จากกรณีโลกโซเชียลแชร์ภาพรถฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ขับมาประสบอุบัติเหตุชนเกาะกลางถนน ถนนศรีจันทร์ หน้าโรงพยาบาลขอนแก่นราม ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น สภาพรถล้อหน้าข้างซ้ายถูกกระแทกจนขาด คาดว่าชนกับขอบทางเท้า และมีผู้บาดเจ็บ 1 รายเป็นพระสงฆ์ ทราบชื่อ พระครูปลัดนรินทร์ อายุ 32 ปี เบื้องต้นค้นกุฎิพบยาไอซ์พร้อมอุปกรณ์ อีกทั้งพบว่าพระนัดหนุ่มคู่ขาผ่านแอปฯ หาคู่เกย์ ซึ่งคู่ขามาจากนครพนม พอมาถึงไม่ตรงปกเลยจะไม่มีอะไรกัน พระเลยขืนใจจับขึ้นรถ ทางหนุ่มคู่ขาเลยตัดสินใจหักพวงมาลัยจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ (28 มี.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่วัดต้นสังกัดของพระครูปลัดนรินทร์ พื้นที่ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยบรรยากาศที่กุฏิของพระครูปลัดนรินทร์ ประตูตรงทางเข้า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้นำไม้หน้าสองมาตีตะปูปิดตายเอาไว้ ส่วนบริเวณหน้ากุฏิยังคงมีข้าวของของพระครูปลัดนรินทร์ วางอยู่โดยยังไม่มีใครมาย้ายสิ่งของเครื่องใช้ภายในกุฏิออกไป
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้มีโอกาสไปพูดคุยกับเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว เปิดเผยว่า ที่กุฏิของพระนรินทร์ถูกปิดเอาไว้เป็นเพราะว่าเมื่อวานนี้ทางฝ่ายปกครองและคณะสงฆ์ได้มาค้นกุฏิและเจอยาเสพติด จึงจำเป็นต้องปิดประตูเอาไว้รอให้พระนรินทร์มาขนของออกไปจากวัดด้วยตัวเอง
ซึ่งตัวพระนรินทร์บวชที่วัดแห่งนี้มาประมาณ 12 พรรษา โดยวันที่พระนรินทร์เดินทางออกไปจากวัดเท่าที่รู้คนในวัดเห็นพระนรินทร์ขับรถฟอร์จูนเนอร์ออกไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม และเพิ่งจะมารู้ว่าพระนรินทร์ไปก่อเหตุขับรถชนเมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยหลังเกิดเหตุเมื่อฝ่ายปกครองมาค้นเจอยาไอซ์ในกุฏิของพระนรินทร์ ทางเจ้าคณะอำเภอจึงมีมติให้พระนรินทร์ต้องทำการลาสิกขาหลังจากออกมาจากโรงพยาบาล แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นพระนรินทร์เดินทางกลับมาที่วัด
ส่วนประวัติของพระนรินทร์ เกี่ยวกับยาเสพติด ยอมรับว่าเมื่อปี 2560 ทางตำรวจเคยมาสุ่มตรวจปัสสาวะและเจอสารเสพติดในร่างกายของพระนรินทร์ จึงส่งตัวไปบำบัดและให้โอกาสพระนรินทร์ กลับมาเป็นพระเหมือนเดิม
ส่วนประวัติเกี่ยวกับเรื่องผู้ชาย ยืนยันว่าพระนรินทร์ ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องดังกล่าวที่วัด แต่ยอมรับว่าพระนรินทร์ เคยพาผู้ชายเข้ามาอาศัยอยู่ที่กุฏิ ซึ่งการที่พาคนเข้ามาและไม่มีใครเอะใจ เพราะทางวัดคิดว่าผู้ชายที่มาอาศัยอยู่เป็นญาติหรือคนที่รู้จักกับพระนรินทร์ ซึ่งส่วนตัวในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาส ก็รู้สึกเสียดายพระนรินทร์ เนื่องจากถ้าเขาไม่มีเรื่องแบบนี้เข้ามา อาตมายืนยันว่าพระนรินทร์ เป็นพระที่ปฏิบัติดีมาโดยตลอด
ขณะเดียวกันวันนี้ก่อนที่ทีมข่าวจะเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ได้มีการโทรศัพท์ไปเช็กกับทางโรงพยาบาลว่าพระนรินทร์ยังคงรักษาตัวอยู่หรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าทางโรงแรมแจ้งกับทีมข่าวว่าพระนรินทร์ได้เดินทางออกไปจากโรงพยาบาลตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว จากนั้นทีมข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านพ่อแม่ของพระนรินทร์ ที่อยู่กลางทุ่งนาห่างจากวัดไปประมาณ 3 กิโลเมตร และปรากฏว่าเมื่อไปถึงก็พบว่าพระนรินทร์เดินทางกลับมาอยู่ที่บ้านของพ่อแม่จริง ๆ
โดยพระนรินทร์ ซึ่งยังแต่งกายห่มผ้าเหลืองอยู่ เปิดใจกับทีมข่าว ว่า อาตมายอมรับว่าขับรถออกไปจากวัดตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม ซึ่งการขับรถออกไปจากวัด จริง ๆ แล้วอาตมาไม่ได้จะไปอาศัยหลับนอนในโรงแรมดังกล่าว แต่อาตมาได้รับเชิญไปกิจนิมนต์ที่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม และพอจะเดินทางกลับวัด อาตมารู้สึกเหนื่อยและเป็นเวลากลางคืนด้วย จึงไปเปิดโรงแรมนอนพัก
และปรากฏว่าคืนที่ไปนอนโรงแรม จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้ชายแอดไลน์อาตมาเข้ามาเอง โดยเด็กคนนั้นอ้างว่าได้ไลน์อาตมามาจากเพื่อนของอาตมา จากนั้นเด็กคนนั้นก็ไลน์มาถามเลขห้องที่อาตมานอนพักอยู่ ซึ่งอาตมาก็ให้เลขห้องไปเนื่องจากคิดว่าเด็กคนนั้นมาพร้อมกับเพื่อนของอาตมา แต่ปรากฏว่าช่วงประมาณตี 5 เด็กคนนั้นได้มาที่ห้องของอาตมาเพียงคนเดียว โดยพอเด็กคนนั้นเข้ามาในห้อง ก็ขออาตมาเข้าไปอาบน้ำ และเมื่อเด็กคนนั้นอาบน้ำเสร็จ เขาก็ขอยืมสายชาร์จแบตของอาตมา ไปนั่งชาร์จโทรศัพท์จนถึง 10 โมงเช้า ซึ่งระหว่างอยู่ในห้องด้วยกัน อาตมายืนยันว่าเด็กคนนั้นก็รู้ว่าอาตมาเป็นพระ เพราะอาตมาห่มจีวรอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งประมาณ 10 โมงครึ่ง จังหวะที่อาตมากำลังเดินออกจากห้อง จู่ ๆ เด็กคนนั้นก็ไม่ยอมให้อาตมาเดินออกจากห้อง จากนั้นเด็กคนดังกล่าวก็คว้าขวดมาตีหัวอาตมา ซึ่งพอจังหวะที่เด็กคนนั้นเผลอ อาตมาก็วิ่งลงมาที่รถ แต่ปรากฏว่าตอนที่อาตมากำลังจะขับรถออกจากโรงแรม จู่ ๆ เด็กคนนั้นก็วิ่งมาขึ้นรถ ด้วยความตกใจอาตมาก็เลยพยายามขับรถพาเด็กคนนั้นไปโรงพัก ซึ่งระหว่างทางเด็กคนนั้นพยายามทำร้ายอาตมาในรถตลอดทาง กระทั่งจังหวะที่ถึงทางกลับรถหน้าโรงพยาบาล จู่ ๆ เด็กคนนั้นก็เอาเท้าทั้งสองข้างขึ้นมาถีบหน้าอาตมา จนรถเสียหลักเกิดอุบัติเหตุที่ข้างโรงพยาบาล
จากนั้นเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ จู่ ๆ เด็กคนนั้นก็เดินลงจากรถแล้วก็ไปตะโกนเรียกชาวบ้านให้ช่วย โดยใส่ร้ายว่าอาตมาจะพาไปทำมิดีมิร้าย จนกระทั่งตำรวจมาถึงก็มีการนำตัวอาตมา กับเด็กคนนั้นไปส่งโรงพยาบาล แต่พอไปถึงโรงพยาบาล เด็กคนนั้นดันวิ่งหนีออกไปจากโรงพยาบาล ก่อนที่ทางโรงพยาบาลจะตรวจปัสสาวะและตรวจเลือด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาตมายืนยันว่าถูกเด็กคนนั้นใส่ร้าย เพราะผลการตรวจเลือดของอาตมา ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และเข็มที่เจอในรถก็เป็นเข็มของเด็กคนนั้น
ส่วนยาไอซ์ที่ฝ่ายปกครองไปเจอในกุฏิของอาตมา ยืนยันไม่รู้ว่าเป็นของใคร ซึ่งที่อาตมาไม่ยอมกลับไปลาสิกขาตามมติของเจ้าคณะอำเภอ เป็นเพราะว่าอาตมาอยากจะยื่นขออุทธรณ์กับทางคณะสงฆ์ก่อน ความจริงก็คือความจริง อาตมาไม่ผิดจะไปลาสิกขาทำไม ยืนยันอาตมาไม่ได้นัดเด็กคนนั้นไปมีอะไรกัน ตามที่สังคมกำลังประณาม และขอยืนยันว่า อาตมาไม่ได้ชอบผู้ชาย
ทั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นอาตมาเสียใจที่ถูกสังคมโจมตี ถ้าสังคมฟังอยู่ก็ขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง และถ้าเด็กคนนั้นดูข่าวช่อง 8 อยู่ในตอนนี้ อาตมาก็อยากจะให้เขาออกมาพูดความจริง ไม่ใช่มาใส่ร้ายกันแบบนี้ และถ้าเจ้าคณะอำเภอฟังอยู่ก็อยากจะให้มาฟังความสองด้านก่อนที่จะมาตัดสินว่าอาตมาเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว และการที่มาค้นกุฏิโดยไม่มีหมายค้น มันหมายความว่ายังไง ทำไมถึงไม่รอให้อาตมามาเปิดกุฏิให้เข้าไปค้นดี ๆ และที่อาตมาไม่กลับไปที่วัดก็เป็นเพราะว่าคณะสงฆ์ไม่อนุญาตให้อาตมากลับไปเข้าวัด
ล่าสุดทีมข่าวได้สัมภาษณ์ นิพนธ์ หนุ่มคู่ขาพระนรินทร์ เปิดใจกับทีมข่าว ว่า ตนเองโดนหลอกมา ยอมรับมีอะไรด้วยกัน แต่ไม่ได้เสพยาด้วย ตอนขึ้นไปหาพระนรินทร์ที่ห้อง ตนก็เห็นเขาโกนหัว ทำไมไม่มีผม พระนรินทร์ก็เลยบอกเพิ่งสึกมา จากนั้นก็มีอะไรกัน ที่นี้พระนรินทร์บอกว่าจะเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม แล้วพระนรินทร์ก็ใส่ชุดพระ ตนก็เลยไม่พอใจว่าจะโกหกทำไม จึงถามไปว่าสรุปเป็นอะไรเป็นพระเหรอ และเกิดทะเลาะกันตีกันในโรงแรม กระชากลากถูกันจนขึ้นมาในรถ
ตนก็บอกให้เขาไปโรงพัก ตนก็ตะโกนตั้งแต่โรงแรมให้พนักงานเรียกตำรวจมาให้หน่อยว่าตนโดนหลอกมา เกิดกระชากลากถูกันในรถและรถก็เกิดไปเสียหลักชนกับรั้วข้างถนน โดยตอนอยู่ในรถตนก็ถีบพระนรินทร์ เพราะเขาไม่หยุดรถอีกทั้งตนไม่ใช่คนพื้นที่ ตนไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน ซึ่งตนยืนยันในโรงแรมตนมีอะไรกับเขาจริง แต่ว่าไม่ได้เสพยากับเขา ยาเป็นของพระนรินทร์