึงจะทำการฌาปนกิจ น่าจะเป็นช่วงวันที่ 14 มีนาคม 2567”