กรณีเมื่อเวลา 22.58 น. วันที่22 มีนาคม 2567 ร.ต.อ.ภิญโญ วิเศษศักดา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ดอนสัก รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต บนถนนสายดอนสัก-บ้านใน บริเวณจุดกลับรถหน้าร้านสะดวกซื้อ ม.5 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณจุดยูเทิร์นกลับรถ พบรถจักรยานยนต์ จอดอยู่ใกล้เกาะกลางถัดมาผู้บาดเจ็บเป็นผู้ชายถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บ และพบรอยเลือดสภาพใหม่จำนวน 2 กอง มีมีดพร้าทำสวนตกอยู่ที่กองรอยเลือด และพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 2 ปลอก และพบรองเท้าแตะจำนวน 1 คู่ อยู่ในที่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ยังพบกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล ตกอยู่บนถนนใกล้กับกองเลือด จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเพิ่มเติมอยู่บนถนนปรากฎจำนวน 6 ปลอกและเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 นัด รวมทั้งยังพบหัวกระสุนปืนตกอยู่หน้าหน้าเติมเงินบุญเติมหน้าร้านสะดวกซื้อ จำนวน 1 หัว ต่อมาได้มีกู้ชีพ รพ.ดอนสัก มารับผู้บาดเจ็บนำส่ง รพ.ดอนสัก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายวัชระ อายุ 34 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายนิวัฒน์
วันนี้ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดจับภาพวินาทีเกิดเหตุมีเสียงปืน 8 นัด โดยกล้องตัวที่ 1 เวลา 22.58.16 น. จับภาพผู้เสียชีวิตขี่รถมอเตอร์ไซค์ สีขาว เข้าไปยังถนนจุดเกิดเหตุ ซึ่งบริเวณร้านกัญชาตรงข้ามจุดเกิดเหตุ จะมีผู้ก่อเหตุ และกลุ่มเพื่อนนั่งอยู่บริเวณนั้น
เวลา 22.58.26 น. จับภาพคนตายไปจอดรถที่จุดกลับรถ ซึ่งพ้นมุมกล้องไป และเวลา 22.58.49 น. ผู้ก่อเหตุ เดินเข้ามายิงคนตาย พร้อมกับมีเสียงปืนดัง 8 นัด หลังยิงเสร็จ คนก่อเหตุ เดินเข้ามายังร้านกัญชา ต่อมาเวลา 22.59.22 น. ที่มุมบนของกล้องจะเห็นคนก่อเหตุ เดินมาข้างร้านกัญชา แล้วขับรถหลบหนีไปในซอย
กล้องตัวที่ 2 เวลา 22.59.48 น. จับภาพรถมอเตอไซค์ของผู้ก่อเหตุขี่หลบหนี กล้องตัวที่ 3 เวลา 22.58.24 น. ได้ยินเสียงคนตายและคนก่อเหตุคุยกัน ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายมีดหล่นลงพื้นและมีเสียงทะเลาะกันอีก
กระทั่งเวลา 22.58.53 น. เริ่มมีเสียงปืนนัดเรียกดังขึ้น ก่อนจะมีนัดอื่น ๆ ตามมา และเวลา 22.59.22 น. เสียงรถมอเตอไซค์คนก่อเหตุขี่หลบหนี ส่วนกล้องตัวที่ 4 เวลา 23.06.39 น. จับภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับมาถึงที่เกิดเหตุ
ทีมข่าวเดินทางมายังวัดท้องอ่าว อ.ดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของผู้เสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้า โดยทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวภัทราวดี ภรรยาของผู้เสียชีวิต บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เกิดจากการท้าทายของทั้ง 2 ฝ่าย โดยเธอได้เปิดเผยข้อมูลแชตให้กับทีมข่าวดูว่า ก่อนจะเกิดเหตุสามีของเธอ กับนายนิวัตน์ ได้สนทนาข้อความกันทางแชต หลังจากที่สามีเธอแชตไปถามนายนิวัตน์ว่า เป็นคนแจ้งตำรวจให้มาจับเขาเรื่องยาเสพติดใช่ไหม
นายนิวัฒน์ก็ตอบมาในแชตว่า “หลวงไม่เคยแจ้งตำรวจไปจับใคร ถ้ามาแบบนี้ก็คงไม่ต้องคบกันแล้ว พอกันที” ก่อนที่นายนิวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ จะโทร. หาสามีของเธอ และบังคับให้รับสาย และยังพิมพ์ข้อความส่งท้ายว่า “มึงคิดว่ากูกลัวมึงเหรอ” สามีเธอจึงพิมพ์ข้อความตอบกลับว่า “มึงมาทีมา กับกูนิมา” แล้วนายนิวัตน์ ตอบกลับว่า “เดี๋ยวกูไป” ซึ่งเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายนิวัฒน์ยังโพสต์ข้อความท้าทาย หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุว่า “ผมคนทำงานไม่ได้เป็นนักเลง แต่ถ้ามานักเลงกับผมก่อนกูก็ไม่เคยกลัว”
ทั้งนี้ภรรยา บอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยว่าสามีมีปัญหาทะเลาะกับใครบ้าง กระทั่งมาเห็นในข้อความแชต หลังจากที่เกิดเรื่องไปแล้ว ตัวเองก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากลูกทั้งสองคนก็ต้อง กำพร้าพ่อ และผู้ก่อเหตุก็เคยเป็นเพื่อนกับสามีมาก่อน ไม่น่าจะก่อเหตุถึงขนาดนี้ จึงอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นอกจากนี้ยังมีแชตเฟชบุ๊ก อีก 2 หน้า เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 มีนาคม โดยแชตดังกล่าว ฝั่งซ้าย (ผู้ตาย) พิมพ์ว่า “มึงไปพามันมา กุแจ้งจับให้หมด” ผู้ก่อเหตุจึงตอบกลับมาว่า “อะไรนิ เป็นอะไร แจ้งจับใคร” และมีอีกหน้าที่คนตายพยายามสอบถามคนก่อเหตุว่า เป็นคนแจ้งตำรวจมาจับเขาเรื่องยาเสพติดหรือเปล่า โดยในแชต คนตายพิมพ์มาว่า “เติลบอกให้นายมาจับผมเออะ” คนก่อเหตุ ก็พิมพ์มาว่า “ใครให้ไปจับ หลวงไม่เคยให้นายไปจับใคร ไปพาคนที่บอกว่าเราไป”
ต่อมาทีมข่าวเดินทางมายังห้องแถวของผู้ก่อเหตุ ภายในตลาดดอนสัก จะพบว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในห้องแถวดังกล่าว ทีมข่าวสอบถามเพื่อนบ้านของผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า ปกติแล้วผู้ก่อเหตุจะอาศัยอาศัยอยู่กับแม่สองคน ส่วนพ่อของเขานั้นเสียชีวิตนานแล้ว แต่ตัวเองไม่รู้มาก่อนว่าผู้ก่อเหตุไปก่อเหตุยิงคนเสียชีวิตมา และเมื่อคืนหลังจากเกิดเหตุ ตัวเองก็ไม่เห็นผู้ก่อเหตุกลับมาที่ห้องพักอีกเลย
ปกติแล้วไม่ค่อยได้สุงสิงกับผู้ก่อเหตุมากเท่าไร จึงไม่รู้จักนิสัยใจคอของเขา และไม่รู้เรื่องที่เขาไปก่อเหตุล่าสุดในครั้งนี้อีกด้วย ส่วนแม่ของผู้ก่อเหตุไปทำงานนอกบ้าน แล้วจะกลับเข้าบ้านช่วงดึก ๆ