กรณีผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความตามหาคนหายชื่อว่า นางอัญชลี หรือ ป้าตอก หายไปวันพุธที่ 6 มี.ค. ในพื้นที่ บ้านทุ่งซ้าน ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ใครพบเห็นติดต่อญาติ มีสินน้ำใจให้จำนวน 20,000 บาท แจ้งตำรวจมา 10 กว่าวันแล้ว ยังไม่มีวี่แววตอนนี้ญาติข้องใจมาก นั้น

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินหน้าติมตามคดีอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้เดินทางมายัง ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านมีการให้เบาะแสว่าได้กลิ่นเหม็นเน่า วันนี้ทีมข่าวจึงมาติดตามการค้นหาที่จุดดังกล่าว พร้อมกับครอบครัวของผู้สูญหาย และชาวบ้านกว่า 20 คน โดยชาวบ้านใช้ในการค้นหาจุดนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่เจอเบาะแสเพิ่มเติมอะไร ซึ่งพื้นที่ตรงนี้มีลักษณะเป็นสวนปาล์ม อยู่คนละฝั่งเขากับสวนยางพาราที่ป้าตอก สูญหายไปอย่างลึกลับ

ด้านนายสมคิด อายุ 48 ปี สามีของผู้สูญหาย ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวว่า สำหรับวันนี้ตัวเองก็มาร่วมตามหาภรรยาที่หายตัวไป ซึ่งเป็นวันที่ 11 แล้ว โดยจุดแรกที่มาตามหาภรรยานั้น เป็นจุดที่มีชาวบ้านได้กลิ่นเหม็นบริเวณสวนปาล์ม ตรงข้ามเขากลับจุดที่ภรรยาหายตัวไป ซึ่งจากการเดินตามหาภรรยาที่บริเวณนี้ อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ตัวเองก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติม จะยอมรับว่าบริเวณนี้ตัวเองได้กลิ่นเหม็นเน่าจริง ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นกลิ่นของอะไร

ตัวเองยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ก่อนที่ภรรยาจะหายตัวไปนั้น วันดังกล่าวตัวเองไม่ได้ทะเลาะหรือมีปากเสียงกับภรรยาแต่อย่างใด ภรรยาก็เก็บน้ำยางตามปกติ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยมีปากเสียงกับภรรยามาอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้มีปากเสียงรุนแรงมากนัก ภรรยาก็คือเดินลงจากเขามาบริเวณตีนเขาเพื่อหาญาติ แต่ครั้งนี้ก็ไม่มีเบาะแสของภรรยาเลย

ตัวเองก็อยากพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เจอตัวภรรยาโดยเร็ว ส่วนด้ามมีดพร้าที่เจอคราบปริศนานั้น ตัวเองก็คิดว่าน่าจะไม่ใช่คราบเลือดแต่น่าจะเป็นคราบยางกล้วย หรือยางไม้ต่าง ๆ ซึ่งมีดเล่มดังกล่าว ตัวเองก็เอาไว้ที่ขนำอยู่ตลอด และไม่ได้จับมีดเล่มนั้นนานแล้ว ซึ่งตัวเอง ก็จะค้นหาภรรยาแบบนี้ตลอดไป จนกว่าจะเจอ

โดยที่จุดค้นหาบริเวณนี้ แม่ของผู้สูญหายก็ได้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเพื่อให้เปิดทาง ให้ค้นเจอลูกสาวโดยเร็ว จากนั้นชาวบ้านและครอบครัวของผู้สูญหายพากันออกไปค้นหาผู้สูญหายในจุดที่สอง ตามคำบอกเล่าของร่างทรง

ด้านนายเกียรติศักดิ์ อายุ 22 ปี ลูกชายของผู้สูญหายให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเช้าวันนี้ทางครอบครัวตัวเองได้ไปค้นหาในจุดที่ชาวบ้านได้กลิ่นเหม็นเน่า โดยหาในรัศมี 1 กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่เจอเบาะแสแม่แต่อย่างใด และคิดว่าแม่น่าจะไม่เดินไปไกลขนาดนั้น ส่วนกลิ่นที่ชาวบ้านได้กลิ่นนั้น น่าจะเป็นกลิ่นมูลสัตว์ที่ชาวบ้านใช้เป็นปุ๋ยใส่ต้นปาล์ม น่าจะไม่ใช่กลิ่นศพ และช่วงบ่ายทางครอบครัวก็จะไปค้นหาที่หุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่แม่หายตัวไป เพราะมีร่างทรงบอกว่า แม่น่าจะอยู่ในหุบเขาดังกล่าว

สำหรับตัวเองมีความหวังว่าจะได้เจอแม่ และตัวเองก็จะออกค้นหาแม่ทุกวัน ตอนนี้ตัวเองอยากเจอแม่มาก ๆ ตัวเองรักแม่มาก ๆ ที่ผ่านมายอมรับว่าพ่อกับแม่เคยมีปากเสียงทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร จึงคิดว่าการหายตัวไปของแม่ พ่อน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง