กรณีเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น.วันที่ 17 มีนาคม ศูนย์วิทยุ สภ.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ตกข้างทาง ไฟลุกไหม้บริเวณริมถนนทางหลวงสาย 44 สุราษฎร์ธานี-กระบี่ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 110+400 ฝั่งเข้าเมือง หมู่ 4 ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี

 

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สภาพรถตกอยู่ริมขอบถนนเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ทั้งคันอย่างรวดเร็วไม่สามารถเข้าช่วยผู้ที่ติดอยู่ในรถได้ทัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งใช้น้ำฉีดสกัดใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ปรากฏสภาพรถเสียหายทั้งคัน ภายในรถมีผู้เสียชีวิต 1 รายทราบชื่อนายวัชรินทร์ หรือเสี่ยติ่ง อายุ 55 ปี เป็นเจ้าของร้านทองในตลาดบ้านนาเดิม สภาพไหม้เกรียมทั้งตัว

 

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง วัดทองประทาน อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของผู้เสียชีวิต

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายประพนธ์ น้องชายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ช่วงเย็น เฮียติ่งพี่ชายตัวเอง ได้ไปร่วมงานแต่งงานอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง พื้นที่อำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระทั่งเวลา 19.00 น. พี่ชายได้กลับจากงานแต่งงาน แล้วมานั่งทานข้าว กับกลุ่มเพื่อนและคนรู้จัก ที่ร้านขายอาหารตามสั่งแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่รู้ว่า พี่ชายตัวเองนั่งทานข้าวกับกลุ่มเพื่อนถึงประมาณกี่โมง

 

ส่วนช่วงเช้าของวันที่ 17 มีนาคม หลานสาวได้โทรศัพท์ไปบอกตัวเองว่า เฮียติ่ง แต่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่ข้างทาง ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็ยังคิดว่าพี่ชายเสียชีวิตนั้นเป็นอุบัติเหตุทั่วไป กระทั่งตัวเองได้ไปเห็นสภาพรถเก๋งคันดังกล่าว ตัวเองจึงเชื่อว่าพี่ชายน่าจะถูกฆาตกรรม ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุแน่นอน

 

นายประพนธ์ ยังบอกทีมข่าวอีกว่า พิรุธหลายๆอย่าง ที่ตัวเองคิดว่า พี่ชายน่าจะถูกฆาตกรรมก็คือ อย่างแรก ถ้ารถเก๋งของพี่ชายประสบอุบัติเหตุลงข้างทางจริง จะต้องมีรอยบุบหรือรอยพังเสียหายมากกว่านี้ ถึงจะทำใฟ้รถระเบิดแล้วเกิดเพลิงไหม้ได้ แต่รถของพี่ชายก็ไม่ได้มีรอยบุบ มากขนาดนั้น

 

พิรุธที่ 2 รถเก๋งของพี่ชายใช้น้ำมันเบนซิน แต่ทำไมไฟถึงลุกไหม้ทั้งคัน ราวกับว่ารถของพี่ชายใช้แก๊ส แต่รถของพี่ชายไม่ได้ใช้แก๊สแต่อย่างใด

 

พิรุธที่ 3 ก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านเห็นรถของพี่ชายจอดไฟเลี้ยวที่บริเวณข้างทาง แต่หลังจากนั้น ก็พบว่ารถของพี่ชาย ตกไปอยู่ในร่องน้ำข้างทาง พร้อมกับมีเพลิงไหม้

 

พิรุธที่ 4 ก่อนเกิดเหตุ กลุ่มเพื่อนได้เห็นพี่ชาย สวมแหวนเพชรที่นิ้ว แต่ว่าหลังจากเกิดเหตุ ตอนที่พบศพพี่ชายนั้น ปรากฏว่าไม่เห็นแหวนเพชรดังกล่าว ทำให้ตัวเองคิดว่าพี่ชายน่าจะถูกฆาตกรรม

 

สำหรับพี่ชายตัวเองเปิดร้านทองในพื้นที่อำเภอบ้านนาเดิมมากกว่า 20 ปี ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวนั้น พี่ชายไม่เคยเล่าให้ตัวเองฟัง ส่วนใหญ่พี่ชายจะระบายให้หลานๆฟัง

 

เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ตัวเองก็อยากฝากถึงตำรวจ ให้เร่งคลี่คลายคดีของพี่ชาย เพราะตัวเองเชื่อว่าพี่ชายถูกฆาตกรรมแน่นอน

 

นอกจากนี้ทีมข่าวช่องแปดยังได้รับคลิปวีดีโอ ที่เฮียติ่ง บันทึกคลิปกับหลานสาว ซึ่งหากสังเกตที่นิ้วนางด้านขวาของผู้เสียชีวิต จะมีการสวมแหวนเพชรเอาไว้ ซึ่งยังไม่ทราบข้อมูลว่าเป็นจำนวนกี่กะรัต แต่ทางครอบครัวคาดว่าน่าจะราคาไม่ต่ำกว่า 250,000 บาท

ด้านนางสาวกิตติยา อายุ 26 ปี หลานสาวของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า คดีดังกล่าวตัวเองก็คิดว่าลุงของตัวเองน่าจะถูกฆาตกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน เนื่องจากก่อนจะเกิดเหตุ มีชาวบ้านขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านจุดเกิดเหตุ ตอนขาไปชาวบ้านเห็นรถเก๋งของลุงติ่ง จอดอยู่ข้างทาง และไฟเลี้ยวกระพริบเอาไว้ แต่ตอน ที่ชาวบ้านคนดังกล่าวขับกลับมา ก็ปรากฏเห็นรถเก๋งของลุงติ่ง ตกไปอยู่คูน้ำข้างทางแล้ว พร้อมกับมีไฟลุกไหม้ทั้งคัน ซึ่งตัวเองก็แปลกใจว่า ทำไมตอนแรก รถของลุงติ่งอยู่บนถนน แล้วทำไมรถถึงลุงไปอยู่ในร่องน้ำ พร้อมกับมีไฟลุกไหม้

 

ตัวเองยอมรับว่า ผู้เสียชีวิตมีนิสัยพูดจาโผงผาง และจะชอบดุด่าลูกจ้างอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะมาฆ่ากัน

 

ส่วนเรื่องแหวนเพชรของลุงตัวเองที่หาย ตัวเองก็ยังสงสัยตรงนี้เหมือนกันว่าหายไปได้อย่างไร เพราะปกติลุงติ่ง เขาจะสวมแหวะเพชรที่นิ้วมือตลอด แต่เท่าที่ดูกับศพ ก็ไม่เห็นแหวนเพชรดังกล่าว

 

ตัวเองอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยเร่งคลี่คลายคดีของเฮียติ่ง ลุงของตัวเอง ถ้าเป็นการฆาตกรรมจริงๆ ก็อยากให้จับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้เร็วๆ

 

ต่อมาทีมข่าวช่องแปดเดินทางมายังร้านทองของผู้เสียชีวิต ซึ่งทีมเขาได้พบกับภรรยาของผู้เสียชีวิตแต่เจ้าตัวไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ทีมข่าวจึงถามเป็นข้อมูล โดยภรรยาของผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตัวเองไม่ติดใจสาเหตุการตายของสามี คิดว่าน่าจะเป็นอุบัติเหตุ

 

ส่วนเรื่องรถที่ไฟไหม้ทั้งคันนั้น ตัวเองคาดว่าตอนนั้นอาการโรคประจำตัวของสามีน่าจะกำเริบ จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวหรือไม่ ส่วนทรัพย์สินสร้อยทอง ของสามีตัวเองได้มาแล้ว แต่แหวนเพชรยังหาไม่เจอ ซึ่งตัวเองก็ต้องตรวจเช็กกับคนที่เห็นสามีเป็นคนสุดท้าย ว่าวันนั้นสามีได้สวมแหวนเพชรดังกล่าวไปด้วยหรือไม่

 

สำหรับสามีตัวเองเป็นโรคไบโพลาร์ ก่อนหน้านี้ก็เคยขับรถประสบอุบัติเหตุมาแล้วหนึ่งครั้ง ตัวเองไม่ติดใจสาเหตุการตายของสามีในครั้งนี้

 

ด้านนายวุฒินันท์ ประธานมูลนิกุศลศรัทธา สุราษฎร์ธานี จุดขุนทะเล ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยรับแจ้งมีรถประสบอุบัติเหตุ บริเวณริมถนนทางหลวงสาย 44 สุราษฎร์ธานี-กระบี่ (เซ้าเทิร์นซีบอร์ด) ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 110+400 ฝั่งเข้าเมือง หมู่ 4 ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จึงนีบมายังที่เกิดเหตุ

 

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็ได้ดับเพลิง และตัดถ่างรถดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 40 นาที เพื่อเอาร่างผู้เสียชีวิตออกมา โดยพบว่า ผู้เสียชีวิต ได้นอนคว่ำหน้า พาดกลางระกว่างคอนโซลรถ ส่วนหัวอยู่ที่เบาะคนขับ ส่วนขาอยู่เบาะนั่งข้างคนขับ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่แพทย์เวร ก็ได้ตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิต พบว่าร่างไหม้ 80 เปอร์เซ็นต์

 

ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้าน แถวนั้น คนกรีดยางใกล้จุดเกิดเหตุ เขาเล่าว่า รถเก๋งคันดังกล่าว ได้จอดริมถนน ห่างจากจุดไหม้ 15 เมตร ในช่วงประมาณ 00.30 น. จากนั้นประมาณตีหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงระเบิดดัง “ตู้ม” ซึ่งคาดว่ารถน่าจะระเบิด

 

ส่วนตัวก็ยังระบุไม่ได้ว่า ชายคนดังกล่าว เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม แต่ตัวเองก็ได้ยินข้อมูลมาว่า คนตาย มีโรคประจำตัวคือโรคความดันโลหิต คาดว่าน่าจะเกิดอาการกำเริบ จนประสบอุบัติเหตุหรือไม่ จนทำให้รถเสียหลัก ซึ่งตัวเองก็ต้องให้ตำรวจตรวจสอบอีกที

 

ส่วนเรื่องแหวนเพชร ของผู้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็ได้ตรวจสอบในซากรถ และในที่เกิดเหตุ ก็ไม่เจอแหวนดังกล่าวแต่อย่างใด

 

ส่วนสภาพรถคันดังกล่าว พบว่ามีรอยยุบแค่ฝั่งด้านหน้าเล็กน้อย และไม่มีรอยชนรุนแรง ส่วนแบตเตอรี่รถยนต์ ก็ถูกไฟไหม้ทั้งหมด

"เสี่ยร้านทอง" ถูกย่างสดดับสยองคารถ ญาติชี้พิรุธถูกจัดฉากตายชิงแหวนเพชร