ช่อง 8 เจอหลักฐานมัด "ไอ้นาย" ฆ่า "น้องสา" ขี่รถไปจอดทิ้ง
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปภาพจากกล้องวงจรปิดสำคัญ ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 ปรากฏว่ารถบิ๊กไบค์สีชมพูของน้องสาได้ไปโผล่อยู่กับชายปริศนาซึ่งก็คือ ไอ้นาย ก่อนที่จะไปขึ้นรถทัวร์สาย นครศรีธรรมราช-กระบี่-ภูเก็ต หมายเลข 743-3 เพื่อจะไปลง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นหลักฐานอีกตัวที่ทีมข่าวได้มาจนแกะรอยตัวฆาตกรมาได้
แฉ "ไอ้นาย" สุดเหี้ยม ฆ่าเสร็จถอดสร้อย ก่อนโยศพทิ้งบ่อ
โดยตั้งแต่เวลาประมาณ 10.45 น. จะเห็นว่า “นาย” ได้สวมเสื้อแขนยาวสีแดงมีฮู้ดคลุมศีรษะ สวมกางเกงขายาวสีดำ และได้ขี่รถบิ๊กไบค์ของน้องสาไปตามเส้นทางต่าง ๆ ระหว่างจุดเกิดเหตุ และพบว่าไอ้นายได้ขี่รถไปที่ร้านทอง ซึ่งคาดว่าน่าจะเอาสร้อยทองของน้องสาไปจำนำหรือเอาไปขาย หลังจากออกจากร้านทองไอ้นายก็ขี่รถของน้องสาไปจอดทิ้งเอาไว้ที่บ้านญาติ
จากนั้นเวลา 10.49 น. บริเวณสามแยกมุมป้อม ไอ้นายก็ซ้อนวินมอเตอร์ไซค์ออกมาและมุ่งหน้าไปตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อมุ่งหน้าไป บขส. จะเห็นว่าไอ้นายสวมฮู้ดคลุมศีรษะตลอดเวลา
กระทั่งเวลา 11.08 น. บริเวณสถานีขนส่ง ไอ้นายเดินอยู่ภายในสถานีขนส่งโดยถอดเสื้อฮู้ดออก สวมแต่เสื้อยืดสีขาว กำลังเดินเพื่อจะไปขึ้นรถทัวร์ จากนั้นเวลา 11.15 น. รถบัสได้ออกจากสถานี บขส. นครศรีธรรมราช มุ่งหน้าสู่ จ.กระบี่
ช่อง 8 สืบเจอศพ พลิกคดีฆ่าดาว TikTok หมกบ่อวัดร้าง
หลังจาก หยก เพ็ญสิริ นักข่าวช่อง 8 พบศพน้องสา ทางทีมข่าวได้พูดคุยกับทีมกู้ภัยชุดที่โรยตัวลงไปในบ่อเพื่อนำร่างน้องสาขึ้นมา พร้อมมีคลิปวินาทีนำร่างขึ้นมา จะเห็นว่าไอ้นายมีการใช้จีวรพระอำพรางศพไว้ โดยบ่อกว้างประมาณ 80 ซม. ลึก 10 เมตร คาดว่าไอ้นายนำศพมาด้วยน้ำจีวรพระห่อร่างไว้ แล้วจับโยนบ่อทันที เนื่องจากจีวรพระมีขนาดใหญ่ 200x320 ซม. โดยทีมกู้ภัย ยอมรับว่า การนำร่างน้องสาขึ้นมาจากบ่อนั้น ค่อนข้างยาก เนื่องจากบ่อค่อนข้างลึกและแคบ
ขณะที่กลุ่มเพื่อนของน้องสา หลังเข้ามาดูที่เกิดเหตุ ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวว่า น้องสา ผู้ตายเป็นคนขยันมาก แต่ไม่เคยเล่าเรื่องปัญหาใด ๆ กับใครให้ฟัง เป็นคนเอาการเอางาน ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ กลุ่มเพื่อนก็ไม่ทราบปัญหาขัดแย้งระหว่างน้องสากับไอ้นาย รู้แค่ว่านายมาเช่าห้องอยู่กับน้องสาก่อนหน้านี้ แล้วมารู้อีกทีตอนรถบิ๊กไบค์ของน้องสาหลังจากหายตัวไปถูกเอามาจอดทิ้งไว้ที่บ้านญาติดังกล่าว ซึ่งดูจากภาพวงจรปิดแล้วกลุ่มเพื่อนก็สงสัยตัวไอ้นายทันที
รุมสาบ "ไอ้นาย" ฆ่า "น้องสา" โยนบ่อ จี้จับไปประหาร
ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการกู้ร่างของผู้เสียชีวิต ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นางดา (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเจ้าของหอพักที่น้องสาได้เช่าอาศัยอยู่ โดยนางดา กล่าวด้วยความสะเทือนใจปนความโกรธว่า หลังจากที่ทราบว่าน้องสาหายตัวไป ตนก็พยายามที่จะตามหาทั่วทุกแห่ง ซึ่งบริเวณในวัดแห่งนี้ตนก็เคยเข้ามาหาแล้วเช่นกัน แต่ในตอนนั้นก็ไม่พบกับสิ่งผิดปกติอะไร แต่มาในวันนี้ในตอนนี้ตนเชื่อว่าผู้เสียชีวิตที่อยู่ในบ่อน้ำคือน้องสา 1 ล้านเปอร์เซ็นต์
ซึ่งตนมองว่าสิ่งที่คนร้ายได้กระทำต่อน้องสานั้นโหดร้ายเกินไป จัญไรมาก เพราะที่ผ่านมาน้องสาให้ความช่วยเหลือนายพิทญา หรือ ไอ้นาย อยู่ตลอด แม้กระทั่งลูกติดของฝ่ายชายน้องสาก็คอยช่วยเหลือและเลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ในวันนี้ด้วยจิตใจที่อุบาทว์ของไอ้นายมันกล้าทำกับน้องสาได้ลงคอ รวมถึงแม่ของไอ้นายก็ใจดำมาก ถามทีไรก็เอาแต่บอกว่าไม่รู้ไม่เห็น คนสูญหายไปทั้งคนจะไม่เห็นได้ยังไงหรือตาเขาบอดเหรอ หลังจากนี้หากตำรวจจับตัวมันได้ก็อยากให้ประหารชีวิตมันไปเลย เพราะน้องสานั้นไม่เคยมีพิษมีภัยกับใคร เวลาใครเห็นหรือใครอยู่ใกล้ก็จะมีแต่ความสุข เพราะจุดเด่นของเขาคือการสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่นอยู่เสมอ
แฉ "ไอ้นาย" สุดเหี้ยม ฆ่าเสร็จถอดสร้อย ก่อนโยศพทิ้งบ่อ
โดยปกติแล้วทางด้านของน้องสานั้นจะสวมสร้อยคอทองอยู่ 1 เส้น แต่ในช่วงที่มีการนำร่างขึ้นมาจากบ่อน้ำ เจ้าหน้าที่กลับไม่พบสร้อยคอทองคำของน้องสา ซึ่งก็ตรงกับข้อมูลที่ทีมข่าวได้มา คือ ก่อนที่ไอ้นายจะหลบหนี ในวันที่ 4 มีนาคม 2567 กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ในเวลา 10.28 น. พบว่าไอ้นายได้ทำการแวะไปที่ร้านทองแถวตลาดท่าม้า เพื่อนำสร้อยคอทองคำไปขาย ซึ่งทีมข่าวช่อง 8 ก็ได้ภาพนิ่งสร้อยคอทองคำเส้นดังกล่าวมาจากร้านทอง พบว่าเป็นสร้อยคอทองคำลายเดียวกันกับที่น้องสาเคยสวมใส่
แต่ทางด้านของจี้ห้อยนั้น ทางร้านทองได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะนี้ได้นำไปหลอมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แต่สร้อยทองเส้นดังกล่าว จึงเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า หลังก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางศพน้องสา ทางไอ้นายได้ทำการถอดสร้อยคอทองคำของน้องสาไปขาย เพื่อนำเงินที่ได้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการหลบหนี
ช่อง 8 เจอที่แรก "ไอ้นาย" ทิ้งศพหนีโผล่กระบี่
ทีมข่าวช่อง 8 ได้แกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อนจะติดตามเส้นทางหลบหนีของไอ้นาย โดยกล้องวงจรปิดจับภาพที่รถบัสกำลังจะเข้าสู่สถานีขนส่ง จ.กระบี่ ช่วงเวลา 14.54 น. วันที่ 4 มีนาคม จะเห็นไอ้นายลงจากรถ 1 ซอย ก่อนจะเข้าสู่สถานีขนส่ง จ.กระบี่ เนื่องจากไอ้นายแจ้งกับคนขับ บอกว่า อยากจะไปที่อ่าวนาง ทางคนขับจึงจอดให้ลงจุดนี้เพื่อจะได้หารถได้ง่ายกว่า ซึ่งตอนนั้นไอ้นายได้สวมเสื้อฮู้ดสีแดง ต่างจากอยู่ บขส. นครศรีธรรมราช ที่เจ้าตัวสวมเสื้อเสื้อยืดสีขาว จากนั้นไอ้นายเดินมุ่งหน้าไปที่ร้านของเจ๊มะลิ ซึ่งเป็นร้านรถเช่าเหมา
กล้องตัวที่ 2,3,4,5 เป็นเหตุการณ์ไล่เลียงกล้องหลายมุม จับภาพไอ้นาย เดินจากร้านเจ๊มะลิ เพื่อมาขึ้นรถสองแถว กล้องตัวที่ 6 เวลา 15.06.36 น. จัลภาพไอ้นายเดินขึ้นรถสองแถว และเวลา 15.11.34 น. รถสองแถวขับออกจาก บขส. จังหวัดกระบี่ เพื่อมุ่งหน้าอำเภออ่าวนาง กล้องตัวที่ 7 และ 8 จับภาพตอนรถสองแถว ขับออกจาก บขส. กระบี่ เพื่อมุ่งหน้าอ่าวนาง
อีกทั้ง ทีมข่าวช่อง 8 ตรวจสอบบริเวณร้านค้าชายหาดอ่าวนาง และได้กล้องวงจรปิดมาด้วยกันหลายมุม กล้องตัวที่ 1 และ 2 เวลา 21.08.46 น. จับภาพไอ้นายเดินเข้ามาพูดคุยกับนางสาวแอน ซึ่งเป็นน้าของภรรยาเก่าไอ้นาย ก่อนที่ทั้งสองคนจะยืนคุยกันอยู่ประมาณ 2 นาที จากนั้นไอ้นายก็เดินออกไป ส่วนกล้องตัวที่ 3,4,5 จับภาพไอ้นาย เดินออกมาจากร้านของนางสาวแอน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปตามบริเวณร้านค้า แถวชายหาดอ่าวนาง
หลังทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่มายังสถานีขนส่งจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเบาะแสสุดท้ายที่ทีมข่าวช่อง 8 ได้ข้อมูลมาว่า ไอ้นาย ได้นั่งรถมินิบัส สายนครศรี-กระบี่-ภูเก็ต มาลงที่กระบี่นั้น และระหว่างทีมข่าวลงพื้นที่ นั้น ได้พบกับรถมินิบัส คันเดียวและเที่ยวเดียวกับที่ไอ้นายนั่งมายัง จ.กระบี่ ทีมข่าวจึงเข้าไปสอบถาม นายอาวุธ อายุ 58 ปี คนขับรถมินิบัสคันดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ตัวเองได้ขับรถมินิบัสคันนี้รับไอ้นาย ผู้ต้องสงสัย มาจาก จ.นครศรีธรรมราช และมาลงที่ จ.กระบี่ จริง จากนั้นตัวเองยังไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุฆาตกรรมน้องสา
โดยตัวเองได้จอดรถส่งไอ้นายที่ซอยก่อนถึง บขส. เพราะเขาต้องการจะไปอำเภออ่าวนาง จ.กระบี่ ตัวเองจึงจอดรถให้เขาก่อนถึง บขส. ก่อนที่ตัวเองจะขับรถมาส่งลูกค้าคนอื่น ๆ ประมาณ 6 คนที่ด้านใน บขส. กระบี่ และตัวเองก็เดินทางไปส่งลูกค้าอีกหนึ่งคนที่จังหวัดพังงา
หากถามถึงบุคลิกและสีหน้าของไอ้นายนั้น ตอนนั้นตัวเองก็ยังไม่ได้สังเกตเพราะลูกค้ามีหลายคน จึงไม่รู้ว่าเขามีสีหน้าท่าทีเป็นอย่างไรบ้าง พอทราบว่าเขาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องสา ตัวเองรู้สึกตกใจมาก
หลังให้สัมภาษณ์นายอาวุธได้พาทีมข่าวช่อง 8 เดินไปดูเบาะที่นั่งด้านในของรถมินิบัสคันดังกล่าว โดยคาดว่าไอ้นายน่าจะมีการนั่งเบาะเดี่ยว ซึ่งอยู่ฝั่งติดกับกระจกด้านซ้ายของรถ จากนั้นนายอาวุธ ได้พาทีมข่าวช่อง 8 ไปดูจุดที่มีการจอดให้ไอ้นายลงจากรถ พบว่าเป็นบริเวณสี่แยกก่อนจะเลี้ยวเข้า บขส.จ.กระบี่ หรืออยู่ด้านหน้า บขส. นั่นเอง พอไอ้นายลงตรงนี้ เจ้าตัวได้เดินไปที่ร้านเหมารถ ที่อยู่ห่างออกไป 200 เมตร
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังหาดหาดอ่าวนางจังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเบาะแสล่าสุดทีมข่าวได้มาว่า ไอ้นายได้มาหาญาติของภรรยาเก่าในพื้นที่แห่งนี้ ทีมขาวได้พูดคุยกับ นางสาวแอน เธอเป็นน้าของภรรยาเก่าไอ้นาย เธอเปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า เมื่อเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา ไอ้นายได้มาหาตัวเองที่ร้าน โดยสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ตอนแรกเขาสวมหน้ากากอนามัย และสวมหมวกพอเข้ามาหาตัวเอง เขาก็ได้ถอดหมวกออก พบว่าสีหน้าไม่ค่อยสดชื่นเท่าไร ก่อนจะเข้ามายกมือไหว้ตัวเอง ตัวเองก็ถามเขาว่านายมาได้อย่างไร เขาก็ตอบว่า “มาเที่ยวครับ” แล้วถามกับตัวเองว่า “น้าสบายดีไหมครับ” ตัวเองตอบไปว่าสบายดี แล้วเขาก็บอกกับตัวเองว่า เขามาเที่ยวที่อ่าวนาง มาเที่ยวได้ประมาณสองถึงสามวันแล้ว
จากนั้นไอ้นายก็ถามหาญาติคนอื่นของตัวเอง ตัวเองถึงบอกเขาไปว่าตอนนี้ตัวเองคุยธุระกับเพื่อนอยู่หน้าร้านยังไม่สะดวกที่จะคุยกับนาย เขาจึงยกมือไหว้ลาตัวเอง แล้วขอตัวแล้วเดินออกมาจากหน้าร้านตัวเองไป ซึ่งรวมเวลาที่ตัวเองได้คุยกับไอ้นายได้ไม่เกิน 5 นาที กระทั่งเมื่อเช้าวันนี้ ตัวเองได้มาทราบข่าวว่านายได้ไปก่อเหตุฆ่าอำพรางแฟนชาวเมียนมา ยอมรับว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
โดยนายเคยคบหากับหลานสาวของตัวเองมาก่อน และเขาเพิ่งเลิกรากับหลานสาวตัวเองเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว จากนั้นตัวเองก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตอนที่เขาคบหากับหลานสาวตัวเอง เขามีอารมณ์รุนแรง และเคยทำร้ายร่างกายหลานสาวตัวเองมาแล้วด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองก็อยากให้นายออกมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มารับผิดกับสิ่งที่เขาได้ก่อเอาไว้ โดยตัวเองเชื่อว่า ถ้าหากเขาไม่อยู่ในพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ เขาน่าจะไปอยู่กับญาติในพื้นที่เกาะพีพี และเพื่อนที่เขารู้จักในพื้นที่อำเภอเขาหลัก จังหวัดพังงา
ล่าสุดหลังจากมีการนำศพของน้องสา ขึ้นมาจากบ่อน้ำร้าง วันนี้ 11 มี.ค. ทางแพทย์เวร รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช และตำรวจ ได้ร่วมทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด พบว่าสภาพศพมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าลำคอจำนวน 3แผล เป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งคาดว่าเป็นบาดแผลสำคัญทำให้น้องสาเสียชีวิต
โดยตำรวจคาดว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดภายในห้องพักของไอ้นาย ที่อยู่ห่างจากจุดพบศพประมาณ 20 เมตร โดยหลังจากไอ้นายได้ลงมือฆ่านางสาแล้ว เจ้าตัวก่อนปลดเอาสร้อยทองคำของผู้ตายหนัก 2-3 บาทเก็บไว้ จากนั้นจึงอาศัยช่วงเวลากลางคืนนำศพมาโยนทิ้งบ่อน้ำร้างดังกล่าวเพื่ออำพรางคดี โดยใช้ผ้าห่มโยนปิดทับและผ้าจีวรปิดทับศพเพื่ออำพรางคดี ก่อนวางแผนหลบหนีข้ามจังหวัดดังกล่าว ซึ่งทางตำรวจกำลังขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุอีกหรือไม่ต่อไป