จากกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล หลังมีการเผยแพร่คลิปเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายใช้หมวกกันน็อกตีวัยรุ่นขณะโดนรวบอยู่ริมถนน หลายคนจึงตั้งคำถามว่าทางตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
ล่าสุด (15 มี.ค. 2567) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบริเวณปากทางซอยชุมชนตลาดเทศบาลอำเภอคอนสวรรค์ ถนนสายลาดใหญ่-ช่องสามหมอ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ เบื้องต้นในที่เกิดเหตุไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด จึงได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ สภ.คอนสวรรค์ ได้พบกับ ด.ต.เสกสรร เซงประสิทธิ์ ผม.หมู่ป้องกันปราบปราม สภ.คอนสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในคลิป
โดย ด.ต.เสกสรร เล่าว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนได้ออกปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ออกตรวจ ตนจึงออกตรวจไปตามถนนสายดังกล่าว พบกลุ่มวัยรุ่นขับขี่รถจักรยานยนต์เสียงดัง ตนจึงขี่รถตามไปเพื่อป้องปรามและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด พอขี่รถตามไปรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุได้ขี่หนี ตนจึงขี่ตามไป
กระทั่งรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเกิดล้ม ตนจึงจะเข้าควบคุมตัว และทำการตรวจสอบ แต่ชายคนขับรถทำท่าทางเหมือนจะฮึดสู้ ตนจึงได้ทำการเปิดหมวกคนขับออกมา และจะควบคุมตัว แต่ตนไม่ได้เอาหมวกฟาดไปที่คนขับแต่อย่างไร ตนฟาดเพื่อป้องปามไม่ให้ฮึดสู้ อีกทั้งตนนั้นทำตามยุทธวิธีแล้ว หากคนร้ายมีอาวุธยิ่งจะได้เข้าชาร์จได้ทัน เพื่อความปลอดภัยในการออกปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ด้วย
ด้าน พ.ต.อ.พันธ์ยศ พีระยศวริศ ผกก.สภ.คอนสวรรค์ กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เบื้องต้นตนเองเห็นคลิปดังกล่าวแล้ว พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย แต่ทางเยาวชนทั้ง 2 คนไม่ได้รับบาดเจ็บและไม่ได้เอาเรื่องดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาโรงพักทางกลุ่มเยาวชนทั้ง 2 คนก็ได้ให้ผู้ปกครองมารับตัว และไม่มีของผิดกฎหมาย ครอบครัวก็รับกลับไปก็ไม่ได้เอาเรื่องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
อีกทั้งรถจักรยานยนต์คันที่เกิดเหตุ ตนก็ได้ยึดไว้ที่ สภ.คอนสวรรค์ ก่อน เนื่องจากรถคันเกิดเหตุนั้นไม่มีป้ายทะเบียน ไม่มีเอกสาร และไม่มี พ.ร.บ. อีกทั้งไม่มีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ระบุว่ารถเป็นของใคร เพื่อที่จะให้เจ้าตัวไปนำเอกสารมายืนยัน และให้ผู้ปกครองทั้ง 2 คน มานำรถจักรยานยนต์กลับไปได้ต่อไปตามขั้นตอนกฎหมาย