กรณีเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น.วันที่ 17 มีนาคม ศูนย์วิทยุ สภ.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ตกข้างทาง ไฟลุกไหม้บริเวณริมถนนทางหลวงสาย 44 สุราษฎร์ธานี-กระบี่ (เซาท์เทิร์น ซีบอร์ด) ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 110+400 ฝั่งเข้าเมือง หมู่ 4 ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สภาพรถตกอยู่ริมขอบถนนเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ทั้งคันอย่างรวดเร็วไม่สามารถเข้าช่วยผู้ที่ติดอยู่ในรถได้ทัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งใช้น้ำฉีดสกัดใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงได้ปรากฏสภาพรถเสียหายทั้งคัน ภายในรถมีผู้เสียชีวิต 1 รายทราบชื่อนายวัชรินทร์ หรือเสี่ยติ่ง อายุ 55 ปี
วันนี้ 21 มีนาคม 2567 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอู่ที่เสี่ยติ่ง นำรถกระบะคันสีดำ ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อกลางดึกวันที่ 13 มีนาคม 2567 (คืน 12 เช้า 13) มาซ่อมไว้ที่นี่
ทีมข่าวได้พูดคุยกับช่างบอย (นามสมมติ) เจ้าของอู่ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้โทรศัพท์มาหาตัวเอง เพื่อให้ไปลากรถของเสี่ยติ่ง จากโรงพัก มาไว้ที่อู่ เนื่องจากรถคันดังกล่าวประสบอุบัติเหตุมา จากนั้น ตัวเองจึงไปลากรถคันดังกล่าวมาไว้ที่อู่
ซึ่งจากการตรวจสภาพรถของเสี่ยติ่ง คันที่ไปประสบอุบัติเหตุ ในวันที่ 13 มีนาคม 2567 นั้น เป็นรถกระบะสีดำ พบว่ายางล้อซ้ายหน้าได้ระเบิด และเพลากลางรถได้หลุด คาดว่าตอนเกิดเหตุล้อระเบิด รถได้กระแทกจนเพลาหลุด ซึ่งตอนนี้ ตัวเองก็กำลังดำเนินการซ่อมรถอยู่ ถามว่า รถคันดังกล่าว มีพิรุธจากฝีมือคนจน ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือไม่นั้น ตัวเองก็คิดว่ารถกระบะคันดังกล่าว น่าจะเกิดอุบัติเหตุตามปกติ
และในวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 08.00 น. เฮียติ่ง ได้ขับรถเก๋งคันที่ประสบเหตุมาที่อู่ของตัวเอง พร้อมบอกให้ตัวเองเร่งซ่อมรถให้ เนื่องจากเขาจะใช้ไปขนของ ตอนที่เฮียติ่งมาหาตัวเองที่อู่นั้น เค้าก็มีสีหน้าปกติ ร่างกายแข็งแรง และเดินได้ปกติ
นอกจากนี้ช่างบอยยังพาเข้าไปดูบริเวณยางล้อรถของเฮียติ่งที่มีการระเบิด พบว่ามีรอยฉีกขาดที่แก้มยางประมาณ 4 นิ้ว รวมถึงเพลา ของเครื่องยนต์รถดังกล่าวที่หลุดอีกด้วย ตรวจสอบด้านในรถ พบกระปุกยาเสริมอาหารเพื่อสุขภาพ BIOPHARM ZINC PLUS แต่ไม่เจอยารักษาโรค หรือยาอื่นๆ
ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เหตุการณ์เก่า 13 มีนาคม 2567 ที่เฮียติ่ง ได้ขับรถกระบะดำ ยางระเบิดชนเสาไฟฟ้า ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นถนนเลี่ยงเมืองสุราษฎร์ธานี ก่อนจะถึงแยกบางใหญ่ พบลักษณะเสาไฟฟ้ามีรอยถลอก จากการโดนกระแทก
กล้องตัวที่ 1 เวลา 01.35.55 น. วันที่ 13 มีนาคม 2567 จับภาพรถกระบะของเฮียติ่ง ขับมาตามถนน เลี่ยงเมือง มุ่งหน้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยความเร็วที่ไม่มากนัก
กล้องตัวที่ 2 เวลา 01.36.38 น. จับภาพรถกระบะของเฮียติ่ง ยางระเบิด แล้วขับไปชนเสาไฟฟ้า ก่อนจะถอยรถกลับมาจอดพ้นมุมกล้อง
กล้องตัวที่ 3 เวลา 01.43.01 จับภาพ เฮียติ่ง เดินถือโทรศัพท์ บริเวณจุดเกิดเหตุ คาดว่ามีการโทรหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กล้องตัวที่ 4 เวลา 02.35.59 จับภาพรถยกของเจ้าหน้าที่ ทำการลากรถของเฮียติ่งเพื่อไป สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี
ขณะที่วงจรปิด ชุดที่ 2 บริเวณอู่ซ่อมรถของช่างบอย
กล้องตัวที่ 1 เวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 14 มีนาคม 2567 เฮียติ่ง ขับรถเก๋ง (คันที่ไฟไหม้) เพื่อมาดูรถกระบะสีดำ คันที่ประสบเหตุ
กล้องตัวที่ 2 จับภาพเฮียติ่ง ลงจากรถเก๋ง แล้วเดินไปดูรถกระบะสีดำ ซึ่งตอนที่เฮียติ่งเดินลงจากรถ เก๋ง เพื่อไปดูรถกระบะคันสีดำ ก็พบว่าเฮียติ่งเดินปกติ ไม่ได้เหมือนคนมีอาการบาดเจ็บจากการประสบอุบัติเหตุแต่อย่างใด
กล้องตัวที่ 3 จับภาพ เฮียติ่งเดินมาขึ้นรถ
กล้องตัวที่ 4 เฮียติ่งเดินมาขึ้นรถเก๋งคันสีบรอนซ์ทอง ก่อนที่จะขับรถออกไปจากอู่แห่งนี้
หญิงปริศนาในงานศพ หลุดปากวางแผนฆ่าเสี่ยร้านทอง
ทีมข่าวได้มาคุยกับนางส้มโอ (นามสมมติ) แหล่งข่าวพิเศษ ซึ่งเธอเป็นคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต
เจ้าตัวเปิดเผยว่าตัวเองได้ไปร่วมงานศพของเฮียติ่ง ขณะที่ตัวเองกราบศพ หน้าโลงศพของเฮียติ่ง พร้อมกับสอบถามถึงเรื่องการตายของเฮียติ่ง จู่ๆ ก็มีหญิงบางคนโผล่เข้ามา โบกมือใส่ตัวเอง แล้วพูดว่า “หยุดเลย ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ เขาจบคดีเรียบร้อยแล้ว” จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าว ก็บอกตัวเองว่า เพิ่งคุยกับตำรวจมา ตำรวจบอกว่าเฮียติ่งประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากนอนหลับ
แล้วจู่ๆ ผู้หญิงคนดังกล่าว ก็พูดออกมาว่า “ดีแล้ว พี่วางแผนมาตั้งนานแล้ว ให้มันได้ตายโหงอย่างงี้ มันเลว มันอุบาทว์ เหมือนพ่อมัน ” ตัวเองก็ถามผู้หญิงคนดังกล่าวไปว่า “เหมือนพ่อ..เหมือนยังไง?” เขาก็ตอบว่า “ก็ดูพ่อมันซิ อายุขนาดนี้แล้ว ก็ยังมีเมีย เพิ่งให้เงินผู้หญิงไปสิบๆล้าน” แล้วก็พูดต่อว่า “เนี่ย ติ่ง ก็เหมือนกัน มันก็เหมือนพ่อมัน มันทำชั่ว มันทำกินไม่ขึ้นหรอก พี่วางแผนมาหมดแล้ว สะใจพี่ สมน้ำหน้ามัน ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติใด พี่จะไม่ขอเจอผู้ชายคนนี้อีก”
นักข่าวถามกลับนางส้มโอว่า “ยืนยันได้ไหม ว่าเขาพูดแบบนี้จริงๆ” นางส้มโอ ก็ยืนยันว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวพูดแบบนี้จริงๆ นางส้มโอยังเล่าต่ออีกว่า ผู้หญิงคนดังกล่าว ได้ระบายถึงคนตายให้เธอฟังว่า “เฮียติ่ง ทำกับเขาไว้เยอะ เขาทำบาปไว้เยอะ
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดคุยกับนางสาวญาญ่า (นามสมมติ) เพื่อนของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. เสี่ยติ่ง ได้โทรศัพท์มาหาตัวเอง บอกว่าให้ตัวเองช่วยไปหาหมอดูให้หน่อย เนื่องจากเสี่ยติ่งได้ทำแหวนหาย แล้วเสี่ยติ่งก็บอกว่า ตอนนั้นเขาทะเลาะกับใครบางคนมา แต่ไม่ได้บอกว่าทะเลาะกับใคร ตอนนั้นตัวเองจึงบอกเสี่ยติ่งไปว่า หมอดูท่านน่าจะไม่ว่าง เดี๋ยวจะค่อยๆติดต่อให้นะ
จนวันที่ 16 มีนาคม ตัวเองไปดูหมอดูเรื่องแหวน ให้เสี่ยติ่ง กระทั่งหมอดูก็บอกว่า แหวนอยู่ในบ้าน ซึ่งตัวเองก็ยังไม่ได้บอกให้เสี่ยติ่งทราบ แต่ก็มาทราบข่าวว่าเสี่ยติ่งเสียชีวิตเสียก่อน
โดยตัวเองในฐานะที่เป็นเพื่อนเสี่ยติ่ง ก็คิดว่าการตายของเสี่ยติ่ง มีเงื่อนงำเช่นเดียวกัน
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้รับบันทึกการโทร ที่เสี่ยติ่งได้โทรศัพท์มาหานางสาวญาญ่า ในวันที่ 15 มีนาคมอีกด้วย