เจ้าของบ้านใน จ.ขอนแก่น กำลังกวาดหลังบ้าน พบก้อนสีดำตกอยู่ข้างโอ่ง นึกว่าขี้แมวกำลังจะกวาดทิ้ง ปรากฏว่าเป็นวัตถุปริศนาสีดำ เชื่อว่าเป็นอุกกาบาตจากนอกโลก พร้อมให้นักวิทยาศาสตร์นำไปพิสูจน์
วันที่ 24 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก นายไชยวัฒน์ ตันติศรีปรีชา อายุ 58 ปี เจ้าของร้านศรีทองไทย ขายส่งเส้นพลาสติกจักสาน เทศบาลตำบลดอนโมง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ให้ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบวัตถุสีดำที่ตกอยู่หลังบ้าน เชื่อว่าจะเป็นอุกกาบาต อยากให้สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ หรือนักวิทยาศาสตร์ หรืออาจารย์ที่มีความรู้ นำไปตรวจพิสูจน์เพื่อเป็นความรู้ทางด้านการศึกษาและวิทยาศาสตร์
นายไชยวัฒน์ พาผู้สื่อข่าวเดินไปที่หลังบ้านซึ่งมีต้นมะม่วงอยู่จำนวนมาก พร้อมชี้ให้ดูที่พื้นปูนข้างโอ่งมังกรที่มีรอยด่างสีขาว โดยยืนยันว่า จุดที่มีรอยด่างบนพื้นปูน คือจุดที่พบวัตถุสีดำก้อนดังกล่าว และรอยสีขาวนั้นเป็นลักษณะของการคลายความร้อน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้วางวัตถุดังกล่าวใส่จานเซรามิกสีขาว ปรากฏว่าวัตถุสีดำสั่นตลอดเวลา และเมื่อวางบนฝาปิดโอ่งมังกรที่เป็นฝาอลูมิเนียม วัตถุสีดำกลับนิ่ง และเมื่อนำเข้าในบ้าน และใช้ไฟฉายส่องที่วัตถุดังกล่าวกลับมีแสงระยิบสีขาวสีทองสวยงาม
นายไชยวัฒน์ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตัวเองเปิดร้านขายส่งเส้นพลาสติกจักสาน แต่ไม่ได้พักอาศัยที่ร้านเพราะเช้ามาเปิดร้าน เย็นปิดร้านก็เดินทางกลับบ้านในเมืองขอนแก่น ก่อนจะพบวัตถุสีดำนั้น เป็นช่วงเช้าวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา เดินทางมาเปิดร้านตามปกติ จากนั้นก็เดินไปกวาดใบมะม่วงที่หลังบ้าน ก็พบวัตถุสีดำตกอยู่ข้างๆ โอ่งมังกร ทีแรกนึกว่าขี้แมว เพราะแถวนี้จะมีแมวและมาขี้ไว้ประจำ แต่เมื่อดูดีๆ พบว่า วัตถุดังกล่าวไม่เหมือนขี้แมว จึงใส่ถุงมือหยิบขึ้นมาดู จึงรู้ว่าเป็นวัตถุสีดำที่ไม่ใช่ขี้แมว เพราะตนเองเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวลรี่มาก่อน จึงพอจะมีความรู้และมั่นใจว่าวัตถุที่พบนั้นไม่ใช่นิล ไม่ใช่พลอย แต่น่าจะเป็นวัตถุที่เรียกว่าอุกกามณี หรือชิ้นส่วนอุกกาบาตที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
และจากการตั้งข้อสงสัยของตนเอง วิเคราะห์แล้วว่าไม่น่าจะมีเด็กมาปาหินใส่ เพราะข้างบ้านจะรู้จักกันหมดและมีแต่คนแก่ และมีร่องรอยของฝาบ้านแตก เป็นรอยเหมือนมีวัตถุแข็งตกกระทบ แล้วรัศมีการกระเด็นมาตกที่โอ่งตรงนี้พอดี โดยมีรอยของการคลายความร้อนอยู่รอบข้าง จึงมั่นใจว่าต้องตกลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าคืออุกกาบาต
จากนั้นก็นำไปชั่ง ได้น้ำหนัก 28 กรัม กว้าง 2 ซม. ยาว 4 ซม. พอเก็บวัตถุดังกล่าวไว้แล้ว ได้เดินไปถามร้านค้าข้างบ้าน ซึ่งทราบว่า ช่วงเวลาประมาณ 2-3 ทุ่มคืนวันที่ 11 มีนาคม 2567 มีเสียงดังคล้ายสิ่งของตกลงมากระทบหลังคาที่หลังบ้าน ทั้งที่อากาศก็นิ่งสงบ แต่เพื่อนบ้านไม่ได้มาดู เพราะเป็นช่วงกลางคืน กระทั่งตนมาเปิดร้านและกวาดใบไม้ที่หลังบ้านจึงพบวัตถุก้อนสีดำดังกล่าว
นายไชยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ด้วยความเชื่อส่วนตัวว่าเป็นก้อนอุกกาบาต แต่เพื่อความชัดเจนก็พร้อมที่จะให้อาจารย์หรือนักวิทยาศาสตร์ที่มีความรู้ นำไปตรวจพิสูจน์หรือผ่าพิสูจน์ดูว่า วัตถุดังกล่าวนั้นเป็นอะไร เป็นหิน หรือซิลิก้า หรือเหล็ก หรือนิเกิล หรืออาจจะเป็นแร่ธาตุชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งตนเองได้นำมาขูดกับกระเบื้อง และกระจกเพื่อพิสูจน์ความแข็ง พบว่าแข็งมากไม่มีรอยแตก แต่กระเบื้องและกระจกเป็นรอยลึก พร้อมทั้งนำแม่เหล็กมาทดสอบดูดดูเพราะลักษณะเหมือนมีเหล็กผสม แต่แม่เหล็กไม่ดูด อาจจะเป็นวัตถุชนิดใหม่ที่มีความแข็งแรงสูงมาก และร่องรอยที่เป็นหลุมในอุกกาบาตนั้น ต้องเป็นความร้อนที่สูงมากจึงจะสามารถทำให้เป็นร่องรอยได้ จึงคิดว่าหากนำไปวิจัยและศึกษาหาความรู้ก็จะเป็นประโยชน์ทางด้านวิทยาศาสตร์ได้
ด้านนางพายัพ อายุ 84 ปี เจ้าของร้านค้าที่อยู่ติดกัน กล่าวว่า คืนวันที่ 11 มีนาคม 2567 อากาศโดยทั่วไปก็เป็นปกติดี ไม่มีลม ไม่มีฝน ช่วง 3 ทุ่ม ได้ยินเสียงดังโครมที่หลังบ้านของนายไชยวัฒน์ แต่ไม่ได้ออกไปดูเพราะมืดมาก กระทั่งเช้าวันที่ 12 มีนาคม นายไชยวัฒน์มาเปิดร้าน จึงพบวัตถุสีดำก้อนดังกล่าว ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร