จากกรณีที่ ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด นักร้องนักแสดงตลกชื่อดัง ได้โพสต์ภาพ ‘นุ้ย เชิญยิ้ม’ หรือ ชูเกียรติ เอี่ยมสุข ตลกชื่อดัง ซึ่งเป็นสามี ถือใบหลักฐานยืนยันการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกเพื่อนบ้านจิตเวชด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมระบุข้อความว่า “โรคทางจิตเวช ปัญหาทางสุขภาพจิตที่คนไทยไม่ควรมองข้าม!” พร้อมแคปชั่นว่า “วันนี้พี่นุ้ยไปแจ้งความเรียบร้อยแล้วเพื่อความปลอดภัยของบ้านเรา # บ้านตรงข้ามเป็นผู้ป่วยจิตเวช”

ขณะที่วันนี้ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบริเวณบ้านของคุณนุ้ยและคุณตั๊ก ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านมีนบุรี พบว่าเพื่อนบ้านคู่กรณีที่มีอาการป่วยทางจิตอยู่ตรงข้ามบ้าน ซึ่งระหว่างนั้นมีกำลังเจ้าที่ตำรวจจากสน. มีนบุรีเข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่พบผู้ป่วยดังกล่าวออกมาจากบ้านจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปพบกับบ้านญาติของชายดังกล่าวที่อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตรแต่ก็ไม่พบใครอยู่ในบ้าน และหลังจากนั้นเพียงไม่นาน ชายที่มีอาการป่วยก็เดินออกมานั่งหน้าบ้านพร้อมกับพูดจาคนเดียวตะโกนด่าทอผู้สื่อข่าวที่เดินผ่านไปผ่านมาบริเวณหน้าบ้าน ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทางทางเข้าของหมู่บ้าน

ด้านคุณนุ้ย เชิญยิ้ม เปิดเผยว่า วันนี้ได้ตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจที่ สน. มีนบุรี เนื่องจากเวลาตนเองไปทำงาน ที่บ้านมีแต่ผู้หญิงกับคนชรา จึงเป็นห่วงและกังวลเรื่องความปลอดภัย ล่าสุดเมื่อวานนี้หลังจากที่กลับจากทำงาน ผู้ชายคนนี้ได้ออกมาจากบ้าน แล้วยืนด่าตนเอง มีการชูนิ้วกลางใส่ ขณะที่ตนเองกำลังจะถอยรถเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่อยากไปมีปัญหาเนื่องจากผู้ชายคนนี้ก็มีอาการป่วยทางจิตเวช และจริงๆแล้วชายคนนี้ไม่ได้เพิ่งจะมีอาการหนัก แต่มีอาการหนักมาหลายวันแล้ว บางครั้งเวลาช่างแต่งหน้าจะเข้ามาแต่งหน้าพี่ตั๊ก ก่อนจะไปออกงานก็จะเจอชายคนนี้ออกมาด่าทอ และแสดงกิริยาไม่เหมาะสม ซึ่งตอนนั้นผู้ชายคนนี้ก็ถอดเสื้อ ใส่เพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียว

คุณนุ้ย ระบุว่า โดยส่วนตัวรู้สึกเห็นใจชายที่มีอาการป่วย และเห็นใจญาติของชายคนนี้ด้วย จึงอยากให้ญาติรับชายคนนี้เข้ารับการบำบัด และรักษาอาการป่วย

ด้านคุณตั๊กเล่าว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเนื่องจากเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของตัวเองเป็นผู้ป่วยจิตเวช เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ และเท่าที่สังเกตเหมือนชายคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านคนเดียว แต่ญาติพี่น้องของชายคนนี้ก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน พฤติกรรมของเขามักจะมีการตะโกนโหวกเหวกโวยวาย พูดจาเสียงดังทั้งวัน เวลาใครไปมาบ้านของคุณตั๊กก็มักจะถูกชายคนนี้ตะโกนด่า บางครั้งถึงขั้นแจกของลับให้ตนเอง ปัญหานี้เป็นมานานสักระยะ สิ่งที่ทำให้ทนไม่ไหว คือระยะหลังชายคนนี้เริ่มจะมาด่าตนเองเอง รวมถึงคุณนุ้ยสามี และคนในครอบครัว ด่าในที่นี้คือมีการเอ่ยชื่อด้วย

คุณตั๊กระบุว่า ล่าสุดเมื่อคืนนี้ตอน 4 ทุ่ม คุณนุ้ย สามีของตนเองออกไปซื้อของ ทันทีที่คุณนุ้ยกลับมาถึงบ้านชายคนนั้นก็ตะโกนด่า ที่ผ่านมาคุณตั๊กบอกว่า ตนเองก็เคยไปพูดคุยกับญาติของชายคนนี้ถึงบ้าน ญาติให้ข้อมูลกับคุณตั๊กบอกว่า “มีดอะไรที่บ้านหลังนั้นก็เก็บออกมาหมดแล้วนะ สงสัยเขาคงไม่ได้กินยา ญาติก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน” พอได้ยินแบบนั้นตัวเองก็รู้สึกตกใจมาก เพราะขนาดญาติแท้ๆ ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วตนเองเป็นคนอื่นจะต้องทำยังไงต่อ

เพื่อความปลอดภัยตนเองจึงให้คุณนุ้ยสามีไปแจ้งความไว้ที่ สน.มีนบุรี หลังจากที่แจ้งความไปแล้วก็สบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้าจะให้สบายใจเลยคุณตั๊ก บอกว่า ญาติของผู้ชายคนนี้จะต้องพาเขาไปเข้ารับการรักษาตัวและบำบัด ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียว ตอนนี้คุณตั๊กกังวลถึงขั้นต้องจ้างช่างมาติดเหล็กดัดให้ เพราะบ้านของคุณตั๊กจะเป็นกระจกซะส่วนใหญ่ กลัวว่าถ้ามีใครบุกเข้ามาเป็นอันตราย

คุณตั๊กยังบอกอีกว่าตัวเองได้ติดตามข่าวสารผ่านทางช่อง 8 ที่คุณพุทธอ่านข่าวทุกวัน ซึ่งข่าวที่คนบ้าคลุ้มครั่งไปทำร้ายคนอื่นมีให้เห็นอยู่ทุกวัน จะรอให้เขามาทำร้ายตังเองก่อนก็คงไม่ได้ จึงอยากหาทางแก้ไขเรื่องนี้ไว้ก่อน ไม่อยากจะเป็นการวัวหายแล้วล้อมคอก

ขณะที่ต่อมากำลังตำรวจจาก สน. มีนบุรี กว่า 10 นาย พร้อมกับพี่ชายของผู้ป่วยทางจิตเวชที่ป่วนบ้านนุ้ย เชิญยิ้มและตั๊ก ศิริพร ได้เข้ามาพูดจาและเกลี้ยกล่อมกับชายดังกล่าวเพื่อนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งระหว่างการพูดคุยกับผู้ป่วยมีอาการพูดจาวกวนไปมาและ ขัดขืนเล็กน้อยจนกระทั่งตำรวจจึงจำเป็นต้องใช้กุญแจมือใส่และนำตัวขึ้นรถ

ด้าน พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี เปิดเผยว่าเบื้องต้นตำรวจหากเป็นกรณีที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชก็จะต้องเข้ารับการรักษา ซึ่งตำรวจได้ประสานกับทางญาติ เพื่อดูว่าสาเหตุใดที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ป่วยเป็นจิตเวช ถ้าเป็นผู้ป่วยก็จะต้องมีการคัดแยกออก และวันนี้ได้ประสานญาติเพื่อจะนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งญาติก็ยินยอม ตำรวจจึงได้เข้าดำเนินการดังกล่าว

ส่วนพี่ชายของผู้ป่วยจิตเวชดังกล่าวเปิดเผยว่าน้องชายมีอาการป่วยลักษณะนี้มานานแล้วแต่ทุกครั้งเมื่อจะนำตัวไปรักษาก็เกิดอาการต่อต้านไม่ยอมไปรักษา ซึ่งทางญาติก็คอยดูแลให้ข้าวให้น้ำอยู่เป็นปกติ