จากกรณี นายขนบ หรือ “โกหมาส” อายุ 56 ปี เจ้าของสนามชนไก่ อ.สวี จ.ชุมพร ได้หายตัวไปพร้อมรถยนต์ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่สืบสวนจนพบรถยนต์ของ “โกหมาส” จอดทิ้งไว้ในป่าริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่ ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ยังไร้ร่องรอยของ “โกหมาส”
กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 2 เดือนแล้วก็ยังไม่รู้ชะตากรรม และความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 20 มี.ค. 2567 พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ได้สืบทราบว่าได้จับสัญญาณโทรศัพท์มือถือของ “โกหมาส” โดยพบว่าสัญญาณมือถือของ “โกหมาส” เข้าไปยังพื้นที่ ต.วังหิน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช จึงเปิดปฏิบัติการค้นหาร่องรอยของ “โกหมาส” ตลอดทั้งวันแต่ก็ยังไม่พบ มีเพียงหลุมดินปริศนาที่สามารถฝังศพได้ นั้น
ล่าสุดวันนี้ (22 มี.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยัง อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช และได้ลงพื้นที่จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 20 มี.ค. โดยพบว่าจุดที่มีการขุดอยู่ในป่าพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ส่วนจุดที่มีการขุดหลุมห่างจากถนนประมาณ 500-600 เมตร โดยจะต้องอาศัยการเดินเท้าเข้าไปเนื่องจากเส้นทางค่อนข้างทุลักทุเล โดยจุดที่พบว่ามีการขุดหลุมอยู่บริเวณป่ายางพาราผสมป่าไผ่ เบื้องต้นพบว่ามีการขุดหลุมจำนวน 3 หลุม
หลุมที่ 1 มีลักษณะความยาวเท่ากับร่างกายของมนุษย์ โดยมีขนาด 2.5 x 1 เมตร มีความลึกประมาณ 70 เซนติเมตร ซึ่งสิ่งผิดปกติคือบริเวณปากหลุมนั้นมีธูปปักอยู่ 8 ดอก ซึ่งตามความเชื่อการปักธูป 8 ดอกเป็นขอขมากรรม ถอนคำสาปแช่ง ถอนคำสาบาน
นอกจากนี้ยังมีการปักเทียนไว้อีก 2 เล่ม และมีดอกดาวเรืองวางข้างกันอีก 2 ช่อ ซึ่งสภาพดอกดาวเรืองนั้นยังคงสดใหม่อยู่ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าใครนำมาวางตั้งแต่เมื่อไรและวางเพื่อจุดประสงค์ใด ส่วนอีก 2 หลุมก็ถูกขุดอยู่ใกล้กัน แต่ลักษณะการขุดยังไม่เป็นหลุม มีเพียงร่อยรอยใช้เครื่องมือขุดเกลี่ยเล็กน้อย
โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภาค 8 ก็ได้เตรียมกำลังมากกว่า 15 นาย เพื่อที่จะทำการค้นหาบริเวณโดยรอบพื้นที่อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและถอนกำลังทั้งหมด เนื่องจากมีการสันนิษฐานว่าร่างของนายขนบ หรือ โกหมาส คงจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้ยังไม่มีเบาะแสเพิ่มเติม หากมีเบาะแสหรือจะเปิดปฏิบัติการค้นหาอีกครั้งก็จะแจ้งให้ทราบต่อไป
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางนิฤมล อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา เวลาประมาณเที่ยงคืน ขณะที่ตนกำลังกรีดยางอยู่ก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น 2 นัด หลังจากนั้นตนจึงได้เข้าไปหานายใหญ่ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่กรีดยางอยู่สวนติดกัน โดยมีการถามนายใหญ่ว่า “เสียงปืนของใครดัง เกิดอะไรขึ้น”
จากนั้นนายใหญ่จึงเล่าให้ตนฟังว่า ตอนที่นายใหญ่กรีดยางอยู่ก็เหลือบไปเห็นรถเก๋งคันสีขาวกำลังขับเข้ามาจอดใกล้ ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะรถเก๋งนั้นขับเข้ามาในป่ายางพาราที่มีเส้นทางทุลักทุเล หากเป็นชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่เขาจะขับรถกระบะที่ใช้บรรทุกน้ำยางหรือไม่ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์กัน นายใหญ่จึงคิดว่ารถเก๋งคันนั้นน่าจะเป็นคนร้ายหรือผู้ไม่หวังดี นายใหญ่จึงได้ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าไป 2 นัด ทำให้รถเก๋งคันดังกล่าวรีบขับถอยออกไปในทันที
จากนั้นนายใหญ่ก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปแจ้งตำรวจที่ป้อมที่อยู่ห่างออกไป 2 กิโลเมตร แต่ทางตำรวจก็บอกว่า “อย่าไปยุ่งกับเขา ถ้ากลัวก็กลับบ้านไปก่อน ค่อยกลับไปกรีดยางในตอนเช้าแทน” ทำให้นายใหญ่ตัดสินใจกลับบ้านและไม่ได้ย้อนกลับไปดูในบริเวณนั้น แล้วเรื่องก็เงียบหายไปเพราะคิดว่าไม่มีอะไร
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 300 นายก็ได้เข้ามาในพื้นที่ป่ายางพารา โดยมีการเข้าไปขุดหลุมหาร่างของ นายขนบ หรือ “โกหมาส” ซึ่งทราบมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แกะรอยและตามสัญญาณมือถือของคนที่หายตัวไป จนมาสิ้นสุดในพื้นที่อำเภอบางขัน แต่หลังจากที่ขุดอยู่นานสองนานก็ไม่มีใครพบศพหรือร่องรอยของคนที่หายตัวไป
โดยนางนิฤมล ยังเล่าอีกว่า ในพื้นที่สวนป่ายางอำเภอบางขันนั้น เคยมีคนพบศพปริศนาหลายครั้งแล้ว อย่างในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ก็มีการเจอศพปริศนาถึง 4 ศพ โดยศพส่วนใหญ่นั้นจะไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่จะเป็นศพคนต่างถิ่นถูกมาทิ้งอำพรางไว้ที่นี่ ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนร้ายถึงชอบนำศพมาทิ้งไว้ในละแวกนี้ แต่ส่วนตัวตนก็รู้สึกกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครที่เข้ามาในพื้นที่ จึงอยากให้ตำรวจช่วยตรวจสอบและดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านด้วย
ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยคุณเก๋ ภรรยาเบอร์ 2 ของเสี่ยหมาด เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ไปเจอสัญญาณโทรศัพท์จุดล่าสุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นั้น ตัวเองก็รู้สึกดีใจ แต่ก็ยังรู้สึกสับสนอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจก็เคยบอกว่าเจอสัญญาณโทรศัพท์อีกจุดหนึ่ง ต่อมาก็บอกว่าเจอในพื้นที่สุราษฎร์ธานี และล่าสุดก็บอกว่าในเจอในพื้นที่นครศรีธรรมราช ตัวเองจึงรู้สึกสับสนมากที่จริงสัญญาณโทรศัพท์สามีของตัวเองอยู่ที่ไหนกันแน่
ส่วนที่ จ.ชุมพร ในพื้นที่ที่ตัวเองอยู่นั้น ตอนนี้ตำรวจก็ยังไม่มีการแจ้งเบาะแสมาให้ตัวเองเพิ่มเติม และตัวเองก็ยังไม่ได้มีกำหนดที่จะมาดูพื้นที่ที่นครศรีธรรมราชอีกด้วย ซึ่งตัวเองก็อยากจะทราบความคืบหน้าทางคดีทุกวัน
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปที่บ้านของ น.ส.มุก ซึ่งเป็นคนที่ขับรถของเสี่ยหมาส ไปกินก๋วยเตี๋ยวกับ น.ส.อุ๋ม ที่เป็นครูในพื้นที่ โดยเมื่อทีมข่าวไปถึงก็พบว่า น.ส.มุก กำลังเดินออกจากบ้านมาขึ้นรถเก๋งสีแดง ที่จอดอยู่หน้าบ้านพอดี
แต่ปรากฏว่าในขณะที่ทีมข่าวเดินไปหาเพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และยังไม่ทันได้ถามอะไรแม้แต่คำเดียว เมื่อทาง น.ส.มุก เห็นไมค์ช่อง 8 เจ้าตัวก็ปิดประตูรถ ซึ่งทีมข่าวก็พยายามบอกว่า ขอถามแค่นิดเดียว เปิดกระจกมาคุยหน่อยได้หรือไม่ แต่ น.ส.มุก ก็ไม่ยอมคุย และก็ถอยรถออกมาจากบ้าน ซึ่งระหว่างที่ น.ส.มุก ถอยรถออกมาก็มีสามีของ น.ส.มุก เดินออกมาโบกไม้โบกมือบอกกับนักข่าวว่า “ไม่มีอะไรจะคุย”
ส่วนบ้านของ น.ส.อุ๋ม จากการตรวจสอบ บ้านก็จะอยู่ตรงข้าม ทางเข้าบ้านของ น.ส.มุก และในขณะที่ทีมข่าวไปถึง บ้านก็ปิดเงียบโดยไม่มีใครออกมาคุยกับนักข่าวแม้แต่คนเดียว
ส่วนเรื่องรถฟอร์จูนเนอร์ของเสี่ยหมาส ที่ น.ส.มุก ขับไปกินก๋วยเตี๋ยวและนำไปจอดทิ้งเอาไว้ จากการสอบถามตำรวจเจ้าของพื้นที่ ที่รถถูกนำไปจอดและมีการนำรถกลับไปที่จังหวัดชุมพร ตั้งแต่นำรถกลับไป ตำรวจยังไม่ได้มีการเรียกใครไปสอบปากคำ เนื่องจากทางญาติของเสี่ยหมาส ไม่ได้แจ้งความรถหาย ตำรวจในพื้นที่จึงไม่มีอำนาจเรียกตัวใครมาสอบปากคำ