ขณะเดียวกันวันนี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ลุงสำราญ พี่ชายของเสี่ยหมาส ได้เดินทางมาพบกับ เจ๊อ้วน ที่บ้าน ทันทีที่มาถึง เจ๊อ้วนได้ยกมือขอโทษ พร้อมกับร้องไห้ โดยบอกว่า ตัวเองรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป และไม่คิดเลยว่า การที่ตนเองสั่งให้นายชัยไปอุ้มฆ่าเสี่ยนั้น นายชัยและพวกจะไปก่อเหตุฆ่าเสี่ยอย่างโหดเหี้ยมมากขนาดนี้ เมื่อเห็นศพตนเองคิดว่า พวกเขาทำเกินไปมาก
จากนั้นลุงราญ ได้ร้องไห้และใช้มือตบที่ไหล่ ก่อนจับมือของเจ๊อ้วนไว้ พร้อมบอกกับเจ๊อ้วนว่า “พี่ราญฆ่าน้องไม่ได้ พี่ราญยิงน้องไม่ได้ น้องอ้วนจำคำพี่ไว้ได้เลย ถึงน้องจะผิดขนาดไหน มันจะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินคดีกับตัวน้อง พี่รักน้องมาก และที่พี่ราญพาน้องมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ก็เพราะพี่กลัวน้องจะไม่ปลอดภัย กลัวคนจะมายิงน้อง ต่อไปนี้น้องพยายามดูแลตัวเองด้วย อย่าไปไหนคนเดียว พี่ได้ยินข่าวไม่ค่อยดี น้องต้องระวังตัวมากๆ”
“พี่เคยบอกน้องแล้ว ถ้าน้องเกลียดไอ้หมาสจริงๆ น้องยิงมันให้ตายเองตรงนั้น มันโอเค แต่พอวันนี้พี่ไปเห็นลักษณะศพของน้องที่ถูกเอามือไพล่หลัง ถูกมัดมือมัดเท้า พี่ทำใจไม่ได้จริงๆ พี่รักน้องนะ พี่ฆ่าน้องไม่ได้ แต่ต้องอยู่ที่ตำรวจแล้วนะที่จะต้องดำเนินคดีกับน้องตามกฎหมาย”
ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามลุงสำราญ สมหวัง พี่ชายของเสี่ยหมาส หลังจากเข้าไปพูดคุยกับเจ๊อ้วนเสร็จแล้ว โดยลุงราญได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวบอกว่า ก่อนอื่นตนเองต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักข่าวทุกคนที่ช่วยกันติดตามคดีนี้จนถึงที่สิ้นสุด ขอบคุณไปยังผู้บังคับการฯ สืบภาค 8 , ผู้การชุมพร , ผู้การนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน
ตอนนี้ตนเองมั่นใจ 100% แล้วว่าศพที่พบเป็นน้องชายของตนเองจริงๆ และในวันพรุ่งนี้ตนเองจะเดินทางไปรับศพของน้องชายด้วยตัวเอง ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ส่วนตอนนี้ตนเองยอมรับว่า ยังทำใจไม่ได้เมื่อเห็นสภาพศพของน้องชายถูกมัดมือมีดเท้า อีกใจหนึ่งก็สงสารเจ๊อ้วน และตนเองคงฆ่าเจ๊อ้วนไม่ลง เพราะเข้าใจความเจ็บอ้วนที่น้องชายตนเองได้สร้างไว้
ส่วนคนร้ายทั้งหมดที่อุ้มฆ่าน้องชายของตนเอง ตนเองเชื่อว่ามีมากกว่า 3 คน และพวกนี้ทำงานเป็นทีม มีการวางแผนกันเป็นเดือน
ส่วนศพของน้องชายตนเองคาดว่า จะไว้ศพไม่เกิน 5 วันก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจ
แต่หากถามว่า ถ้านางสาวเก๋มีเบอร์สอง จะเดินทางมาร่วมงานศพของน้องชาย ตนเองมีความคิดเห็นอย่างไร ตนเองตอบ แต่ตนเองคิดว่าเก๋น่าจะพิจารณาตัวเองได้ ว่าควรที่จะมาหรือไม่ ตนเองไม่อยากออกความคิดเห็น
นอกจากนี้ระหว่างที่เจ๊อ้วนได้ติดตามข่าวผ่านโทรทัศน์ มีอยู่บางช่วง ที่เธอได้ฟังคำสัมภาษณ์ของนางสาวเก๋ พี่อ้างว่าตัวเองไม่ใช่เมียน้อย หรือเป็นเบอร์สองใคร เจ๊อ้วนที่นั่งอยู่ ได้ผ่านโทรทัศน์ด้วยความแค้น โดยบอกว่า นางสาวเก๋โกหก พร้อมกับถามกลับว่า หากเก๋ไม่ใช่เมียสอง แล้วทำไมถึงยังกล้าเอาขอเงินจากเสี่ย มาใช้เปย์ตัวเอง ทั้งที่เงินทั้งหมด เป็นของตนเอง
เจ๊อ้วนพร้อมติดคุก สั่งเสียแบ่งสมบัติ 10 ล้าน
ล่าสุดตั้งแต่ช่วงเช้า ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่บ้านพักที่เจ๊อ้วนพักอาศัยอยู่ เพื่อไปดูความเคลื่อนไหวหลังจากพบศพของเสี่ยหมาสเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ตำรวจจะมีการออกหมายจับเจ๊อ้วนที่จะเข้าข่ายเป็นผู้จ้างวานฆ่าหรือไม่
โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้ามีบรรดาญาติพี่น้องของ เสี่ยหมาส เดินทางมาให้กำลังใจเจ๊อ้วน เนื่องจากกลัวว่าเจ๊อ้วนจะตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตายกับความผิดครั้งนี้
กระทั่งเวลาประมาณ 11 โมง เจ๊อ้วนได้เรียกลูกน้องซึ่งเป็นคนงานในสวนทุเรียนจำนวน 2 คน รวมถึงพี่น้องของเสี่ยหมาสเกือบทั้งหมด มานั่งฟังคำสั่งเสียสุดท้ายก่อนที่เจ้าตัวจะขอรับกรรมเข้าคุก
ระหว่างการนั่งพูดคุยเจ๊อ้วนได้ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา จากนั้นเจ๊อ้วนเริ่มเรียกให้คนงานสวนมานั่งพูดคุย พร้อมกับสั่งเสียว่า อีกไม่นานตนเองคงต้องเข้าไปอยู่ในคุก เมื่อตำรวจออกหมายจับตนเองในข้อ จ้างวานฆ่า ซึ่งตนเองอยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเองไม่คิดหนี หรือจะไปไหนแล้ว จะยอมรับชะตากรรมที่ตนเองก่อขึ้น
ส่วนธุรกิจสวนทุเรียนเจ๊อ้วนได้บอกกับคนงานสวนทุเรียนว่า ค่าน้ำค่าไฟบ้านและสวนทุเรียนเดือนล่าสุดตนเองจ่ายหมดแล้ว ส่วนเรื่องรถฟอร์จูนเนอร์คันสีขาวของเสี่ยหมาส ตอนนี้ยังอยู่ในคดียังเอาไปทำอะไรไม่ได้ แต่หากจบคดีแล้ว ขอให้ลูกน้องเอารถไปคืนไฟแนนซ์ได้เลยไม่ต้องนำกลับมาใช้และคงไม่มีใครกล้าใช้ เพราะตนเองรับไม่ได้ที่เสี่ยหมาสอาจเสียชีวิตอยู่บนรถคันนี้ รวมถึงไม่อยากให้คนในครอบครัวอื่นต้องมาใช้รถคันนี้ หรือมานั่งที่ทับของนางสาวเก๋เมียเบอร์ 2 ที่เป็นเหมือนเสนียดจัญไรบนรถคันนี้อีก
ส่วนเรื่องทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตนเองและเสี่ยหมาสที่ทำมาคู่กัน เจ๊อ้วนได้บอกกับป้าหมู ซึ่งเป็นพี่สาวของเสี่ยหมาสว่า ที่ดินสวนที่เรียนจำนวน 18 ไร่ มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท เมื่อคืนตนเองคิดดีแล้ว โดยขอยกสมบัติทั้งหมด แบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกขอให้ป้าหมูพี่สาวของเสี่ยหมาส เพื่อตอบแทนพระคุณที่ช่วยเหลือตนเองมาโดยตลอด ส่วนป้าหมูจะเอาที่ดินไปแบ่งพี่น้องคนใดก็แล้วแต่ป้าหมูเอง ส่วนที่ 2 น้องแอร์ ลูกสาวของตนเอง และส่วนที่ 3 จะขอแบ่งให้กับคนงานดูแลสวนทุเรียน
พร้อมสั่งต่อว่า โดยในทุกปี ขอให้คนงานทำบัญชีรายรับรายจ่ายเงินที่ได้จากการขายทุเรียนทั้งหมด โดยให้กันเงินจำนวน 1.5 ล้านออกมาทันทีจากรายได้เพื่อเก็บเป็นค่าซื้อปุ๋ย - ซื้อยา ไว้ปลูกทุเรียนปีหน้า ที่เหลือค่อยนำกำไรทั้งหมดไปแบ่งป้าหมู กับลูกสาวของตนเอง
โดยขอแบ่ง 16% จากรายได้สวนทุเรียนทั้งหมด ให้กับคนงานสวนทุเรียน 2 คนที่ช่วยกันดูแลมา เก็บไว้กินใช้ ส่วนรายได้ กำไรที่เหลือแบ่งให้กับป้าหมูและน้องแอร์ลูกสาวของตนเองแบ่งคนละครึ่ง
ส่วนอาวุธปืนของเสี่ยหมาสที่ตำรวจเก็บไปตรวจสอบ หลังจากจบคดีให้เจ๊ได้ยกให้กับลูกสาวป้าหมู โดยขอให้ไปเอาปืนคืน และไปจดทะเบียนครองครองปืนเอาไว้ใช้ จะได้มีปกป้องตัวเอง
เจ๊อ้วนยังย้ำกับทุกคนว่า สมบัติของตนเองทั้งหมด ห้ามใครแบ่งให้กับนางสาวเก๋ เมียเบอร์ 2 ของเสี่ยเด็ดขาด
พร้อมขู่ว่า “ใครให้ที่ดินหรือทรัพย์สมบัติของกูให้กับอีเก๋ ถ้ากูรู้นะ กูจะกลับมาเช็กบิลทุกคน ไม่ยอมให้นะอีเก๋ สลึงหนึ่งกูก็ไม่ยอมให้มัน“
นอกจากนี้เจ๊อ้วนยังบอกอีกด้วยว่า ไม่รู้ว่าตนเองจะถูกตำรวจออกหมายจับเมื่อไหร่ แต่ก็ภาวนา ขอให้ตนเองได้มีเวลาอยู่ใกล้กับศพของสามีเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้ตนเองได้อยู่จัดงานศพให้กับสามีอย่างสมเกียรติ ไม่ให้น้อยหน้าใคร และขอให้ตัวเองอยู่ถึงวันที่จะได้เผาศพสามีตนเองก็จะดีมาก เพราะฉันรักเขาที่สุด ชีวิตของตัวเองไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว หลังจากเสร็จงานศพของสามี ตนเองจะยอมรับโทษกับทั้งหมดที่ทำลงไป
สำหรับเงินจากงานศพของเสี่ยหมาส เจ๊อ้วนกันส่วนหนึ่งจำนวน 500,000 บาท เพื่อจัดงานศพให้กับเสี่ยแล้ว โดยย้ำว่าขอให้จัดงานศพให้เสียอย่างสมเกียรติ จัดให้ยิ่งใหญ่อย่าให้น้อยหน้าใคร นายหัวเป็นคนมีเพื่อนฝูงเยอะ หน้าใหญ่ ดูแลเรื่องงานศพให้ดี
และในวันพรุ่งนี้เมื่อพี่น้องเสี่ยได้เดินทางไปนำศพเสี่ยกลับมาทำพิธี หากตนเองถูกจับไปก่อน ขอให้นำเงิน เหรียญใส่ปากเสี่ยให้เต็มปาก เสี่ยจะได้มีเงินกินเงินใช้
หลังจากที่เจ๊อ้วน ได้สั่งเสียและแจกแจงทรัพย์สินให้กับลูกหลานเป็นครั้งสุดท้าย หลังรู้ตัวว่าวันนี้อาจจะต้องโดนหมายจับ เจ๊อ้วน ยังได้ขอฝากบทสัมภาษณ์ไปถึง นางสาวเก๋ เมียเบอร์ 2 อีกด้วย ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าคุก
โดยเจ๊อ้วนบอกว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้ติดตามข่าวช่อง 8 ซึ่งตนเองไม่อยากให้ทุกคนเรียกนางสาวเก๋ ว่า เป็นเมียเบอร์ 2 แต่อยากให้เรียกมันว่า “อีกะxรี่” ที่คอยผลาญเงินของเธอกับสามีมาตลอด
เจ๊อ้วน ยังฝากคำถามไปถึงนางสาวเก๋อีกว่า “มึงสบายใจดีไหม เพราะกูก็เตรียมเข้าคุกแล้ว ส่วนมึงกับลูก ก็เตรียมรอดูชะตากรรมตัวเองไว้ก็แล้วกัน ว่าทำกับคนอื่นไว้อย่างไรบ้าง ซึ่งไม่ใช่แค่ครอบครัวกู แต่ยังทำกับครอบครัวอื่นด้วย
“กูเกลียดมันเข้ากระดูกดำ เพราะมันเป็นคนที่ทำให้ชีวิตของกูพัง แม้ที่ผ่านมาเสี่ยจะเข้าไปติดพันมึง แต่มึงอย่าลืมว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เอาไปใช้ เป็นเงินที่กูกับเสี่ยสร้างขึ้นมาด้วยกัน และยังไม่ได้เลิกกันด้วย
เจ๊อ้วนยังฝากไปถึง พ่อของนางสาวเก๋ด้วย หลังจากดูข่าวเมื่อวานนี้ โดยบอกว่า ”พ่อมันก็แก่หัวหงอกขนาดนั้น คิดให้เป็นบ้าง อย่าคิดแต่เข้าข้างลูกสาว“
สำหรับวันนี้ ที่ตนเองนั่งรอหมายจับ ไม่ได้เป็นการท้าทาย เพราะรู้ชะตากรรมตัวเองอยู่แล้ว แต่ตนเองแค่ขอรอเจอหน้านายหัว
ส่วนเหตุผลที่มั่นใจว่าตัวเองอาจจะต้องถูกหมายจับ ก็มาจากคลิปที่ไปเปิดใจกับตำรวจ แต่เหตุผลทั้งหมดที่พูดไปเพราะแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าเคยคิดจะจ้างวานฆ่านายหัวจริง แต่เธอก็เปลี่ยนใจแล้ว
ส่วนเหตุผลที่คิดไปตอนนั้น เพราะกลัวว่าตัวเองกับลูกจะฆ่าตาย เพราะช่วงธันวาคมปีที่แล้ว นายหัวได้พานายชัยเข้ามา ซึ่งเป็นช่วงจังหวะที่เธอกับนายหัวมีปัญหากันพอดีและ นายหัวก็ขู่ฆ่าเธอในช่วงนั้นด้วย จึงคิดว่าตอนนั้น นายหัวจะเอาจริง ตามที่เคยขู่ไว้
ส่วนเมียของนายชัย หลังจากที่นายหัวหายตัวไป ก็ติดต่อกับเธอมาตลอด คอยถามไถ่และบอกให้เธอไปแจ้งความ ซึ่งเธอก็พยายามจะเอาหลักฐานในการพูดคุยกับภรรยาของนายชัยให้ตำรวจ แต่ก็ไม่รู้ว่าข้อความในไลน์ หายไปไหน ซึ่งเธอเองก็ยืนยันกับตำรวจว่าไม่ได้ลบข้อความนั้นไป เพราะเธอลบไม่เป็น
แต่อยากจะบอกผ่านนักข่าวว่า เมียของนายชัยไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ อย่าจับเขาเลย เขาดีมาก และเพิ่งจะคลอดลูกด้วย
และหากเป็นไปได้ เรื่องที่เกิดขึ้น ตนเองขอรับผิดเพียงคนเดียว ยอมติดคุกเอง ซึ่งตนเองได้บอกกับตำรวจไปแล้ว แต่ตำรวจก็ทำให้ไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย