จากกรณี มีชายอัดคลิปถือมีด ถือปืน พร้อมข่มขู่ว่าจะไปดักยิงแม่ค้าขายมือถือออนไลน์ ต่อมาให้วันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางมายัง สภ.บางพลี สมุทรปราการ พร้อมพูดคุยกับ นางสาว จริญญา อายุ 23 ปี และ นายธีรเดช อายุ 17 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งได้เล่าว่า ผู้ก่อเหตุได้เอาเฟซบุ๊กปลอม โดยการเอารูปหน้าผู้หญิงคนหนึ่งทักมาตอนตี 5 ของวันอาทิตย์ ว่าอยากขอซื้อมือถือแต่อยากได้ของเลยแต่คนรู้สึกว่ามันแปลก ๆ เลยบอกว่าเป็นสักเวลา 10 โมงแทนได้ไหม


จนตอนช่วงเวลา 9 โมง ตนก็สอบถามจะให้ออกไปส่งเลยได้ไหม และก็ขอให้ตนกดเงินสดให้อีก 5,000 บาท และเมื่อไปส่งก็มีการย้ายโลเคชั่น ซึ่งเป็นในซอยที่เกิดเหตุและเมื่อน้องชายเอาของเข้าไปส่งก็พบว่า เขาออกมาจากบริเวณป่าจุดเกิดเหตุและก็มีการเดินหยิบดูของ 2 ครั้ง ก่อนจะเอาไปและวิ่งเข้าป่า มูลค่าความเสียหายประมาณ 18,900 บาท รวมกับยอดที่กดสดให้ด้วย




พร้อมต่อมาก็มาเห็นคลิปที่พี่ชายของผู้ก่อเหตุอัดคลิปก็ไม่โอเคมาก เพราะตนเปิดขายมือถือ ออนไลน์มาจะ 1 ปีแล้ว ไม่เคยเจอแบบนี้ และตอนเช้าด้วยไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ของคืนแล้วแต่อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด


จากประวัติของเขาหลังที่เกิดเหตุการณ์นั้น พบว่า ก่อนหน้านี้ก็มีพฤติกรรมเอาของจากที่ทำงานไปขายด้วย และแม่ผู้ก่อเหตุจากที่ได้คุยก็บอกให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้เลย เพราะที่บ้านก็เดือดร้อนเหมือนกัน และคนที่อัดคลิปก็เพิ่งมาทราบว่าเป็นพี่ชายผู้ก่อเหตุ และนายธีรเดช เผยว่า ตนเป็นคนไปส่งให้เขา การแต่งตัวก็เสื้อยืด และใส่กางเกงเจเจ มีท่าทีปกติ และขอดูของ 2 ครั้งก่อนที่เขาจะกระชาวิ่งไป


ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปจุดเกิดเหตุ ซอยจตุโชค 3/1 ซึ่งพบว่า เป็นซอยแคบ ๆ และค่อนข้างเปลี่ยวไม่มีผู้คนอยู่มากนัก และเมื่อสอบถามกับชาวบ้านอยู่แถวนั้น หรือเปิดรูปให้ดูก็เล่าว่า ไม่คุ้นหน้าแต่ในซอยนี้จะมีพวกเด็กติดยาเยอะ และจากที่เขาวิ่งเข้าไปมันสามารถทะลุได้เยอะมาก




จากนั้นทางทีมข่าวได้ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายนพรัตน์ ได้เคยมีพฤติกรรมขโมยของจากบริษัทที่เคยทำงานก่อนหน้านี้ และเมื่อเดินทางไปถึงก็ได้พูดคุยกับ นางกุลตรี อายุ 57 ปี อดีตเจ้านาย ของนายนพรัตน์ ผู้ก่อเหตุ เผยว่า มาสมัครงานและเริ่มงานวันที่ 19 ก.พ. ทำงานถึงวันที่ 29 ก.พ. และก็ออกไปตอนกลางคืนวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา


ด้วยลักษณะงานของบริษัทเป็นการทำงานตอนกลางคืนตามร้านขายไก่ชื่อดัง แต่ในวันที่ 1 มี.ค. มีการบอกว่าขอไม่ไปทำงานตนก็โอเคและเพื่อนร่วมงานก็ไปทำงาน เหลือเขาคนเดียวแต่ปรากฏว่ากลับมาก็เจอว่าเงินกระปุกออกสินหายไป กางเกงยี่ห้อดี ๆ หายไปหมด มูลค่า ประมาณหลักหมื่นแต่ก็ไม่เอาเรื่องราว เพราะสามีก็มองว่า ไม่เป็นไร


พฤติกรรมเวลาทำงานก็จะมีการเบิกเงินก่อนจนหมด อ้างว่าจะเอาไปรักษาแม่ตนก็ให้ตลอด แต่เขาไม่ใช้คนดื่ม แต่เดาว่าน่าจะติดการพนันออนไลน์ ก่อนที่เขาจะขนของออกไปก็มีมาขอเงิน 3,000 บาท อ้างเหมือนเดิมแต่ตนไม่อยากให้เพราะว่าค่อนข้างจับพฤติกรรมได้ว่า มีปัญหาเรื่องเงิน อ้างเกี่ยวกับแม่ตลอด




สุดท้าย อยากบอกให้เขากลับตัว เพราะตอนที่มาทำงานกับตนโชคดีที่พวกตนไม่เอาเรื่อง แต่ถ้าเป็นคนอื่นเขาไม่ใจดี บางคนเขาก็ไม่ยอม อย่างเช่นเคสที่เขาไปเอามือถือ อายุก็แค่นี้เอง


ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของนายประสิทธิ์ พบเพียง นางน้อม อายุ 57 ปี เป็นแม่ของแฝดทั้งสองคน โดยนางน้อม เล่าว่า ประสิทธิ์ เป็นลูกชายคนโต ไปทำงานที่ อ.บางพลี ลูกชายอีกคนคือ นพรัตน์ เป็นน้องชายคนเล็ก ทำงานอยู่ที่ อ.บางพลี เช่นเดียวกัน




ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าลูกชายโพสต์เกี่ยวกับอะไรเพราะตนไม่ได้เล่นเฟซฯ จนกระทั่งมีตำรวจสมุทรปราการ โทรศัพท์มาตอนกลางคืนว่า กำลังจะออกหมายจับนายนพรัตน์ ฐานไปชิงโทรศัพท์ที่ร้านขายโทรศัพท์ รวมถึงนายประสิทธิ์ พี่ชายที่โพสต์คลิปถืออาวุธปืนและมีดข่มขู่เจ้าของร้านโทรศัพท์ จนเช้าวันนี้ได้มีตำรวจมาหาถึงบ้านอีก


นางน้อม เล่าด้วยว่ายอมรับว่าไม่รู้เรื่องว่าลูกชายไปทำอะไรที่ไหน เพราะตนอยู่บ้านรู้เพียงว่าลูกชายคนเล็กติดพนันออนไลน์ คาดว่าน่าจะไม่มีเงินใช้หนี้พนัน จึงไปชิงทรัพย์เขา ตอนนี้ทำได้แค่ฝากบอกถึงลูกทั้งสองคน ไม่ต้องหลบหนีมามอบตัวจะดีที่สุดเพราะยังไงก็ไม่รอด

ลากไส้แฝดนรก! ลวงซื้อไอโฟนฉกหนีเข้าป่า ไม่สำนึกพี่ชายส่งคลิปโชว์ปืนขู่