กรณีน้องหยก ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ไปเจอศพนางสาวสา เซเลบสาวชาวเมียนมาร์ โดยมีเบาะแสว่าผู้ต้องสงสัยในคดี คือนายนาย ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้หลบหนีมายังพื้นที่จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา
บรรยากาศที่วัดบุญนารอบ จ.นครศรีธรรมราช เวลา 13.00 น. ได้มีการจัดพิธีฌาปนกิจศพนางสาวสา ผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ท่ามกลางบรรดาญาติของสา แฟนหนุ่มของสา เพื่อนร่วมงาน และชาวบ้าน ที่มาร่วมงานศพในครั้งนี้ รวมถึงผู้สื่อข่าวช่อง 8 ก็เป็นตัวแทนของทีมข่าวช่อง 8 ร่วมแสดงความเสียใจและร่วมส่งดวงวิญญาณน้องสาด้วย
ต่อมาเวลา 14.30 น. เป็นพิธีเผาศพของนางสาวสา ผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยมี นายมีนา อายุ 22 ปี แฟนเก่าของสา มาบวชเป็นเณรหน้าไฟให้กับสาอีกด้วย
โดยช่วงที่มีการเคลื่อนโลงศพนางสาวสา เข้าไปในเตาเผาศพ พบว่าสามเณรมีนา (แฟนเก่าสา) ได้ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับสามเณร มีนา พรมโชติ อดีตแฟนของนางสาวสาวผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้ตัวเองตั้งใจบวชหน้าไฟให้กับสาเพื่อเป็นการส่งดวงวิญญาณให้เขาไปสู่สุคติเป็นครั้งสุดท้าย
โดยตัวเองเคยคบหากับสาได้ 3 ปี และเลิกกันเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา แต่ก็จบกันด้วยดี ได้ถึงจะเลิกกันแล้วตัวเองรักสา ก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่ กระทั่งเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ตัวเองก็ได้ไปหาสาอยู่ที่ทำงาน ก่อนที่เวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 4 มีนาคม 2567 ถึงมาทราบจากเพื่อนร่วมงานว่าสาหายตัวไป ไม่กลับหอพัก
จนวันที่มีการไปเจอศพของสา ซึ่งตัวเองก็ได้ไปในที่เกิดเหตุตรงนั้นด้วยเพราะตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ยอมรับว่าทำหน้าที่กู้ภัยลำบากมาก เพราะที่ผ่านมาตัวเองเก็บศพผู้เสียชีวิตมาหลายศพ แต่พอมาเห็นศพสา ในวันนั้นตัวเองทำใจไม่ได้ ไม่กล้าที่จะเก็บศพเขา จึงให้เพื่อนๆทำหน้าที่แทน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองก็อยากให้ผู้ก่อเหตุถูกลงโทษถึงที่สุด ให้ประหารชีวิตได้ยิ่งดี ตัวเองเชื่อว่าปมก่อเหตุไม่ได้มาจากเรื่องหึงหวงเรื่องเดียวแน่นอน
หลังจากเคลื่อนศพของนางสาวสา เข้าเตาเผาแล้ว ครอบครัว,ญาติ และเพื่อนร่วมงานของสา ก็ได้มารวมตัวกันหน้าเมรุ เพื่อทำพิธีขอขมากรรมผู้เสียชีวิต
ทางด้านนายเบนซ์ นามสมมติ แฟนหนุ่มของนางสาวสา ให้สัมภาษณ์ว่า ที่นายนาย (ผู้ต้องหา) เขาให้การว่าเขาก่อเหตุเพราะเรื่องหึงหวงนั้น ตัวเองคิดว่าเขาพูดไม่จริง เพราะนายนาย และนางสาวสา เขาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว วันเกิดเหตุที่สาไปหานายนายที่บ้าน ก็เพราะสาต้องการไปถามทวงหนี้ ที่นายนาย ได้ติดหนี้สาตั้งแต่ช่วงที่มีการคบหากัน
ส่วนที่นายนาย เขาบอกว่า เขาไม่พอใจ สา ที่วันเกิดเหตุ มีสายโทรศัพท์ของตัวเองโทรไปหาเขานั้น ตัวเองคิดว่า นายนาย เขาไม่มีสิทธิ์หึง ต่อให้ตัวเองหรือใครจะโทรศัพท์ไปหาสาก็ตาม เพราะสาเขาเลิกกับนายไปนานแล้ว
สิ่งที่นายนาย เขาได้ก่อเหตุเอาไว้ ตัวเองก็อยากให้เขาได้รับโทษสูงที่สุด วันนี้ วันเผาศพของสา ตัวเองก็ยังไม่เห็นแม่ของนายนาย เขามาร่วมงานศพแต่อย่างใด และคิดว่าทางครอบครัวของสา เขาก็คงไม่สะดวกที่จะให้แม่นายนาย มาร่วมงานศพแน่นอน
ตัวเองอยากบอกสาว่า ให้ดวงวิญญาณของสาไปสู่สุขคติ ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ซึ่งตัวเองสัมผัสได้ว่ามีคนที่รักษาจำนวนมาก บางคนเค้าก็ติดตามสาจาก TikTok ไม่รู้จักกันมาก่อน แล้วก็ได้มาให้กำลังใจในงานศพครั้งนี้อีกด้วย
เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้คุมตัวนายพิทญา หรือ "นาย" อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาในคดีสังหารสาวชาวเมียนมา หรือ “น้องสา” อายุ 35 ปี แล้วทิ้งศพในบ่อน้ำ หลังกุฏิร้างในวัดท้าวโคตร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยพนักงานสอบสวนได้ใช้เครื่องพันธนาการคุมตัวออกจากห้องควบคุม พร้อมกับเพื่อนผู้ต้องหาในคดีอื่นอีกรวม 5 ราย โดยนายพิทญา หรือนาย สวมเสื้อยืดสีส้ม อยู่ในอาการอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนถูกนำตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องนำตัวไปขออำนาจศาลนครศรีธรรมราช ผลัดฟ้องฝากขังผลัดแรก โดยพนักงานสอบสวนได้มีบันทึกแนบท้ายคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุคดีอุกฉกรรจ์ลักษณะสะเทือนขวัญ
ขณะคุมตัวออกมานายพิทญา อ้างว่ายังรักน้องสาอยู่มาก และยืนยันว่าไม่ได้แยกทางกันเขายังมาหาอยู่ตลอด และอยากขอโทษน้าของน้องสา ที่สาเขาสนิทมาก จนถึงขณะนี้ยังรักน้องสามากและยังรักตลอดไป พร้อมระบุว่าแผลที่เกิดขึ้นที่มือนั้นเกิดจากน้องสาใช้มีดข่มขู่เขาก่อนแล้วเขาไปแย่งมีดจากน้องสา แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่าเงินที่ได้จากการขายทองนั้นเอาไปให้ใคร รวมทั้งโทรศัพท์มือถือของน้องสาที่ยังหาไม่พบ