"คารม" เผยรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา กรณีฟินแลนด์ระงับวีซ่าคนไทยเก็บเบอร์รี่ "ชั่วคราว" เดินหน้าต่อต้านการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานในทุกรูปแบบ
วันนี้ 18 มีนาคม 2567 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีกระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ ตัดสินใจระงับการรับคำร้องขอตรวจลงตราของคนเก็บเบอร์รี่ป่าในไทย โดยใช้บังคับกับผู้สมัครที่เป็นแรงงานเก็บเบอร์รี่ป่าทุกคนที่ยื่นคำร้องขอตรวจลงตราที่สถานทูตฟินแลนด์ในกรุงเทพฯ ซึ่งครอบคลุมถึงผู้สมัครทั้งจาก ไทย กัมพูชา และเมียนมา (การตรวจลงตราประเภทเชงเก้น) ในฤดูเก็บเกี่ยวช่วงหน้าร้อนปี 2567 นั้น เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพื่อแสวงหาแนวทางแก้ปัญหาระยะยาวและครอบคลุมในการเข้าประเทศของคนเก็บเบอร์รี่ป่าในฟินแลนด์ตั้งแต่ฤดูเก็บเกี่ยวปี 2568 เป็นต้นไป
นายคารม กล่าวต่อไปว่า รัฐบาล โดยกรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยกรมการกงสุล และกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ มิได้นิ่งนอนใจต่อกรณีดังกล่าว ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น และระยะยาว ดังนี้
ระยะสั้น - ชะลอการจัดส่งแรงงานไปเก็บผลไม้ป่าในสาธารณรัฐฟินแลนด์และสวีเดน จนกว่าจะปรับระเบียบกฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับแรงงานไทยที่จะเดินทางไปเก็บผลไม้ป่า รวมถึงนายจ้างต้องยอมรับเงื่อนไขที่กำหนด โดยหากเป็นการเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าในรูปแบบนายจ้างพาลูกจ้างไปทำงาน นายจ้างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดลูกจ้างจะต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมย์มุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การคุ้มครองและการรักษาสิทธิของแรงงานไทยตลอดจนความโปร่งใสและความเป็นธรรมให้แก่แรงงานไทย
ระยะยาว - ปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับแรงงานไทยที่ไปเก็บผลป่าที่ราชอาณาจักรสวีเดนและสาธารณรัฐฟินแลนด์ และกำหนดโทษนายจ้าง/ผู้ประสานงานให้ชัดเจน ทั้งต้องหารือระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐฟินแลนด์ เพื่อหาแนวทางในการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยต่างประเทศในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือบันทึกความเข้าใจร่วมกันระหว่างประเทศ (MOU) หรือถึงแม้ว่าอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานก็ตาม เพื่อให้ทั้งสองประเทศร่วมกันในการแก้ไขปัญหาต่อไป
"รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาต่อต้านการค้ามนุษย์ พร้อมเดินหน้าต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง เพื่อปกป้อง คุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชน รวมถึงเพื่อขจัดการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานในทุกรูปแบบ" นายคารม ย้ำ