คนงานไก่ชน เผย เห็นรถต้องสงสัยหน้าบ้าน "เสี่ยหมาส" ก่อนโดนอุ้ม


วันนี้ 28 มีนาคม 2567 ทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับ นายโจ คนงานค่ายไก่ของเสี่ยหมาส ซึ่งเป็นคนเข้าไปตีงูให้กับเสี่ยก่อนที่เสี่ยจะหายตัวไป โดยนายโจ ยืนยันกับทีมข่าวว่า คืนวันที่เสี่ยหายตัวไป ก่อนหน้าจะหายเสี่ยได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มานั่งเล่นกับพวกตนด้านหน้าค่ายไก่จริง หลังจากนั้นพวกตนคนงานค่ายไก่ทั้งหมด 4 คนก็ได้เดินทางกลับบ้าน โดยเสี่ยเป็นคนสุดท้ายที่อยู่นั่งเล่นอยู่ต่อ ซึ่งพวกตนเองไม่รู้จริง ๆ ว่า เสี่ยถูกอุ้มไปจากค่ายไก่ หรือคนร้ายเข้าไปอุ้มเสี่ยถึงในบ้าน เพราะทุกคนกลับหมดแล้ว แต่ยืนยันว่าในคืนเกิดเหตุประตูด้านหน้าทางเข้าสวนไม่ได้ปิด คนร้ายสามารถเข้าได้ทั้งด้านหน้าบ้านและหลังบ้าน




ประกอบกับก่อนที่เสี่ยจะหาย 2 อาทิตย์ ตนเองสั่งรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว ซึ่งมีลักษณะคล้ายรถฟอร์จูนเนอร์ของนายประทีปที่ตำรวจยึดไป ขับมาวนเวียนอยู่หน้าค่ายไก่หลายครั้งแล้ว และก่อนวันที่เสี่ยจะหาย 2 วัน รถคันดังกล่าวยังได้ขับนำหน้ามาจอดหน้าค่ายไก่ ก่อนจะขับออกไป ซึ่งเป็นเวลาไล่เลี่ยกับที่รถของเสี่ยได้ขับกลับเข้าบ้านด้วยซ้ำ โดยก่อนจะเกิดเรื่อง ตนเองเคยเตือนว่า มีรถต้องสงสัยมาเวียนหน้าค่ายไก่ บอกให้เสี่ยรู้แล้วแต่ตอนนั้นเสี่ยไม่ได้กังวลใจอะไร




ทีมข่าวถามต่อหลังจากที่วันนี้มีกระแสข่าวว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวนายชัยได้แล้ว โดยนายชัยได้ซัดทอดว่ามีกลุ่มคนงานค่ายไก่ของเสี่ยร่วมก่อเหตุ มัดเสี่ยไว้ด้านในบ้านก่อนที่ทีมอุ้มจะมาอุ้มเสี่ยไปอยู่ด้วย เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตนเองยืนยันว่า นายชัยพูดโกหก และพวกตนเองไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น ตนเองยืนยัน 1 ล้าน% และตนเองก็เป็นคนอยู่กับเสี่ยเกือบคนสุดท้าย ไม่มีใครทำร้ายเสี่ยแน่นอน




ส่วนทรัพย์สินติดตัวที่เสี่ยจะพกและใส่อยู่ติดตัวตลอดก่อนจะหายตัวไปในคืนวันนี้ มีทั้งนาฬิการาคา 5-6 หมื่นบาท, เงินสดติดตัวไม่ต่ำว่า 2-3 หมื่นบาท และโทรศัพท์ไอโฟน แต่เมื่อดูจากสภาพศพ ไม่พบทรัพย์สินเหล่านี้เลย


ส่วนเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ตนเองเชื่อว่าเป็นไปได้ทั้งสองเส้นทาง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เนื่องจากด้านหน้าประตูไม่เคยปิด คนร้ายก็สามารถเข้าได้ ส่วนด้านหลังก็มีเส้นทางทะลุไปถึงหลังบ้านของเสี่ยได้เช่นกัน


ไขปมคนร้ายเลือกจุดอำพรางศพเสี่ยหมาส


ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ นายนพ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นคนงานในสวนยางพาราของอดีตกำนัน ซึ่งอยู่ติดกับสวนปาล์มของโกรายหนึ่ง เล่าว่า ตนจำได้ไม่แน่ชัดว่าวันที่ 1 และ 2 กุมภาพันธ์ ตนได้ไปกรีดยางที่สวนยางพาราดังกล่าวหรือไม่ แต่จำได้หลังลาง ๆ ว่าตนน่าจะไปกรีดยางในคืนนั้นเพราะก็นานมาแล้ว ซึ่งในคืนวันดังกล่าวตนกับเพื่อนไปกรีดยางรวมกันสองคน จอดรถในสวนยางพาราและเดินไปกรีดยาง แต่ด้วยความที่พื้นที่มีขนาดใหญ่ประมาณ 60 ไร่ ก็จำไม่ได้ว่าจุดที่ตนกรีดยางอยู่ห่างจากจุดที่พบศพประมาณเท่าไร




แต่ปกติพื้นที่ดังกล่าวช่วงกลางคืนจะเงียบมากและไม่มีคนพลุกพล่าน หากใครเข้ามาในสวนยางพาราหรือสวนปาล์มที่อยู่ติดกันก็ต้องได้ยินเสียง แต่ยืนยันว่าคืนดังกล่าวไม่ได้ยินเสียงรถที่มาจอดหรือเสียงคนเดินในสวนปาล์ม ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าผิดปกติ ส่วนเส้นทางที่คนร้ายจะเข้ามาทางไหน ตนก็เชื่อว่าน่าจะเข้ามาที่สวนยางพาราของอดีตกำนันที่ตนทำงานอยู่ เพราะถ้าจะเข้าไปจุดพบศพเข้าได้ผ่านทางนี้เพียงทางเดียว




แต่ช่วงประมาณวันที่ 1 และ 2 กุมภาพันธ์ ประตูรั้วลวดหนามสวนปาล์มปิดสนิทและล็อกอยู่ แต่กำแพงรั้วที่แบ่งอาณาเขตสวนปาล์มมีเพียงกำแพงรั้วลวดหนามด้านหน้าเท่านั้น ตอนนั้นยังไม่มีการสร้างกำแพงรั้วลวดหนามบริเวณด้านข้างที่ติดกับสวนยางพารา เพิ่งมาสร้างช่วงก่อนกลางเดือนกุมภาพันธ์ เพราะทางเจ้าของสวนปาล์มกลัวมีคนมาขโมยผลผลิตจึงทำกำแพงรั้วลวดหนามบริเวณด้านข้างเพิ่ม


ตนจึงไม่มั่นใจเช่นกันว่าคนร้ายจะมาจอดรถด้านไหนของสวนยางพารา หรือมาเลี้ยวจอดบริเวณด้านหน้าสวนยางพาราก่อนเข้าไปยังจุดพบศพ เพราะตอนนั้นสามารถเข้าได้ไม่เหมือนตอนนี้ ส่วนตัวรู้จักกับนายพฤหัสเพราะเคยไปขายน้ำยางสดให้กับนายพฤหัส ซึ่งที่รู้จักเขาเป็นคนนิสัยดีและเรียบร้อย ส่วนเสี่ยชัยรู้จักเพียงแค่ชื่อเท่านั้นแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร และนายสุทีปก็ไม่รู้จักมาก่อน


นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 บินสำรวจภาพมุมสูงจุดพบศพเสี่ยหมาส ที่บริเวณสวนปาล์มของโกรายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของร้านทองในบ้านหลักสิบ ต.บ้านลำนาว อ.บางขัน อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช จากภาพจะเห็นว่าในรอบรัศมีจุดฝังศพประมาณ 1.5 กิโลเมตร ไม่ได้มีบ้านเรือนของชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ โดยบริเวณหน้าด้านจุดฝังศพล้อมรอบด้วยสวนปาล์ม และสวนยางพารา และด้านล่างปิดล้อมด้วยเขาป่าหน้าไทร ซึ่งเขาป่าหน้าไทรอยู่ในพื้นที่เขตป่าสงวน




จุดที่ฝังศพอาจเห็นไม่ชัดเจนแต่เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่างสวนปาล์มและเขาป่าหน้าไทร ถูกปกคลุมด้วยต้นไผ่ ซึ่งมีระดับพื้นดินที่ต่ำกว่าสวนปาล์มและริมเขา อีกทั้งมีต้นไผ่ปกคลุม จึง เป็นไปได้ยากที่จะสังเกตเห็นหลุมฝังศพเพื่ออำพรางคดี อีกทั้งจุดที่ฝังศพอยู่ท้ายสวนปาล์มห่างจากถนนของชุมชนประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลมีรั้วรอบขอบชิดจึงเป็นไปยากที่จะมีคนเห็นคนร้ายก่อเหตุดังกล่าว


อีกทั้งบริเวณด้านข้างที่ติดกับสวนปาล์มก็เป็นสวนยางพาราของอดีตกำนันรายหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อที่สวนประมาณ 60 ไร่ ไม่มีคนเฝ้าสวนตลอด ก็ทำให้คนร้ายใช้โอกาสนี้เข้ามาจากทางสวนยางพาราแล้วเดินทะลุสวนปาล์มเพื่อมาก่อเหตุที่จุดฝังศพ


ในขณะที่ทีมข่าวยังได้เดินสำรวจบริเวณสวนยางพาราของชาวบ้านซึ่งห่างจากสวนยางพาราของอดีตกำนันประมาณ 1 กิโลเมตรกว่า พบแถบนี้มีสวนยางพาราตลอดแนวและมีย่าขึ้นสูงบางจุดก็จะมีต้นไผ่ขึ้นแซม แต่ด้วยภูมิศาสตร์แม้จะเป็นป่ารกทึบแต่มีดินที่แข็งมากและพื้นดินก็จะมีรากต้นยางพารา จึงสันนิษฐานว่าคนร้ายไม่เลือกฝังศพเสียหมาสที่บริเวณนี้เนื่องจากจะต้องใช้เวลาขุดดิน และอยู่ติดริมถนนชุมชนอาจจะมีคนขี่รถผ่านไปมาแล้วเห็น




ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมพร อายุ 45 ปี เป็น ผช.ผญ.หมู่ 2 บ้านหลักสิบ บอกว่า พื้นที่ที่พบศพที่อยู่ในห้วยท้ายสวนปาล์ม เจ้าของมีธุรกิจหลายอย่างหนึ่งในนั้นคือร้านทองเเต่ก่อนเจ้าของปลูกสวนยางพาราแต่ต่อมาเปลี่ยนปลูกสวนปาล์ม ซึ่งจุดพบศพปกติถ้าหน้าฝนจะมีน้ำจากเขาไหลหลากมาที่ห้วยพบศพ โชคดีที่เจอศพเร็วเพราะถ้ายังไม่เจอศพแล้วน้ำบนเขามาระดับน้ำในห้วยจะสูงถึง 50 เซนติเมตร การที่จะตรวจพื้นที่ดังกล่าวและเจอศพก็เป็นไปได้ยาก จึงเป็นไปได้ที่คนร้ายเลือกใช้จุดฝังศพตรงนั้นเพราะรู้ข้อมูลภูมิศาสตร์แถวนี้


และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดพบศพ ชาวบ้านที่มีสวนยางพาราช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงก่อนสงกรานต์เมษายนเป็นช่วงปิดหน้ายางจะไม่ค่อยมีคนเข้าไปในสวน อีกทั้งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ส่วนบุคคลและไม่ได้อยู่ติดละแวกชุมชนจึงไม่มีคนพลุกพล่าน แต่ถ้าเป็นสวนยางพาราที่อยู่ห่างจากจุดดังกล่าวประมาณ 1 กิโลเมตร ติดถนนชุมชนและมีบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่ก็ทำให้คนร้ายเลือกที่จะใช้อำพรางศพที่จุดพบศพ


ในส่วนชาวบ้านมีความกลัวหรือไม่หลังจากพบศพเสี่ยหมาส บางคนก็ไม่กล้าไปกรีดยางแล้วเพราะว่ากลัวหวาดผวากัน และหากถามว่ามีเครือญาตของเสี่ยชัยอยู่ในบริเวณหรือไม่ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

 

เปิดแผนสุดเหี้ยม! ดักอุ้ม "เสี่ยหมาส" ไปฆ่า ไขปริศนาจุดทิ้งศพขั้นเทพ