กรณีน้องหยก ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ไปเจอศพน้องสา เซเลบสาวชาวเมียนมา จนนำมาสู่การจับกุม นายพิทญา หรือ ไอ้นาย แฟนเก่าของน้องสา หลังพบเบาะแสต่าง ๆ ว่าเจ้าตัวหลังฆ่าน้องสาแล้วหลบหนีมายังพื้นที่จังหวัดกระบี่ ก่อนที่เจ้าตัวจะติดต่อเข้ามอบตัว นั้น


เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายนาย ผู้ต้องหามาสอบปากคำที่ห้องสอบสวน ระหว่างเดินออกมาจากห้องคุมขังนั้น ซึ่งทีมข่าวพยายามสอบถามไอ้นายว่าได้ก่อเหตุคนเดียวจริงหรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบว่า “ครับ” จากนั้นผู้จัดข่าวได้สอบถามผู้ต้องหาว่าตอนลงมือก่อเหตุมีใครอยู่ในบ้าน หรือหรือรู้เห็นเหตุการณ์หรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบว่า “ไม่มี” ก่อนที่จะเจ้าตัวจะเปิดเผยว่าตอนที่นำศพไปอำพรางนั้น ก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์หรืออยู่บริเวณบริเวณนั้นเช่นเดียวกัน




หลังจากนั้นผู้ต้องหาไปสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งขณะให้ปากคำ ทีมข่าวสังเกตว่า ไอ้นาย มีสีหน้าที่เรียบเฉย ๆ และมีพลาสเตอร์พันแผล บริเวณนิ้วชี้ด้านขวา ซึ่งระหว่างสอบปากคำ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย แต่งกายนอกเครื่องแบบ ซึ่งเป็นคนที่ไอ้นายไว้ใจและติดต่อประสานเข้ามอบตัว มาร่วมรับฟังการสอบปากคำ มีบางช่วงบางตอนอีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวก็ยังมีการนำตัวอย่างของอาวุธมีดที่ไอ้นายใช้ก่อเหตุมาให้กับพนักงานสอบสวนดูอีกด้วย


หลังจากสอบปากคำเสร็จไอ้นายได้ร้องไห้ออกมาจากห้องสอบสวน เนื่องจากระหว่างที่สอบปากคำไอ้นายได้เห็นสภาพศพน้องสาในสำนวน ซึ่งเป็นภาพศพที่กู้ภัยกำลังนำศพของน้องสาขึ้นมาจากบ่อ ทำให้เจ้าตัวทำใจไม่ได้และได้ร้องไห้ออกมา




พอมาเจอกับผู้สื่อข่าวที่รอหน้าห้องสอบสวน ไอ้นายได้กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตัวเองเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองไม่มีเจอตนาและไม่ได้ตั้งใจฆ่าน้องสา ตอนนี้ตัวเองรู้สึกผิดมาก “ผมรักเขามาก ผมขอโทษ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะไม่ทำเด็ดขาด”


โดยไอ้นาย เล่าย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์คืนเกิดเหตุว่า ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 3 มีนาคม 2567 ขณะตัวเองอยู่ในห้องนอนกับน้องสา จู่ ๆ ได้มีคนโทรศัพท์เช้ามาหาน้องสา ตัวเองเห็นในหน้าจอโทรศัพท์ของสา ขึ้นว่า “เบนซ์” (แฟนปัจจุบันของสา) จากนั้นตัวเองก็พยายามจะขอดูโทรศัพท์สา ว่าใครโทร. มาแต่เขาก็ไม่ให้ดู จึงพยายามยื้อแย่งโทรศัพท์กัน กระทั่งสาได้หยิบเอามีดที่วางอยู่โต๊ะภายในห้องนอน มาแกว่งไปมา ลักษณะไม่ให้ตัวเองยุ่งกับโทรศัพท์ของเขา




ตอนนั้นตัวเองพยายามแย่งมีดออกมาจากมือของสา ทำให้มีดโดนที่นิ้วชี้มือขวาของตัวเอง จากนั้นตัวเองจึงเอามือซ้ายอุดปากสา เพื่อไม่ให้ร้องส่งเสียงดัง เพราะแม่และลูกตัวเอง นอนอยู่อีกห้อง จากนั้นตัวเองได้ใช้มีดเล่มดังกล่าวแทงไปที่คอของน้องสาจำนวน 1 ครั้ง จนเขาสิ้นใจ ซึ่งตอนนั้นตัวเองได้เอามือซ้ายอุดปากนางสาวสา อยู่ประมาณ 10 นาที โดยมือซ้ายของตัวเองก็มีบาดแผลจากการถูกน้องสากัดมืออีกด้วย


หลังจากสาตายแล้ว ตัวเองได้กอดร่างสาเอาไว้ แล้วบอกสาว่าขอโทษ โดยตัวเองนอนกอดศพสาอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อรอให้คนในบ้านหลับนอนกันหมดก่อน พอคนในบ้านนอนหลับกันหมดแล้ว ช่วงหลังเที่ยงคืน ตัวเองจึงเอาผ้าห่มห่อร่างสา แล้วลากสาออกจากทางประตูหน้าบ้านไปยังจุดทิ้งศพ ซึ่งตอนที่ลากร่างสานั้น ตัวเองก็ใช้ไฟจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ส่องดูทางเป็นระยะ ๆ ก่อนที่จะไปทิ้งศพลงในบ่อ




จากนั้นตัวเองได้นำผ้าห่มที่ใช้ห่อศพ และอาวุธมีด ไปทิ้งลงถังขยะแถวบ้าน ก่อนที่จะชับรถมอเตอไซค์ของแม่ ไปทำแผลที่โรงพยาบาลในตำบล ส่วนเรื่องทองนั้น ตัวเองมาคิดชิงทรัพย์ทีหลัง เนื่องจากตัวเองไม่มีเงิน ตัวเองต้องใช้เงินในการหลบหนี ตัวเองไม่ได้ตั้งใจลักทรัพย์ เพราะเหตุที่ตัวเองทำร้ายสามาจากเรื่องหึงหวง โดยวันที่ตัวเองจะหนี ตัวเองกอดลูก หอมลูก แล้วบอกว่า “พ่อไปทำงานก่อนนะ” ช่วงจังหวะที่ไอ้นายจะเดินเข้าห้องขังเจ้าตัวได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมขอโทษทุกคนนะครับ”


ทั้งนี้ โดยผู้ต้องหาไม่ประสงค์ที่จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุนั้นเป็นพื้นที่ใกล้ใกล้บ้านของตัวเอง ที่มีทั้งแม่และลูกอาศัยอยู่ จึงไม่อยากให้ลูกเห็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกลัวว่าจะกระทบจิตใจลูก

"ไอ้นาย" สารภาพบีบคอ-อุดปาก มีดปักคอน้องสา ก่อนกอดศพ 2 ชม. แล้วทิ้งบ่อ