กรณีเมื่อเวลา 19:50 น. ของวันที่ 21 มี.ค. ตำรวจ สภ.มะนาวหวาน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันตายและบาดเจ็บ ที่ตำบลห้วยขุนราม โดยที่เกิดเหตุพบศพ ผู้เสียชีวิต 3 ราย ทราบคือ นายสีไพร อายุ 54 ปี เป็นเจ้าของบ้าน , นายคมศร อายุ 48 ปี กับ นายสมรรถชัย อายุ 28 ปี ทั้งคู่เป็นเพื่อนในวงเหล้ากับเจ้าของบ้าน ที่ถูกยิงตายไปด้วย โดยคนก่อเหตุตำรวจทราบชื่อในเวลาต่อมา คือ นายอนุวัตร หรือแจ็ค อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นหลานเขย โดยหลังก่อเหตุได้มีการขับรถรถกระบะหลบหนี และถูกจับกุมได้ในเขตรอยต่อจังหวัดสระบุรีนั้น

 

จากการตรวจสอบบริเวณพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าCPX สีเทาดำ และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ สีฟ้าขาว จอดคู่กัน ซึ่งทั้งสองคันเป็นรถของกลุ่มผู้ตาย ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อนายอนุวัตร อายุ 34 ปี หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีดำ หลบหนีไม่ทราบเส้นทาง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังม่วง ได้แจ้งมาว่าได้ทำการจับกุมรถคันก่อเหตุพร้อมด้วยผู้ขับขี่และอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุเอาไว้ได้ที่ด่านตรวจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะนาวหวาน และฝ่ายปกครองอำเภอพัฒนานิคมได้เดินทางไปรับตัวนายอนุวัตรส่งพนักงานสอบสวน สภ.มะนาวหวาน สถานที่เกิดเหตุเพื่อทำการสอบ

 

ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกมะขามคู่ ซึ่งเป็นแยกก่อนที่จะถึงบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพความเคลื่อนไหว จะเห็นรถเข้าออกและวิ่งผ่านบ้านที่เกิดเหตุ

 

โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดในเช้าวันที่ 20 มี.ค. เวลาประมาณ 08:45 น. จะเห็นว่าตัวของนายสีไพร คนตาย ได้มีการขับรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งมีเพื่อนที่ถูกยิงตาย นั่งซ้อนท้าย คือนายสมรรถชัย โดยทั้งคู่ขับกลับมาจากเอามะนาวไปขาย ให้กับนางวรรณาในหมู่บ้าน

 

จากนั้นกล้องวงจรปิดจับภาพเวลาประมาณ 19.00 น. ซึ่งจะเห็นรถกระบะสีดำของนายอนุวัตร หรือแจ็ค มือปืน ขับมุ่งหน้าไปที่บ้านของนายสีไพร เพื่อไปก่อเหตุยิง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจากภาพตอนที่ขับมุ่งหน้าเข้าไป

 

และกล้องวงจรปิดมุมไกลจะเห็น รถกระบะของนายอนุวัตร มีการขับเลี้ยวเข้าไปที่บ้านที่เกิดเหตุ โดยจะเห็นแสงไฟรถกระบะขับเข้าไป ก่อนที่จะมีการไฟหน้ารถหน้า ซึ่งเป็นวินาทีที่มีการก่อเหตุยิง โดยช่วงที่ไฟดับคือช่วงที่มีการยิง4นัด ก่อนที่จะเห็นแสงไฟรถถอยออก

 

โดยกล้องวงจรปิดอีกมุม จับเสียงปืนช่วงเวลา 19:02 น. โดยมีเสียงปืนประมาณ 4 นัด ซึ่งได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เห็นเหตุการณ์

 

และหลังจากสิ้นเสียงปืน เวลาประมาณ 19:04 น. กล้องวงจรปิดจับภาพต่อ โดยจะเห็นรถกระบะของนายอนุวัตร ได้มีการขับออกจากบ้านที่เกิดเหตุเพื่อมุ่งหน้าหลบหนี ก่อนที่จะไปเจอด่านของกรมการปกครอง แล้วถูกสกัดจับ ในพื้นที่รอยต่อลพบุรี-สระบุรี ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 6 กิโลเมตร

 

จากนั้นเวลาประมาณ 19:10 น. ตำรวจและรวมถึงกู้ภัยพื้นที่รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต ก็ได้ทยอยเข้ามาที่เกิดเหตุเพื่อที่จะเก็บหลักฐานและ ช่วยเหลือคนเจ็บในขณะนั้นจนกระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

เปิดนาทีสกัดมือปืนฆ่า 3 ศพ จนมุมคาด่าน

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่หน้าวัดคลองมะเกลือ ตำบลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นเขตรอยต่อ จากพื้นที่เกิดเหตุในจังหวัดลพบุรี โดยในคืนวันดังกล่าว กรมการปกครอง โดยนายอำเภอวังม่วง ได้มีการตั้งด่านตรวจสกัดสิ่งผิดกฎหมายและการกระทำผิด ร่วมกับกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ แล้วมีการสกัดรถกระบะของนายอนุวัตร หรือแจ็คคนก่อเหตุ เอาไว้ได้หลังจากที่ก่อเหตุยิงน้าและเพื่อนน้าเสีย โดยเจ้าตัวถูกจับเพราะเนื่องจากมีอาวุธปืนอยู่ในรถ แต่ในขณะนั้นที่ถูกจับยังไม่ทราบว่าไปยิงใครมา หลังจากที่มีการจับกุมแล้วจึงประสานไปหากำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่มะขามคู่ จนกระทั่งทราบว่าชายคนดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิง 4 นัด ที่ในหมู่บ้าน จึงได้ส่งตำรวจมาล็อกตัวเอาไปตรวจสอบ จนกระทั่งทราบ ในเวลาต่อมา ว่าเป็นมือปืนที่ยิงน้าและเพื่อนของน้าตาย

 

ทีมข่าวช่องแปดได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อคืนนี้ 20 มี.ค. ในการตั้งด่านตรวจสกัดของกรมการปกครอง โดยนายอำเภอวังม่วง จะเห็นวินาทีที่รถกระบะของนายอนุวัตร ขับมาที่ด่าน ก่อนที่จะ ถูกตรวจค้นและเชิญตัวลงจากรถ พร้อมกับอาวุธปืนของกลาง แล้วมีการตรวจปัสสาวะ แต่ไม่พบเป็นสีม่วง จากนั้นได้มีการคุมตัวเอาไว้ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารับตัวไป

 

นายประจิตร อายุ 64 ปี อดีตเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ห้วยขุนราม ได้เดินทางมาดูหน้าบ้านที่เกิดเหตุ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า บ้านหลังนี้มีนายสีไพร ผู้ตายพักอาศัยอยู่คนเดียวสภาพบ้านทรุดโทรมมาก โดยช่วงเย็นมักจะมีกลุ่มวัยรุ่นเข้ามามั่วสุมนั่งล้อมวงดื่มสุราเสพยาบ้ากันซึ่งคนย่านนี้รู้จักดี และไม่มีใครกล้าเข้ามานอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอยอยู่บ่อยครั้ง นายสีไพร หลายปีที่ผ่านมาเป็นครอบครัวที่มีฐานะอันดับต้น ๆ ของคนในหมู่บ้านเคยมีภรรยาถึง 3 คน มีลูกจากภรรยาคนละ 1 คน แต่ด้วยนายสีไพร ติดยาบ้างอมแงมจนครอบครัวอยู่กันด้วยไม่ได้ต่างย้ายหนีทิ้งให้อยู่เพียงคนเดียวส่วนที่ดินที่เคยมีหลายแปลงก็เอาไปขายกินจนหมดสุดท้ายไม่เหลืออะไรมีพียงบ้านเก่า ๆ เพียงหลังคือบ้านเกิดเหตุ  และจาการตรวจสอบบริเวณใต้ถุนบ้านบนพื้นดินพบไฟแช็กแก๊สใช้หมดแล้วทิ้งเอาไว้เกลื่อนกลาดตามพื้นนับสิบอัน และยังมีพวกเศษกระดาษฟอยล์ใช้เสพยาบ้าอีกด้วย ส่วนต้นมะละกอก็มีเพียง 2 ต้นปลูกอยู่ข้างบ้านยังออกผลมาเป็นลูกเล็กยังไม่สามารถเอาไปกินได้

 

นายอนุวัตร มือปืนฆ่า 3 ศพ ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุ ตนเองเพิ่งได้ปืนกระบอกดังกล่าวมาจากบ้านที่วังม่วงซึ่งเป็นปืนของตาที่เสียชีวิตไปแล้ว เอามาพกติดตัวเป็นวันแรก แต่วันเดียวกันนี้ก่อนที่ตนจะไปก่อเหตุยิงคนตายตนได้มีเรื่องปากเสียงกับภรรยาอยู่ก่อนแล้วทำให้อารมณ์ไม่ดี จึงได้ยิงปืนขึ้นฟ้าจำนวน 2 นัด ก่อนที่จะขับรถยนต์มาที่บ้านหลังดังกล่าวเพื่อมาขอมะละกอที่บ้านของนายสีไพร  เมื่อเดินทางมาถึงพบว่ามีคนไม่รู้จัก 2 คนเตรียมจะตั้งวงดื่มสุรากับนายสีไพร  จึงเอ่ยปากขอมะละกอที่บ้านนายสีไพร แต่กลับถูกนายสีไพร พูดจากระทบกระทั่ง ดูหมิ่นเหยียดหยามสารพัด ซึ่งตนเองยังมีอารมณ์เคืองขุ่นมาจากบ้าน มาเจอคนด่าจึงเกิดความโมโห ประกอบกับพฤติการณ์นายสีไพร น้าเขยคนนี้ติดยาเสพติด ชอบไปขอเงินกับเมียตน ซึ่งเป็นหลานสาวรวมถึงขู่เอาเงินจากแม่ยายตนเพื่อเอาเงินไปซื้อยาบ้า พอไม่ให้เงินก็จะข่มขู่คนในบ้านตน และที่สำคัญชอบก้าวร้าวต่อหน้าลูกวัย 4 ขวบ และ 11 ขวบของตน จนขวัญหนีดีฝ่อ ซึ่งตนเองก็เคยเตือนภรรยาว่าสักวันจะเกิดอันตรายกับครอบครัวของเรา

 

นายอนุวัตรมือปืนกล่าวต่อว่า นายสีไพร พฤติการณ์นับวันยิ่งก้าวร้าว ดุร้าย เมื่อขาดยา และคลั่งหลังเสพยา ถือได้ว่าเป็นบุคคลอันตรายสำหรับครอบครัวตน  จึงเก็บความแค้นสะสมในใจตลอดมาหลายปี  พอมาวันนี้ถูกพูดจากถากถางดูถูก เหยียดหยาม ก่อนโต้เถียงผู้ตายได้คว้าค้อนเพื่อทำร้าย ประกอบกับอีก 2 คนที่นั่งอยู่หัวเราะเยาะเย้ย จึงบันดาลโทสะชักปืนจ่อยิงหัวนายสีไพร  1 นัด และยิงนายคมศรเป็นศพที่ 2 ส่วนนายสมรรถชัย ถูกยิงเป็นศพที่ 3 ซึ่งตนเองยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนเรื่องยาเสพติดตนไม่เคยเกี่ยวข้องและเรื่องนี้เป็นเรื่องของความรักลูก รักครอบครัว และแค้นสะสม จนระเบิดความแค้นรัวกระสุน 4 นัด ตายไป 3 คน  ส่วนอีก2คน ถ้าไม่ปากเสียไม่เยาะเย้ยตนก็คงจะไม่ตาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน หรือที่ชุมชน ซึ่งนายอนุวัตรมือปืนยอมรับสารภาพ โดยมีญาติภรรยาและลูกน้อยมาคอยสังเกตการณ์

 

และเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา  ที่วัดมะขามคู่ ตำบลห้วยขุนราม จังหวัดลพบุรี ญาติของนายสีไพร คนตาย ซึ่งเดินทางไปรับร่างออกจากนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศล โดยเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาได้มีพิธีขอขมาคนตาย ก่อนบรรจุร่างลงโลง โดยมีคนในครอบครัว และญาติมาร่วมพิธี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

 

ด้าน นางกองแก้ว อายุ55ปี พี่สาวของคนตาย ในฐานะแม่ยายของมือปืน เผยว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตนเองไม่คิดว่าตัวของนายอนุอนุวัตร จะเอาปืนมรดกในบ้าน ไปยิงนายสีไพร ซึ่งเป็นน้องชายของตนเองตาย แล้วยังไปยิงเพื่อนในวงเหล้าของน้องชายตายไปด้วย แต่สาเหตุตนเองยังไม่รู้ว่าทำไปเพราะอะไร ซึ่งทราบแต่ตำรวจว่ามีการหยอกล้อหรือพูดแซวจนเป็นเหตุ แต่ตนเองได้มีการสอบถามกับทางเขยหลังจากที่ถูกจับ เจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรว่าทำไมถึงต้องยิง แต่เข้าใจว่าอาจจะเป็นปมในอดีตที่มีสะสมมานานกว่า 20 ปี ประกอบกับอาจจะทนเห็นไม่ได้ที่ตัวของน้องชายมักจะมารีดขอเงินจากตนเองซึ่งเป็นแม่ยาย จึงเก็บสะสมแล้วโมโหหรือไม่

 

แล้วตอนที่ตนเองรู้ว่าตัวของเขยไปยิงน้องชาย ตนเองจากที่มีผู้ใหญ่บ้านโทรมาบอก ประกอบกับลูกเขยก็โทรมาหา โดยพูดทำนองว่ามาช่วยประกันตัวหน่อยถูกจับคดีปืน ที่ด่าน โดยอ้างว่ามีการพกปืนไปด้วยเลยถูกจับ แต่พูดความจริงว่าไปยิงใครมา และหลังจากตนเองทราบก็ได้เดินทางไปที่ด่าน แต่ก็ยังไม่รู้ความจริงเพราะเนื่องจากเขยไม่ยอมปิดปาก

 

แต่หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ตัวของน้องชายคือนายสีไพร มีการกินยาบ้าเข้าไป 40 เม็ด แล้วเกิดอาการหลอน ถึงขั้นเอาปืนมรดกในบ้าน มายิงนายตะเคียน สามีของตนเองในขณะนั้น โดยยิงปืน 1 นัด เข้าที่หัว จนกระทั่งตายคาที่ในบ้าน แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น นายสีไพร ไม่ได้ติดคุก เพราะพ่อเป็นคนมีเงิน จึงเอาเงิน 400,000 ไปจ่ายให้กับตำรวจ นายสีไพร จึงไม่ถูกจับและไม่ต้องโทษคดีอะไร แต่ก็ทำตัวเหลวไหล คอยขอเงิน และรีดไถเงินจากตนเองตลอด , และที่สำคัญ ปืนกระบอกเดียวกันกับที่นายอนุวัตร เอาไปใช้ก่อเหตุยิงเป็นปืนมรดก แล้วยังเป็นปืนกระบอกเดียวกัน กลับที่นายสีไพร เคยใช้ก่อเหตุยิงผัวของตนเองเมื่อ 20 ปีก่อน ส่วนตัวจึงเชื่อว่าเป็นกงกรรมกงเกวียน ที่นายสีไพร เคยใช้ปืนกระบอกเดียวกันก่อเหตุยิงคนอื่น แล้ววันนี้เจ้าตัวก็ถูกใช้ปืนกระบอกเดียวกันมายิงตาย

 

สำหรับตัวของเขย ตนเองได้มีการพูดคุยกับครอบครัวของทางฝั่งเขยแล้ว ยืนยันว่าจะไม่มีการประกันตัว ให้มีการสู้ไปตามกระบวนการของกฎหมายและชดใช้ตามเวรกรรม เนื่องจากอารมณ์ร้อนและก่อเหตุยิงคนตายถึง3ศพ ดังนั้นจึงไม่ประกันตัว และก่อนที่ตัวของเขยจะไปก่อเหตุยิง ตอนที่ย้อนกลับมาบ้านมาเอาปืน ยังมีการพูดลักษณะสั่งเสียกับทางลูกชายวัย 11 ขวบ ช่วยดูแลน้องวัยสี่ขวบและแม่ให้ดี พ่อจะไปต่างประเทศ 10 ถึง 20 ปี แล้วเรากลับมาเจอกันใหม่

 

วันนี้ (21 มี.ค.) ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของนายสีไพร คนตาย โดยยังคงมีเส้นโพลิสลาย ล้อมตัวบ้านเอาไว้อยู่ แต่ภายในบ้านพบว่ามีเพื่อนของคนตายและกลุ่มวงเหล้า นั่งรออยู่ ซึ่งเจ้าตัวตั้งใจที่จะเดินทางมาหาคนตายและเพื่อนคนอื่นที่ถูกยิงตาย แต่ไม่ทราบว่าเพื่อนถูกยิงตายไปแล้วเมื่อคืน มานั่งรอเกือบ 1ชั่วโมง เข้าใจว่าเพื่อนออกไปนอกบ้านอีกสักพักคงกลับมา แต่เจ้าตัวนอนอยู่ที่เปลท่ามกลางกองเลือด แต่ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น จนกระทั่งเจอกับทีมข่าว เจ้าตัวถึงกับสะดุ้ง และร้องไห้ออกมา โดยตกใจเพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะถูกยิงตาย ทั้งที่นัดหมายกันมาเจอเพื่อกินเหล้า

 

และหลังจากที่เจ้าตัวทราบ จากทีมข่าวว่า ตัวของเจ้าของบ้านและเพื่อนในวงเหล้าถูกนายอนุวัตร หรือแจ็ค ยิงตาย เจ้าตัวได้ไปซื้อเหล้าขาว มาเทใส่แก้วแล้ววางไว้ให้กับกลุ่มเพื่อนคนตาย เพราะเจ้าตัวยังทำใจไม่ได้ที่เพื่อนในวงเหล้าถูกยิงตายกันแบบนี้

 

นางวรรณา อายุ 48 ปี เพื่อนในกลุ่มวงเหล้าคนตาย เผยว่า เมื่อวานนี้คนตายกับเพื่อนอีกคนยังมีการขับรถมอเตอร์ไซค์เอามะนาวมาขายให้ตนเอง แต่ตนเองบีบมะนาวดูแล้วเป็นมะนาวที่ไม่มีน้ำ ก็เลยไม่รับซื้อ ทั้งคู่จึงขับรถมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านไป แล้วยังบอกกับตนเองว่า “ตอนค่ำมากินเหล้าด้วยกันนะ” ซึ่งตนเองไม่ได้ออกไป เนื่องจากยางรถมอเตอร์ไซค์แบน จึงไม่ได้มาที่บ้านที่เกิดเหตุ และไม่ทราบด้วยซ้ำว่า เจ้าของบ้านและเพื่อนคนอื่นในกลุ่มของตนเองถูกยิงตาย เพิ่งจะรู้ตอนที่นักข่าวมาบอก ตนเองยังช็อกและทำใจไม่ได้

 

เมื่อวานนี้ถ้าหากตนเองรถไม่ยางแบน  แล้วขับมาล้อมวงกินเหล้าอยู่กับกลุ่มคนตาย ก็เชื่อว่าตนเองคงเป็นอีกหนึ่งศพที่อยู่ในนั้น เพราะดูจากการยิงของนายอนุวัตร มีการก่อเหตุยิงทุกคนที่อยู่ในวงเหล้าโดยไม่เลือกหน้า หากตนเองมาล้อมวงคงเป็นอีกหนึ่งศพอย่างแน่นอน

 

หากย้อนกลับไป  ตัวเองเคยเจอหลานเขยของนายสีไพร คนตาย ซึ่งโดยปกติก็เห็นทั้งคู่พูดคุยกันดีไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน ส่วนตัวจึงไม่ทราบว่าในคืนวันเกิดเหตุมีการทะเลาะกันเรื่องอะไร หรือในวงเหล้ามีการพูดไม่เข้าหูหรือไม่ จึงทำให้ถูกยิงตายยกก๊วน

กงเกวียนกําเกวียน! หลานเขยปืนโหดกระหน่ำยิงกลางวงเหล้าดับ 3 ศพ