จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความถึงการทำงานของตำรวจไทย หลังหลานสาวเลิกกับผัว แล้วโดนผัวหลอกให้ไปเก็บเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็สาดน้ำกรดใส่ เหตุเกิดตั้งแต่ 7 พฤศจิกายน 2566 จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล ผ่านมา 5 เดือนแล้ว คนก่อเหตุใช้ชีวิต
ปกติ มีครอบครัวใหม่ ลงเฟซฯ รักเมียใหม่สบายใจ แต่หลานของตนนอนทุกข์อยู่โรงพยาบาล 5 เดือน ต้องนอนห้องปลอดเชื้อ รายได้ก็ไม่มี เพราะตำรวจบอกว่ารอใบรับรองแพทย์ ถึงจะดำเนินคดี พร้อมโพสต์ภาพหลานสาวกับบาดแผลถูกน้ำกรดมีแผลเหวอะหวะ
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่นางสาวกฤษฎา หรือ หญิง อายุ 28 ปี ซึ่งยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ชั้น 5 ห้องปลอดเชื้อ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นทราบชื่อผู้ก่อเหตุชื่อ นายสุธีร์ หรือ ราม อายุ 29 ปี อดีตสามี ส่วนที่เกิดเหตุเกิดขึ้นที่บ้านของนายสุธีร์ ในพื้นที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา พร้อมมอบหลักฐานเป็นภาพตนเองได้รับบาดเจ็บ จากการโดนอดีตสามีสาดน้ำกรดที่ไว้ใช้กัดสนิมสาดใส่ตัวจนกลายเป็นแผลเหวอะหวะ
จากการสอบถาม นางสาวกฤษฎา ได้เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุตนเองได้เลิกกับอดีตสามีมาเดือนกว่า ๆ และอดีตสามีได้ขอคืนดีตนมาตลอดแต่ตนก็ไม่ยอมคืนดีด้วย วันเกิดเหตุอดีตสามีได้โทรศัพท์มาขอคืนดีครั้งสุดท้าย แต่ตนก็ไม่ยอมและให้ตนมาเก็บเสื้อผ้าที่บ้าน จากนั้นตนเองก็เดินทางไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านอดีตสามี และช่วงระหว่างที่ตนเองกำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่นั้น อดีตสามีได้เตรียมน้ำกรดไว้อยู่แล้ว ซึ่งเป็นน้ำกรดใช้กัดสนิมนำมาสาดใส่ตนตั้งแต่คอและหัวไหล่ลงมา ทำให้ตนปวดแสบปวดร้อนวิ่งไปหลังบ้านและเห็นในกะละมังมีน้ำอยู่ ตนจึงได้นอนลงไปในกะละมังทันที และดิ้นทุรนทุรายร้องขอความช่วยเหลือ
ส่วนอดีตสามีก็เดินตามมาดูตนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายประมาณเกือบ 10 นาที โดยที่ไม่ช่วยเหลืออะไรเลย ต่อมาน้องคนข้างบ้านได้ยินเสียงตนขอความช่วยเหลือก็ได้วิ่งมาช่วยตนและนำส่งโรงพยาบาล ส่วนนิสัยอดีตสามีเป็นคนค่อนข้างอารมร้อนและขี้หึงมาก ตอนนี้ตนนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 เดือนกว่าแล้ว และทางแม่ของอดีตสามีให้เงินมา 400 บาท วันแรกที่เกิดเหตุและตอนนี้ทางบ้านอดีตสามีก็ไม่มีการเข้ามาช่วยเหลืออะไรเลย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน นางสาวกฤษฎา ซึ่งได้พบกับ นางแผ้ว อายุ 75 ปี และ นางเผียร อายุ 58 ปี ยายและแม่ของนางสาวกฤษฎา จึงได้สอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนางแผ้ว ผู้เป็นยาย เล่าว่า เขาคบกันมากว่า 10 ปี เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากการที่เขาเลิกกันมาประมาณ 5 เดือน ทางด้านผู้ชายจะคืนดีแต่ทางผู้หญิงไม่เอาแล้ว ผู้ชายเลยมาที่บ้านมีปากเสียง ตอนนั้นยายไม่อยู่ ทางด้านผู้หญิงเลยขับรถออกไปตามยาย ครั้งแรกเราไม่ได้แจ้งความอะไร พอครั้งที่ 2 ชายคนนั้นเข้าไปที่ป่ายางจะลวนลาม ผู้หญิงเลยโทร. ตามหาแม่ให้มาหาที่ป่ายางช่วงที่แม่ไปถึงคือชายคนนั้นก็กลับไปแล้ว จึงได้ออกมาจากป่ายางและแวะแจ้งความทันที
ส่วนที่เขาเอาน้ำกรดราดนั้น ทางผู้หญิงได้เล่าว่าตอนนั้นไปรับลูกที่โรงเรียน ทางด้านผู้ชายแฟนเก่าโทรศัพท์มาหาว่าจะเลิกกันจริงเหรอ ด้านผู็หญิงจึงยืนยันว่าเลิกกันจริงเพราะตนตัดสินใจแล้ว และเสื้อผ้าทั้งหมดก็ให้มาเก็บออกจากบ้าน หลังจากที่เข้าไปเอาเสื้อผ้าออกมาแล้ว เราก็เห็นผู้ชายนั่งอยู่หน้าบ้านบีบน้ำกรดใส่ที่เตรียมมา ผู้หญิงเลยเดินออกไปถามว่าทำอะไร เขาก็ตอบว่าบีบน้ำยาขัดสนิม สนิมมันเกาะเหล็กอยู่ มาถึงช่วงสุดท้ายก็มีการคุยกันเพียงเล็กน้อยฝ่ายชายที่เห็นว่า ผู้หญิงกำลังเผลอก้มจะใส่รองเท้าจึงอาศัยช่วงนั้นสาดน้ำกรดใส่หลังเต็ม ๆ เลย
จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่ สภ.บ้านโหนด เพื่อเข้าพบกับ พ.ต.ต.คมสัน ศรีวิเชียร สว.สภ.บ้านโหนด เพื่อสอบถามและติดตามความคืบหน้าของคดี ล่าสุดทาง พ.ต.ต.คมสัน เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการออกหมายเรียกนายสุธีร์ ผู้ต้องหาสาดน้ำกรด มารับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) ในข้อหาพยายามฆ่าโดยเจตนา
ซึ่งในวันนี้ (19 มี.ค.) พนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาฝากขังศาลจังหวัดสงขลาแล้ว เพื่อดำเนินคดีขั้นตอนตามกฎหมาย ส่วนสาเหตุที่ล่าช้าในเรียกตัวผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหานั้น เนื่องจากต้องรอใบรับรองแพทย์จากทางโรงพยาบาลหาดใหญ่อีก 1 ใบ ซึ่งทางผู้เสียหายได้เข้ารับการรักษาตัวถึง 2 โรงพยาบาล โดยโรงพยาบาลแรกเป็นโรงพยาบาลสะบ้าย้อยซึ่งได้ใบรับรองแพทย์แล้ว ส่วนโรงพยาบาลที่ 2 เป็นโรงพยาบาลหาดใหญ่จึงต้องรอให้ทางผู้เสียหายรักษาตัวให้หายเสียก่อน พร้อมใบรับรองแพทย์จากทางโรงพยาบาล จึงจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายได้ แต่ปัจจุบันผู้เสียหายยังคงนอนรักษาตัวอยู่และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะรักษาตัวหายเมื่อไร จึงได้สั่งการให้ทางพนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมาย เรียกตัวผู้ต้องหาพร้อมส่งตัวฝากขังศาลจังหวัดสงขลาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุด ทางต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้เสียหายที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ เพื่อสอบถามคดีและการช่วยเหลือ โดยเข้าพูดคุยกับพี่สาวคนเจ็บ เผยว่า คดีนี้ช้ามาก น้องของตนต้องนอนอยู่ในห้องปลอดเชื้ออยู่หลายเดือน ปัจจุบันแผลของน้องก็ยังไม่แห้ง ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมน้องสาว น้องจะบ่นเสมอว่าคิดถึงลูก ตนก็สงสารน้อง เหตุเกิดมาหลายเดือนแต่ตำรวจเพิ่งจับคนร้ายวันนี้