จากกรณีที่พ่อคลั่งยาบ้าใช้ท่อนสายยางติดกับท่อพีวีซียาวประมาณ 1.2 เมตรกระหน่ำตีและตบแล้วก็ต่อยลูกชายตัวเองลูกชายทนความเจ็บปวดไม่ไหวร้องไห้ด้วยเสียงโอดโอยลั่งถนนจนชาวบ้านทนต่อพฤติกรรมของพ่อรายนี้ไม่ได้ ต้องรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจับกุม

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังซอยทิพากร 3 ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่นายโยธิน พ่อคลั่งยา ตีลูกจนเจ็บสาหัส

จากการสอบถามนายโยธิน ซึ่งยังคงให้การวกวน เปิดเผยว่า ตนเองประกอบอาชีพรับจ้าง ก่อนเกิดเหตุได้ไปได้ชวนลูกชายขี่รถจยย.ไปหาข้าวที่วัดกลับมากิน จากนั้นได้แวะซื้อยาบ้าในเขตทางหลวงจำนวน 5 เม็ดโดยใส่ถุงพลาสติกแล้วยัดใส่กระเป๋าวางไว้ที่บริเวณตะกร้า รถ จยย. แต่ปรากฏว่าในระหว่างทางกระเป๋าหาย จึงได้ต่อว่าลูกชายและตบตีทำร้าย ทั้งยังเล่าต่ออีกว่าไปทางหลวงแล้วไปซื้อยาบ้ามา 5 เม็ด โดยวางไว้ที่ตะกร้ารถ จากนั้นขี่รถจยย.ซ้อนท้ายไปกับลูกชาย จนกระทั่งไม่ทันได้สังเกตกระเป๋าดังกล่าวหายไป จึงด่าทอและตบตี ทั้งนี้ยังให้การวกวนและร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด นายโยธินรับอีกว่า ซื้อยาบ้ามาเพียงเม็ดละ 30- 40 บาท เท่านั้น ต่อวันจะเสพยาบ้า 2- 3 เม็ด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อโยงไปสู่ผู้ค้ารายใหญ่ต่อไป พร้อมนำตัวตรวจสารปัสสาวะพบยาเสพติด โดยนายโยธินรับว่าเพิ่งเสพยาบ้าช่วง 20.00 น. วานนี้

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ส่งตัวเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนครปฐม และ ได้ประสาน เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามาร่วม พูดคุย และ ดูแล ต่อไป

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุสอบถามป้าเดือน อาหารตามสั่ง เล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลานั้นได้ยินเสียงเด็กพูดว่าอะไรหล่นไม่รู้ หลังจากนั้นตนก็หันไปมอง เห็นพ่อเด็ก โวยวายใส่ลูกว่าแตกหมดแล้ว จากนั้นพ่อ กับลูกได้เข็นรถไปจอดบนสะพาน จากนั้นเด็กก็วิ่งมา ตรงที่ทำของตก ตนจึงถามว่าทำอะไรหล่นเด็กคนดังกล่าวไม่พูดแล้วก็วนหาของสิ่งนั้น เด็กคนดังกล่าวหาของไม่เจอสักพักพ่อก็โวยวาย ใส่ลูกอีกครั้ง และได้มีการทุบตีลูกต่อยลูก จนเด็กร้องโอดโอย และหยิบ ท่อนสายยาง มาฟาดเด็ก ทั้งตบทั้งตีอีกหลายครั้ง พ่อเด็กหาของไม่เจอ โดนตีซ้ำเข้าไปอีก และพ่อเด็กได้พูดกับเด็กว่ากูบอกมึงแล้วใช่ไหมให้ถือของดีๆ

จากนั้น พ่อและเด็กก็เดินมาคู่กันบนสะพานและสตาร์ทเครื่องรถจักรยานยนต์แต่สตาร์ทไม่ติด ทางพ่อเกิดความโมโหจึงใช้สายยางตีและใช้มือทุบและต่อยลูกอีกหลายครั้ง โดนสักพักสตาร์ทติดเด็กก็ไปพร้อมกับพ่อจนทางเจ้าหน้าที่

ต่อมาทีมข่าวช่อง8 ได้หลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดวินาทีที่พ่อคลั่งยากำลังทำร้ายลูกชาย หลังลูกชายทำยาบ้าตกพื้นและหาไม่เจอ

กล้องวจป.จับภาพเมื่อเวลา 09.24.45 น. ขณะที่พ่อคลั่งขี่รถจยย.มากับลูกชาย โดยลูกชายก็ทำยาบ้าตกขณะที่ขี่รถจยย.มา

เมื่อเวลา 09.24.48 น. ขณะที่พ่อคลั่งรู้แล้วว่าลูกชายทำยาบ้าตกตามพื้น จึงให้ลูกชายรีบวิ่งไปหายาบ้าที่ตกตามพื้นและพ่อคลั่งก็เดินตามมา

เวลา 09.24.56 น. จะเห็นลูกชายวิ่งมาหายาบ้าที่ตกตามพื้น ต่อมาเวลา 09.25.28.น. จะเห็นพ่อคลั่งเดินตามมา และเวลา 09.25.36 น. จะเห็นพ่อคลั่ง เริ่มโมโหลูกชายและทำร้ายลูกชายด้วยการเอาสายยางขวดไปหลายครั้งและตบหน้าลูกชายไปหลายรอบด้วยกัน โดยไม่มีชาวห้ามไปห้ามปรามเลยเพราะกลัว ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกลับมายังรถจยย.ที่จอดไว้บริเวณสะพาน

เวลา 09.26.52 น. จะเห็นพ่อคลั่งและลูกชายเดินกลับไปยังรถจยย.ที่จอดไว้ริมสะพาน จากนั้นพ่อคลั่งก็เริ่มบันดาลโทสะใส่ลูกชายโดยการตบหน้าต่อยแตะและใช้สายยางหวดใส่ลูกชายไปหลายที เนื่องจากลูกชายหายาบ้าที่ตกพื้นไม่เจอ และต่อมาเมื่อทำร้ายลูกจนพอใจ พ่อคลั่งก็เดินกลับมาหายาบ้าที่ตกพื้นด้วยตัวเอง

เมื่อเวลา 09.29.12 น. ขณะที่พ่อคลั่งเดินมาจากรถจยย. เพื่อหายาบ้าที่ตกอยู่ตามพื้นด้วยตัวเอง

เมื่อเวลา 09.29.59 น. ขณะที่พ่อคลั่งหายาบ้าจนเจอแล้ว จึงเดินกลับมาที่รถจยย. ที่มีลูกชายรออยู่ และจะเห็น ว่ามีชาวบ้านเข้ามาตักเตือนพ่อคลั่ง แต่พ่อคลั่งก็เข็นรถจยย. ของตัวเองออกไป โดยมีลูกชายเดินตาม ก่อนในที่สุดตำรวจจะสามารถคุมตัวพ่อรายนี้ได้และช่วยลูกชายไว้ได้สำเร็จ

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับสิทธิโชค อายุ 57 ปี พ่อค้าที่เห็นเหตุการณ์ โดยนายสิทธิโชคเล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า เมื่อเวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ ตนได้ยินเสียงคนโวยวายเสียงดังอยู่บนสะพานภายในซอยทิพากร 3 และเมื่อได้ยินเสียงตนจึงหันไปดู ก็พบว่ามีเด็กชายหนึ่งคน เดินมาหาของที่ตกหล่นอยู่ภายในซอย จากนั้นนายโยธิน ผู้เป็นพ่อ ก็เดินมาบ่นด่าลูกว่าทำไมไม่ยอมปิดกระเป๋าที่ใส่ยาบ้าไว้ดีๆ จนทำให้ยาบ้าตกหล่นและหายไป

ซึ่งพอดูกระเป๋าแล้วไม่มียาบ้าที่ซื้อมา นายโยธินก็เริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งตบหน้าลูกชายไปหนึ่งที แล้วก็เอาสายยางที่ถือมาด้วยฟาดหลังลูกไปหลายต่อหลายที โดยในตอนนั้นเองไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าเข้าไปห้ามนายโยธิน เลยแม้แต่คนเดียว เนื่องจากในตัวนายโยธินมีมีดปังตอขนาดใหญ่ จึงเกรงว่าหากเข้าไปห้ามแล้วจะถูกทำร้ายได้ ต่อจากนั้นนายโยธินก็ขับรถพาลูกออกไป ก่อนจะถูกสกัดจับในเวลาต่อมา

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะในชีวิตนี้ยังไม่เคยเห็นเหตุการณ์โหดร้ายแบบนี้มาก่อน สุดท้ายตนมองว่านโยบายยาบ้า 5 เม็ดเป็นเพียงแค่ผู้เสพ จะทำให้มีคนติดยาเสพติดมากขึ้นอย่างมาก จึงอยากให้ทางรัฐบาลเข้มงวดกับกฎหมายดังกล่าว อาจจะแก้กฎหมาย เป็นยาหนึ่งเม็ด รับโทษไปเลยถึงปีหน้าจะดีกว่า