พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีต ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พูดถึงประเด็นบิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊กตั้งโต๊ะแถลงข่าวหย่าศึกว่า ตนรู้ข่าวมาก่อนแล้ว แล้วตั้งใจจะไลฟ์เรียกร้องให้นายกลงมาแก้ปัญหานี้ ตนมีความคิดเห็นว่านายกลงมาจัดการปัญหาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องใช้คำว่าฟ้าผ่า มันเริ่มมาจากความขัดแย้งซึ่งแถลงกันไปแถลงกันมา จนกระทั่งเกิดความเสียหาย ส่วนทางด้านบิ๊กโจ๊กก็ต้องยอมรับ บิ๊กโจ๊กก็คือที่พึ่งของชาวบ้าน ส่วนพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ซึ่งกำลังเอาผิดทางด้านลูกน้องบิ๊กโจ๊ก คือท่านก็เป็นคนเถรตรง ทั้งสองฝั่งย่อมได้รับบาดแผลทั้งคู่จากเหตุการณ์นี้ ส่วนใครจะเป็น ผบ.ตร.มันก็ต้องอยู่ที่บุญวาสนา ผมพยายามคุยกับน้องๆ พยายามห้ามปรามแล้ว ในฐานะที่ผมเป็นพี่ พยายามห้ามปราม แต่มันก็เอาไม่อยู่

 

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายามือปราบหูดำ พูดถึงเรื่องการสยบรอยร้าวครั้งนี้ว่า ท่านายกฯ เรียกให้ไปทำงาน ให้ตั้งใจทำงานเพื่อนประชาชน แต่พอแถลงข่าวบอกว่า ท่านนายกฯ เรียกไปให้จบ ให้สามัคคี ให้ตั้งใจทำงาน และบางคนก็บอกคดีนี้ถือว่า “set Zero” (เริ่มต้นใหม่) หรือประชาชนก็มองว่า “เกี้ยเซียะ” (การประนีประนอม การเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง) เมื่อวานยังแถลงข่าวว่า จะเอาเป็นเอาตายอยู่ แต่วันนี้มาแถลงข่าวแบบนี้ ประชาชนเขาก็แคลงใจ ดังนั้นตนมองว่า “ไม่จบ” และการแถลงข่าววันนี้ ตนมองว่า นายกฯ ท่านก็เข้าใจแล้ว ว่าสิ่งที่พูดไป แล้วประชาชนจะทำไง เดี๋ยวเกี้ยเซียะ ทุกอย่างจบหมด แต่กฎหมายมันดำเนินคดีไปแล้ว มันจะจบได้ไง ตนว่า สิ่งนี้มันทำให้นายกฯ ตัดสินใจ

 

ส่วนการสั่ง ให้ 2 นายพลสั่งเข้าทำเนียบ แล้วตั้งรักษาการ ผบ.ตร.ขึ้นมานั้น พล.ต.ต.วิชัย บอกว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแบบนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่ พลตำรวจเอก สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร. ก็โดน ให้พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ รักษาการ ผบ.ตร.แทน / พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ และ พลตำรวจเอกแสวง ก็เคยโดน ถ้ามันมีเรื่องที่จะเกิดความเสียหายต่อภาพรวมทั้งองค์กร และรัฐบาลต่าง ๆ ก็จะใช้การบริหารงานแผ่นดินดำเนินการ / ตนมองว่านายกฯ มองว่า ถ้าปล่อยไปมันก็จะเกิดความแตกแยกกันขึ้น เรื่อยมา ขบวนการหรือคดีความต่าง ๆ มันจะทำให้เกิดไม่ยุติธรรมขึ้น เพราะฉะนั้นการทำอย่างนี้ ทำให้สองคนจะได้ไม่มาเกี่ยวข้องในคดีความที่จะดำเนินคดีอยู่ ไม่อย่างนั้นไม่มีจบหรอก เพราะทุกคนมีลูกน้อง นายบอกจบ แต่ลูกน้องไม่จบ มันจะจบได้ยังไง

 

ส่วนคดีก็คงต้องเดินหน้าต่อไป ไม่มีการหยุดยั้ง ใครจะสั่งให้หยุดยั้ง นายกฯ สั่งก็ไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.จะช่วยเอนเอียงต่อไปก็ไม่ได้แล้ว เพราะถูกจับตามองอยู่ ตร.จะเอนเอียงกลั่นแกล้งเขาก็ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเขาก็จ้องคุณอยู่ เพราะฉะนั้นคดีนี้ต้องเดินและต้องจบที่ศาล

 

พล.ต.ต.วิชัย บอกต่อว่า ในอนาคตตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทำงานร่วมกันอีกหรือไม่ แต่ผมว่าในใจไม่จบหรอก ถึงจะสร้างภาพยังไง มันก็ไม่จบหรอก มันจบไม่ได้หรอก รอยร้าวมันอยู่ในใจกันหมดแล้ว

 

พล.ต.ต.วิชัย บอกต่อว่า ตำรวจเรามันขาดเอกภาพมานานแล้ว สมัยก่อน ผบ.ตร.มีเอกภาพมาก คนที่จะเป็น รอง ผบ.ตร. ที่จะขึ้น ผบ.ตร. เขาจะรู้เลยว่าใครจะเป็น เขาถึงเรียก ผบ.ตร.น้อย ในสมัยก่อน ทุกคนจะทำงานให้ ผบ.ตร.น้อย เพราะรู้ว่า จะได้เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป มันจะเป็นประเพณี แต่สมัยนี้มันไม่ใช่ รอง ผบ.ตร. แถลงข่าว จิ้มกันไปมา ผบ.ตร. ก็ไม่ดำเนินการอะไร มันก็ไม่มีเอกภาพ องค์กรมันก็เลยแตกแยก

 

ส่วนภาพลักษณ์ ตร.มันก็ต้องแก้ไขให้มันดีขึ้น ตอนนี้ภาพลักษณ์มันไม่ดี เพราะฉะนั้น นายกฯ ท่านก็คงแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้แหละ เอาว่าถ้าคดีนี้ดำเนินการตรงไปตรงมาเดี๋ยวภาพลักษณ์ก็ดี ตอนนี้ห่วงเรื่องศรัทธา เรื่องประชาชนจะหมดศรัทธาตำรวจ ผมว่าการที่นายกฯแก้ปัญหา ผมว่านายกฯได้คะแนน ผมว่าท่านตัดสินใจหลังจากที่มีการแถลงข่าว

 

"เรวัช" หนุนคำสั่งเด้ง "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" ยัน "เศรษฐา" ทำถูกตัดไฟขัดแย้ง