จากกรณีหนุ่มอายุ 23 ปี ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์นับ 10 คน บุกเข้าอุ้มตัวขึ้นกระบะหวังก่อเหตุทำร้าย ก่อนได้พลเมืองดีควงปืนมาช่วยสกัดกั้น ทำให้เจ้าตัวอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีออกมาได้

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายฟลุ๊ค อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่ตนกำลังดูแลวัวอยู่ในลานเลี้ยง จู่ ๆ ก็มีชายฉกรรจ์ขับรถเข้ามาภายในลานและมีชายมากกว่า 10 คนลงมาจากรถ พร้อมเรียกให้ตนเข้าไปหา แต่ในตอนนั้นตนได้ปฏิเสธและพยายามจะถามว่า “มาทำอะไร มีเรื่องอะไรเหรอ” แต่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงและเข้ามาล็อกคอตนขึ้นรถกระบะไปด้วยทันที ระหว่างนั้นตนก็พยายามจะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น จะพาผมไปที่ไหน” แต่ชายฉกรรจ์ก็ตะคอกใส่ว่า “ มึงไม่ต้องพูดมาก ไปกับพวกกูก็พอ” พร้อมทั้งมีการใช้มือชกต่อยและทุบตีตนเป็นระยะ จนกระทั่งเคลื่อนรถไปได้ประมาณ 300-400 เมตร ตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาจากข้างหน้า เมื่อมองตรงไปก็เห็นว่ามีรถคันหนึ่งจอดขวางอยู่พร้อมกับมีพลเมืองดีประมาณ 3 คน ลงมาจากรถและใช้อาวุธปืนช่วยยิงสกัดไว้ จังหวะนั้นตนจึงออกอุบายกับคนร้ายว่า “เดี๋ยวผมจะพาหนีเอง พี่เปิดรถให้ผมก่อน” เมื่อถึงจังหวะที่คนร้ายยอมเปิดประตูให้ ตนจึงรีบวิ่งหนีออกไปทันที

 

ซึ่งนายฟลุ๊คได้ยืนยันว่าตนนั้นไม่รู้จักกับกลุ่มคนร้ายและไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลย จึงไม่แน่ใจว่าจะเป็นการจับผิดตัวหรือเปล่า อีกทั้งตนอยากขอขอบคุณพลเมืองดีที่เข้ามาช่วยสกัดยิงเอาไว้ เพราะหากไม่ได้คนเหล่านี้ชีวิตตนก็คงไม่รู้จะเป็นยังไงต่อ ซึ่งกับกลุ่มพลเมืองดีที่ได้เข้ามาช่วย ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใครมาจากไหน เชื่อว่าน่าจะเป็นคู่กรณีกับกลุ่มคนร้ายอยู่แล้วหรือเปล่า เขาอาจจะไล่ตามกันมาตั้งแต่แรก ส่วนตนก็เป็นคนที่ไม่รู้ไม่เห็นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย แต่บังเอิญโชคร้ายที่ไปเจอกับกลุ่มผู้ร้ายเข้า

 

นายฟลุ๊คยังเล่าเรื่องแปลก ๆ ให้ฟังอีกว่าในช่วงที่มีการชุลมุนและยิงปะทะกัน ตนได้ยินเสียงคนแก่ออกมาจากศาล ลักษณะคือมีการเรียกและชี้ทางประมาณว่า “ไอ้หนุ่ม ไอ้หนุ่ม เอ็งวิ่งหนีไปทางนี้” พอสิ้นเสียงเรียกตนก็รีบวิ่งไปยังเส้นทางนั้นในทันที และทำให้ตนหนีรอดพ้นจากอันตรายดังกล่าว ซึ่งตน

 

นอกจากนี้นายฟลุ๊คยังบอกอีกว่า ตนสามารถหยิบโทรศัพท์ของกลุ่มคนร้ายมาได้ ทำให้ตนพอจะทราบข้อมูลแล้วว่ากลุ่มคนร้ายเป็นใคร แต่เท่าที่ดูหน้าตาของแต่ละคน ตนก็ยังคงยืนยันว่าไม่เคยรู้จักและไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำโทรศัพท์ดังกล่าวไปตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ต่อมาทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในเวลาประมาณ 00.25 น. ของวันที่ 18 มี.ค.67 ในภาพจะเห็นว่ารถยนต์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด 3 คันขับตามกันไปติด ๆ โดยคันแรกจะเป็นรถกระบะขับนำ ส่วนคันที่สองและคันที่สามจะเป็นรถเก๋งขับตามกันไป ซึ่งทั้งสามคันจะขับมุ่งหน้าไปยังลานวัวที่นายฟลุ๊คอยู่

 

ต่อมาในเวลา 00.29 น. จะเห็นว่ารถเก๋งของพลเมืองดีได้ขับตามเข้าไปภายในซอยที่กลุ่มผู้ก่อเหตุเข้าไป โดยข้อมูลจากนายฟลุ๊คเล่าว่า รถเก๋งของพลเมืองดีได้จอดปิดทางเอาไว้ ทำให้รถของกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นไม่มีทางไปจึงเป็นจังหวะให้ตนหลบหนีออกมาได้

 

จากนั้นในเวลา 00.41 น. รถเก๋งของพลเมืองดีก็ได้ขับออกมาจากบริเวณที่เกิดเหตุ และมุ่งหน้ากลับออกไปยังอำเภอเมืองพัทลุง

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางแก้วตา (นามสมมติ) อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุเผยว่า เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ก็ได้ยินเสียงคล้ายกับรถชนกันอย่างแรง จากนั้นก็ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังสนั่นเป็นระยะคล้ายกับเป็นการปะทะกันระหว่างสองฝ่าย ซึ่งเสียงปืนนั้นดังราว 30 นาที มากกว่า 100 นัด ซึ่งบางช่วงบางตอนกระสุนก็ได้กระเด็นเข้ามาใส่บ้านของตน ทำให้ตนไม่กล้าออกไปดูเพราะกลัวจะโดนลูกหลง

 

ซึ่งนางแก้วตาก็เพิ่งมาทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลังว่ามีกลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปอุ้มตัวนายฟลุ๊คที่ลานวัว แต่ระหว่างที่กำลังจะพาตัวไปก็ได้มีกลุ่มพลเมืองดีเข้ามาช่วยขวางทางไว้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่คิดว่าอาจจะเป็นพรรคพวกของพ่อนายฟลุ๊คที่เข้ามาช่วยไว้หรือเปล่า เนื่องจากครอบครัวนายฟลุ๊คเองก็มีศัตรูค่อนข้างเยอะ แต่เหตุการณ์นี้ตนก็อยากฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้ช่วยตรวจตราและดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านด้วย เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรงและน่ากลัว

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายวิชิต อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นปู่ของผู้เสียหาย เผยว่า ตนนั้นกลับมานอนพักผ่อนที่บ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนก็มีชาวบ้านเข้ามาหาและบอกว่าหลานชายถูกคนร้ายอุ้มตัวไปแล้ว แต่ระหว่างที่ตนจะไปถึงปรากฏว่าหลานชายหลบหนีออกมาได้แล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร เนื่องจากที่ผ่านมาครอบครัวตนก็ไม่เคยทะเลาะหรือมีเรื่องกับใครเลย หลังเกิดเรื่องก็ได้มีการสอบถามหลานชายแล้วว่าคนร้ายเป็นใคร แต่หลานชายก็ยืนยันว่าไม่รู้จัก จึงคิดว่าน่าจะเป็นการจับผิดตัวมากกว่า ซึ่งตนก็ไม่อยากคาดเดาว่าคนร้ายเป็นใครเพราะกลัวว่าจะไปเดาผิดเดาถูกแล้วจะซวยเอาได้ สุดท้ายก็อยากจะฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยากให้ตำรวจเห็นใจประชาชนสักหน่อย เพราะตนก็รู้สึกกังวลในความไม่ปลอดภัยหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้

คดีปริศนา! แก๊งทมิฬบุกอุ้ม "หนุ่มเลี้ยงวัว" แต่ถูกมือมืดปิดถนนยิงถล่มนับ100นัด