ล่าสุดวันนี้ หลังจากทีมข่าวช่อง 8 ได้เปิดคลิปลับ “เจ๊อ้วน” ได้รับสารภาพไปเมื่อวานนี้แล้ว ว่าเธอเป็นผู้ให้เงินนายชัย 1 แสน เพื่อลงมือฆ่าเสี่ยหมาสจริง แต่ได้สั่งยกเลิกนายชัยไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับเจ๊อ้วน ภรรยาของเสี่ยหมาสอีกครั้ง ซึ่งเธอได้มาขอพักอาศัยอยู่กับพี่สาวของเสี่ยหมาสที่บ้าน เนื่องจาก กลัวความไม่ปลอดภัย
วันนี้เธอยอมเปิดใจกับทีมข่าวเป็นครั้งแรก โดยเธอร้องไห้พร้อมกับตัดพ้อให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยอมรับว่าได้ทะเลาะมีปากเสียงเสี่ยหมาสจริง และต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่า 3 ปีแล้ว หลังจากนางสาวเก๋ เมียเบอร์ 2 เข้ามาในชีวิตของเสี่ยหมาส
เธอยืนยันว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากนางสาวเก๋เมียเบอร์ 2 เป็นคนเดียวที่ทำให้ชีวิตครอบครัวของตนเองต้องพังพินาศ โดยสามีของตนเองซึ่งอยู่กินกันมากกว่า 20 ปี ได้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เพราะไปหลงกับผู้หญิงคนนี้
ทุกครั้งเวลาได้เงินจากธุรกิจสวนทุเรียน หรือเงินจากบ่อนไก่ แทนที่ตนเองจะนำเงินไปต่อยอดธุรกิจ และใช้หนี้ แต่กลับต้องเอาเงินกว่า 2,000,000 บาท ไปให้เสี่ยเพื่อเสี่ยจะได้นำเงินไปเปย์นางสาวเก๋ เมียน้อย
เวลาเสี่ยไปไหนมาไหนกับนางสาวเก๋ ตนเองรู้หมด แต่เพราะตนเองขาไม่ดี แก่แล้ว เสี่ยเลยไม่รัก ได้แต่นอนอยู่แต่ในบ้านเหมือนคนพิการ แต่เสี่ยกลับพานางสาวเก๋เมียเบอร์ 2 ไปเที่ยวโน่นนี่ เอาเงินไปถลุงในบ่อนไก่กันอย่างมีความสุข
ตนเองดูจีพีเอสและกล้องหน้ารถจากโทรศัพท์ตนเองเกือบทุกวัน ตนเองเจ็บปวดสุดคำจะบรรยาย ที่ต้องมาดูเมียน้อยขึ้นมานั่งรถฟอร์จูนเนอร์ที่ตนเองเป็นเจ้าของรถ เป็นคนผ่อน ต้องทนเห็นเสี่ยขอเบิกเงินของตนเองเป็นแสน เพื่อเอาไปเปย์นางสาวเก๋ ให้เก๋เอาไปชนไก่ในบ่อนของตนเอง ตนเองเห็นกล้องวงจรปิดของบ่อนที่เสี่ยส่งเงินแสนให้นางสาวเก๋ครั้งแล้วครั้งเล่ามานานนับปี
ต่อมา เจ๊อ้วน ยังเล่าให้ฟังต่อว่า ตนเองยอมรับว่า ก่อนจะเกิดเรื่อง ตนเองได้มีปากเสียงทะเลาะกับเสี่ยจริง เนื่องจากเสี่ยไม่พอใจที่ตนเองไม่มีเงินให้แล้ว เนื่องจากตนเองต้องเก็บเงินเอาไว้ดูแลธุรกิจ รวมถึงตนเองไม่มีเงินผ่อนค่ารถฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งเสี่ย เคยเข้ามาตบหน้า และชี้หน้าด่าตนเองให้ออกไปจากชีวิต ไล่ตนเองไปอยู่ที่อื่น โดยขู่ว่า “หากมึงไม่ไป กูจะฝังมึงกับลูกไว้ในสวนทุเรียน“ ซึ่งตนเองไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ตนเองก็แค่หมาจนตรอก
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นายชัย เพื่อนสนิทของเสี่ยหมาส ได้เดินเข้ามาในชีวิต โดยได้เดินมาของานทำที่บ่อน เมื่อ 15 มกราคม 67 ซึ่งตนเองยอมรับว่าในวันนั้น ตนเองได้ระบายเรื่องทั้งหมดให้กับนายชัยฟัง และนายชัยเอ่ยมาคำนึงว่า “ไม่ทรมานหรอที่เป็นแบบนี้?” และตอนแรกนายชัยได้เสนอด้วยซ้ำว่า “จะให้เก็บนางสาวเก๋ไหม ?” แต่ในตอนนั้นตนเองได้ปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่า “ถึงจะฆ่านางสาวเก๋ไปก็ไม่มีประโยชน์” เพราะเดี๋ยวเสี่ยก็ไปหาเมียใหม่
จากนั้นนายชัยจึงเปลี่ยนมาเสนอว่า “งั้นก็เก็บเสี่ยไปเลย” ตอนนั้นตนเองยอมรับจริงๆว่า ด้วยความโกรธแค้นและกลัวว่า เสี่ยจะชิงวางแผนกับนายชัยชิงฆ่าตนเองและลูกสาวก่อน เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน และเสี่ยก็เคยฆ่าเมียเก่าเขามาแล้ว ตนเองจึงได้ให้เงินกับนายชัย 1 แสนบาทเพื่อชิงจัดการเสี่ยก่อน รวมถึงต้องการถ่วงเวลาให้ลูกสาวซึ่งไม่เกี่ยวอะไรด้วยหนีไปอยู่ที่อื่นก่อน หากนายชัยหักหลัง ตนเองยอมตายเอง
กระทั่ง 25 มกราคม 67 ก่อนเสี่ยจะหาย 1 อาทิตย์ นายชัยโทรศัพท์มาหาตนเองอีกครั้ง เพื่อจะคุยเรื่องแผนอุ้มฆ่าเสี่ย ตอนนั้นตนเองเครียดมาก แต่คิดไปคิดมา ตนเองสั่งฆ่าเสี่ยไม่ลง พอนึกถึงความรักที่มีให้กันมากกว่า 20 ปี จึงได้ตัดสินใจสั่งนายชัยให้ยกเลิกภารกิจ
ส่วนเหตุการณ์ที่นายชัยเข้ามาเคาะหน้าต่างในคืนวันที่เสี่ยหมาสหาย ตนเองขอไม่พูดอะไรอีกแล้ว เนื่องจากบอกตำรวจไปหมดแล้ว และตำรวจสั่งให้ตนเองไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ว่านายชัยมาหรือไม่
ทีมข่าวถามต่อ ตอนนี้รู้หรือไม่ว่าเสี่ยอยู่ที่ไหน? เจ๊อ้วน ได้ยกมือพนมขึ้น พร้อมกับพูดสาบานว่า “ถ้าฉันรู้ หรือฉันเอานายหัวไปไว้ที่ไหน หรือฉันเป็นคนยิง คนแทง คนฆ่าก็แล้วแต่ ขอให้ฉันตายไปในก้าวแรกที่เดินออกจากบ้านไปเลย ฉันไม่รู้แม้แต่ว่าเขายังอยู่หรือตาย แต่ถ้าเสี่ยยังมีชีวิตอยู่ ฉันขอเถอะ อย่าสร้างความเดือดร้อนอะไรอีกเลย กลับมาเถอะ จะเอาที่ก็เอา จะมาเอาอะไรก็มาเอาไปเลย อย่าทรมานกันแบบนี้เลย อย่ามาทำอะไรลูกฉันเลย”
“ถ้าเสี่ยกลับมาแล้ว จะมายิงก็มายิงฉันเลย ฉันไม่หนีแล้ว เพราะฉันบอกแล้วว่า ฉันจะมาตายที่นี่ ฉันจะไม่ไปไหนแล้ว”
”เสียดายเวลาเหลือเกิน 20 ปีที่ดูแลกันมา ไม่รู้ทำไมเค้าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ ก็เพราะไอ้ผู้หญิง คนเดียว” และจำไว้เลยว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด มาจากนางสาวเก๋คนเดียว
นอกจากนี้เจ๊อ้วนยังยืนยันว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ตนเองขายบ่อน 15 ล้าน เงินไม่ได้เข้าบัญชีตนเองสักบาท และต้องโอนคืนให้กับอาสาวไปแล้ว ส่วนเงินอีกก้อนที่ตนเองเตรียมไว้คือเงินที่เอาไว้ทำศพตนเองและทำศพของเสี่ย เป็นเงินที่ตนเองเก็บสะสมมาเอง ซึ่งตนเองขอประกาศไว้ตรงนี้ว่า หากตนเองเป็นอะไรไปไม่ต้องเอาศพของตนเองไปตั้งไว้ที่กรุงเทพบ้านของตนเอง แต่ให้เอาไว้ที่วัด และตั้งศพแค่คืนเดียวแล้วเผาไปเลย
โดยตนเองขอฝากไปถึงนางสาวเก๋เป็นครั้งสุดท้ายว่า “ภูมิใจนักเหรอ ที่มาแย่งผัวชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อนแบบนี้ เวรกรรมมันมีจริงนะ แค่กูกำลังคิดนี่ กูก็ต้องมารับกรรมแล้ว แต่ตัวมึง ลูกก็ผู้หญิงด้วยระวังไว้เถอะ ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษเลยเหรอ”
ส่วนที่ตนเองจะถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่าหรือไม่ ตำรวจได้บอกตนเองแล้วว่า ถึงแม้ตนเองพูดเพียงแค่คำเดียวให้นายชัยไปฆ่าเสี่ย ถึงแม้ไม่ต้องเสียเงินซักบาท ก็ถือว่าเป็นการจ้างวานฆ่าแล้ว ถ้าตำรวจแจ้งข้อหาตนเองแบบนั้น ตนเองก็คงต้องยอมรับผิดและทำไม่ได้แล้ว ตนเองยอมติดคุก และยินดีที่จะให้ตำรวจมาจับตนเองไปเลย
โดยหลังเจ๊อ้วนให้ทีมข่าวสัมภาษณ์เสร็จ ทีมข่าวได้สังเกตว่า เจ๊อ้วนนั้นร้องไห้สะอื้นตลอดเวลา โดยข้างเตียงมียาจำนวนมาก ทั้งยาความดัน ยานอนหลับ รวมถึงยาของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อสอบถามเจ๊อ้วน บอกว่า ตนเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากว่า 1 ปีแล้ว
ล่าสุดเวลาประมาณ 20.30 หลังเจ๊อ้วนทราบข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพ คาดเป็นเสี่ยหมาส เจ๊อ้วนก็ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าฉันไม่หนีไปไหนแล้ว ฉันจะยอมมอบตัวกับตำรวจ ถ้าเปิดว่าฉันทำจริงๆ