"อ.อ๊อด" แจงปมหน้ากาก หลังถูก "ทนายไพศาล" ยื่นสอบปมทุจริตโครงการวิจัย
วันที่ 18 มี.ค. 2567 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายไพศาล เรืองฤทธิ์ หรือทนายไพศาล นำหลักฐานและหนังสือร้องเรียน ยื่นต่อนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) ให้ช่วยในการตรวจโครงการวิจัยโครงการพัฒนาหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหารเพื่อใช้ป้องกันประเทศ ปี 2560 งบประมาณโครงการ 3.8 ล้าน
โดยทนายไพศาล เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีการจัดทำโครงการดังกล่าวเนื่องจากยุคนั้น ประเทศไทยประสบภาวะราคายางพาราตกต่ำจึงมีนโยบายให้นำยางพาราของเกษตรกรไทยมาทำการวิจัยและพัฒนาเป็นยุทธภัณฑ์ทางทหาร ให้ ทำวิจัยและผลิตหน้ากากกันสารพิษจำนวน 50,000 ชิ้นในงบ 150 ล้านบาท และมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ สกอ. (ปัจจุบันเป็น กระทรวง อว.) ตั้งทีมวิจัย โดยมีรศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นหัวหน้าวิจัย และมีการใช้งบของ สกอ. จำนวน 3.8 ล้านในการวิจัย จนกระทั่งเล่มวิจัยเสร็จสมบูรณ์ แต่ทางกองทัพบกพบเอกสารใบรับรองคุณสมบัติของหน้ากากปลอมจาก สาธารณรัฐเช็ก ในเล่มวิจัย มีการสวมเลขใบรับรอง จากเลขใบ รับรองเสื้อการรังสีไม่ใช่เลขใบรับรองหน้ากากกันสารพิษ แต่กลับสอดไส้มา จากนั้นกองทัพบกไปแจ้งความที่กองปราบปราม ใช้เวลาสอบสวนเพียง 1 เดือน ก็ส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช.ชี้มูล แต่จนกระทั่งปัจจุบัน ยีงไม่มีการชี้มูลความผิดอะไร และแม้ว่าหลังจากที่ กองทัพไปร้องทุกข์ ทางอ.อ๊อดออกมาปฏิเสธว่า” ใบรับรองปลอมดังกล่าวเป็นการสอดไส้จากทางกองทัพเองตนไม่รู้เรื่อง”
ทนายไพศาล ยังตั้งคำถามและข้อสังเกตว่าตกลงใบรับรองปลอมดังกล่าวมาจากไหนและเหตุใดอาจารย์อ๊อดถึงไม่แจ้งความกลับกองทัพในขณะนั้น และฝากไปยัง ป.ป.ช.ว่า เหตุใดถึงปล่อยระยะเวลาล่วงเลยมาถึงหกปีแต่กลับไม่มีการชี้มูล และต้องการให้ กระทรวง อว. ออกมาชี้แจงถึงโครงการวิจัยดังกล่าวว่ามีการตรวจสอบหรือไม่ เพราะใช้งบประมาณของรัฐ แม้ปัจจุบันโครงการดังกล่าวจะยุติไปแล้ว อีกทั้งต้องการให้กองทัพออกมาเรียกร้องดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะหากโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้นกองทัพจะมีการจัดซื้อและสูญเสียงบประมาณ 150 ล้านบาท แม้ว่าตอนนี้กองทัพจะยังไม่เสีย 150 ล้านบาทในการจัดซื้อ แต่กองทัพก็เสียเงินจำนวน 50,000 บาทในการทดลองวิจัยโครงการดังกล่าว ก็ถือว่ามีการสูญเสียไปแล้ว
ด้านนายกองตรี ดร.ธนกฤต บอกว่าตนเองจะรับเรื่องดังกล่าวและส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ เพราะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหายต่อรัฐที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งตนเองยอมรับได้เห็นเล่มวิจัยตัวจริงดังกล่าวแล้ว มองว่าจะสอดไส้ได้อย่างไรเพราะเล่มวิจัยมีการเข้าเล่มมาสมบูรณ์แล้วจะสอดไส้นั้นเป็นไปได้ยาก และหากหน้ากากกันสารพิษผลิตขึ้นมาจริงก็จะส่งผลไม่ได้คุณภาพและอาจจะทำให้กำลังพลอาจถึงชีวิตได้
"อาจารย์อ๊อด" ไลฟ์สดแจง หลังถูกแฉเรื่องโครงการวิจัยหน้ากากกันสารพิษ
ล่าสุด นายวีรชัย พุทธวงศ์ หรือ "อาจารย์อ๊อด" นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาไลฟ์สดชี้แจงประเด็นดังกล่าวแล้วว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องโครงการวิจัยหน้ากากป้องกันสารพิษทางทหาร ซึ่งเหตุเกิดเมื่อปี 2560-2561 นักวิจัยในโครงการประกอบไปด้วยกลุ่มคนหลายคน มีทั้งนายพล / นายพัน / พันเอก / นายร้อย / อาจารย์อ๊อด และคณาจารย์อีกกลุ่มหนึ่ง รวมแล้วประมาณ 7-8 คน เราก็ทำวิจัยไป ข่าวนี้จบตั้งแต่ช่วงปี 2561 ประเด็นนี้มีการส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช. และมีการสืบสาวราวเรื่องหลายอย่าง จนในที่มันก็มีประเด็นที่แยกกันหลายคดี
ในส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับทหาร ก็มีการตัดสินไปบ้างแล้ว ความจริงเอกสารจะอยู่ฝั่งทหาร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ อาจารย์อ๊อด ก็จะอยู่ที่ชั้นอนุไต่สวน ซึ่งอาจารย์อ๊อดไม่ได้เป็นเมนหลักที่เขาไปแจ้ง เพราะเขาไปแจ้งที่กองปราบฯ คือไปแจ้งทหาร (ทหารแจ้งทหารกันเอง) โดยที่มีเราเป็นพลเรือนถูกพ่วงไปด้วย ฉะนั้นข้อเท็จจริงหลายเรื่องที่ทางกลุ่มคนที่ไปแถลงข่าว เป็นข้อเท็จจริงบางส่วนที่ไม่ครบ ตอนนี้ในหลายๆคดีเพราะมีปลีกย่อยเยอะ คนที่ทำคดีให้ อาจารย์อ๊อด ในสมัยนั้นคือ "ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช" ถ้าถามท่าน ท่านจะรู้ข้อมูลบางส่วน แต่ถ้าถาม อาจารย์อ๊อด จะรู้ข้อมูลมากที่สุด
ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทหารตอนนี้เท่าที่ทราบ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เอกสารไปเอาที่กองทัพเองแล้วกัน มีตั้งแต่ นายพล / นายพัน โดยหลักของทหารเมื่อโดน ป.ป.ช. ชี้มูล ก็จะต้องให้ออกจากราชการ แต่ทหารก็ช่วยกันเพราะยังอยู่ แล้วคนที่มาร้องเรียนแก๊งตัวตึงก็น่าจะเป็นทหารที่โดนร้องเรียนเรื่องนี้ แล้วคนนี้กำลังจะไต่เต้าขึ้นเป็นนายพล อาจารย์อ๊อดรู้ว่าคือใคร! ก็คงจะมาให้ข่าวแก๊งนี้ แล้วแก๊งนี้ก็ร่วมกับดารา พิธีกรชื่อดังโปรยข่าวซึ่งมีความแค้นส่วนตัวกับอาจารย์อ๊อดอยู่แล้ว โปรยข่าวเรื่องนี้ในรายการดัง ช่องดังที่ อาจารย์อ๊อดฟ้องด้วย พรุ่งนี้ศาลนครปฐมก็จะอ่านคำสั่ง ว่าที่อาจารย์อ๊อดฟ้องช่องดังน้อยสีจะมีมูลหรือไม่ ก็มีความแค้นสะสมเลยเอาข่าวจากทหารยศพันเอกพิเศษ ที่ถูกป.ป.ช. มีมติชี้มูลประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของนายทหารยศพลโทคนหนึ่งที่ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเช่นกัน 6 ปีมันต้องมีความคืบหน้า
ซึ่ง นายพล / นายพัน ที่โดน ป.ป.ช. มีมติชี้มูลประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง แต่พอส่งไปที่หน่วยงานทหาร คือกองทัพบก เขาก็ช่วยกัน เขาจัดการกันภายใน ทุกคนก็ต้องขึ้นศาลทหาร เพราะฉะนั้น พลโท / พันเอก ที่เอาข่าวแค้น อาจารย์อ๊อด ไปบอกแก๊งตัวตึงพร้อมกับพิธีกรชื่อดังอักษรย่อ ก. แค้นและปูพรมเรื่องนี้ในรายการดัง ถ้าใครไปดูเทปย้อนหลัง และ FC อาจารย์อ๊อดส่งข่าวมาเรื่อยๆ เขาบอกว่าพูดเรื่องหน้ากาก / ใบเซอร์ปลอม เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เงื่อนงำ ป.ป.ช. เขาทำงานไป 6 ปี มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย อาจารย์อ๊อด ถูกเรียกไปสอบประมาณ 3 รอบแล้ว แต่คุณก็บอกว่าไม่เคยเรียกสอบ อาจารย์-ทหาร ทุกคนถูกเรียกไปสอบหมดแล้ว แล้วคดีมีหลายคดี
อาจารย์อ๊อด ยังบอกอีกว่า อันไหนที่ทำให้ อ.อ๊อด และหน่วยงานเสียชื่อเสียง ก็จะดำเนินการ