จากกรณีเมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 25 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางบัวไล อายุ 48 ปี แม่ผู้ที่ซึ่งเคยร้องเรียนให้ช่วยประชาสัมพันธ์ ตามหาลูกชาย ชื่อนายอรรถพล หรือ เบียร์ อายุ 21 ปี ที่หายออกจากบ้านในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า ลูกชายกลับมาที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปตามหาความจริงในเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทีมข่าวได้เริ่มลงพื้นที่ไปยังจุดที่นายอรรถพล หรือ นายเบียร์ ให้การกับตำรวจและนักข่าวท้องถิ่นว่า ในวันที่ 20 มีนาคม กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อุ้มตัวไปได้นำตัวมาส่งที่ถนนเจนจบทิศ ตำบลในเมือง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
โดยลักษณะจุดดังกล่าวที่ทีมข่าวไปตรวจสอบตามคำให้การของนายเบียร์ จะอยู่บริเวณริมถนนใกล้กับหน้าธนาคารออมสิน และจะอยู่ก่อนถึงวงเวียนหอนาฬิกาประมาณ 100 เมตร ส่วนจุดที่นายเบียร์ อ้างว่าเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จะอยู่เลยจากวงเวียนหอนาฬิกาไปประมาณ 100 เมตร ซึ่งจากการตรวจสอบถนนทั้งสองฝั่ง เป็นจุดที่มีรถวิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวันและมีกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นกล้องของตำรวจติดเอาไว้รอบทิศทาง โดยพื้นที่ดังกล่าวไม่มีจุดจอดรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างและจะมีเพียงรถสามล้อที่เป็นรถโดยสารของคนในพื้นที่เท่านั้น
ขณะเดียวกันก่อนที่ทีมข่าวจะไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ด้วยความสงสัย ว่าจุดดังกล่าวเป็นจุดที่มีคนพลุกพล่าน ทีมข่าวจึงไปถามกับนายสุรพล อายุ 53 ปี เป็นพ่อค้าในพื้นที่ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในวันที่ 20 มีนาคม เป็นไปไม่ได้ที่คนร้ายจะขับรถมาส่งผู้เสียหายที่ถนนตรงนี้ เนื่องจากบนถนนดังกล่าว มีการปิดถนนเพื่อกางเต็นท์ตั้งแต่สี่แยกไฟแดงไปจนถึงหอนาฬิกา เพราะมีการจัดงานขึ้นตั้งแต่วันที่ 11-22 มีนาคม และวันที่ 20 มีนาคม ตนเองก็ขายของอยู่ใกล้กับธนาคารออมสิน ขอยืนยันว่าวันที่ 20 มีนาคม ตลอดทั้งวัน ไม่มีรถกระบะเข้ามาจอดส่งใครในพื้นที่ และส่วนตัวก็เชื่อว่าคนร้ายไม่มีทางนำผู้เสียหายมาปล่อยทิ้งไว้กลางเมืองอย่างแน่นอน
จากนั้นตามข้อมูลที่ทีมข่าวได้รับมาจากพ่อค้าว่า ตรงถนนเส้นดังกล่าวมีการปิดถนนและมีการกางเต็นท์ยาวตั้งแต่สี่แยกไฟแดงไปจนถึงวงเวียนหอนาฬิกา ทีมข่าวจึงไปขอดูกล้องวงจรปิดของตำรวจที่ติดเอาไว้ตรงหน้าธนาคารออมสินและตรงวงเวียนหอนาฬิกา ปรากฏว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีการตั้งเต็นท์ปิดถนนเอาไว้จริง ๆ ซึ่งภาพแรกมุมกล้องตรงหน้าธนาคารออมสิน จะเห็นว่ารถไม่มีทางเข้ามาจอดได้เนื่องจากมีการกางเต็นท์ปิดพื้นที่เอาไว้ ส่วนวงจรปิดมุมตรงวงเวียนหอนาฬิกา จะเห็นว่ามีการตั้งเต็นท์และมีเวทีอยู่ตรงวงเวียนดังกล่าว
จากนั้นทีมข่าวจึงย้อนกลับไปหานายเบียร์ที่บ้านอีกครั้ง เพราะเมื่อคืนนี้ที่ช่อง 8 ไปสัมภาษณ์มาตอนกลางคืน นายเบียร์ นั่งยันนอนยันและสาบานกับนักข่าวว่าพูดความจริง ซึ่งในระหว่างที่ทีมข่าวกำลังเดินทางไปหานายเบียร์ ได้มีการโทรศัพท์ไปสอบถามก่อนว่า เบียร์จุดที่คนร้ายนำตัวมาส่งคือตรงไหนกันแน่ เลยแยกไฟแดงมาจะมีธนาคารออมสินใช่ไหม คนร้ายขับรถมาจอดส่งเบียร์ตรงถนนเลยใช่ไหม โดยนายเบียร์ ก็บอกกับทีมข่าวว่า ตรงที่คนร้ายขับรถไปส่ง คือริมถนนข้างธนาคาร และยืนยันว่าตอนที่คนร้ายไปส่ง ก็มีคนเห็น แต่จำหน้าคนที่เห็นเหตุการณ์ไม่ได้
จากนั้นเมื่อทีมข่าวจึงมีการนำกระดาษไปให้นายเบียร์ วาดแผนที่ตรงจุดที่คนร้ายขับรถกระบะมาส่งในวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งในขณะที่นายเบียร์วาดแผนที่อยู่นั้น ในใจนักข่าวรู้อยู่แล้วว่านายเบียร์โกหก แต่ก็ปล่อยให้นายเบียร์ วาดแผนที่ไปก่อน
ซึ่งนายเบียร์ก็ได้วาดแผนที่และบรรยายให้นักข่าวฟังว่า ตรงจุดนั้นก่อนถึงวงเวียนจะมีสี่แยกไฟแดง โดยตรงวงเวียนหอนาฬิกาจะมีทางแยกไปได้สี่เส้นทาง และธนาคารออมสิน จะอยู่บริเวณก่อนถึงวงเวียนประมาณ 100 เมตร โดยวันเกิดเหตุคนร้ายขับรถกระบะมาส่งตรงข้างทางซึ่งเลยธนาคารไปประมาณ 50 เมตร คนร้ายได้ชะลอรถแล้วก็จอดให้เดินลงไป พอลงจากรถแล้ว ตนเองได้เดินไปตรงวงเวียน พอเดินผ่านวงเวียนไปก็ไปเจอกับวินรถจักรยานยนต์ ส่วนคนร้ายได้ขับรถกระบะมาวนรถตรงวงเวียน แล้วก็ย้อนกลับไปทางเดิม ซึ่งถนนตรงจุดที่คนร้ายมาส่ง รถสามารถขับผ่านไปมาได้ทั้งสองเลน
จากนั้นเมื่อทีมข่าวจับได้ว่านายเบียร์ โกหกเพราะภาพวงจรปิดที่ได้มาสถานที่ดังกล่าวมีการปิดถนนเอาไว้ ก็เลยค่อย ๆ งัดหลักฐานขึ้นมาให้นายเบียร์ดูทีละภาพ ซึ่งภาพที่ 1 ทีมข่าวได้เปิดภาพจุดที่คนร้ายมาส่งให้นายเบียร์ดู ซึ่งนายเบียร์ก็พยักหน้าบอกว่าใช่ ๆ ส่วนภาพที่ 2 ทีมข่าวได้เปิดภาพจุดที่นายเบียร์ ไปชี้ให้ตำรวจดูว่าไปขึ้นวินตรงนั้น ซึ่งนายเบียร์ ก็ชี้เป็นตุเป็นตะว่า ใช่ ๆ พี่ตรงนี่แหละที่ผมเดินไปขึ้นวิน
จนกระทั่งทีมข่าวได้จี้ถามกับนายเบียร์ เป็นครั้งสุดท้ายว่า ตรงวงเวียนและตรงถนนหน้าธนาคาร มีรถผ่านไปผ่านมาได้จริงเหรอ ซึ่งนายเบียร์ก็ยืนยันว่าใช่ ทีมข่าวจึงเปิดภาพวงจรปิดให้นายเบียร์ดูว่าตัวเองโกหก เพราะภาพวงจรปิดตรงวงเวียนมีเวที ส่วนถนนหน้าธนาคารวงจรปิดในวันนั้นมีการปิดถนน และทีมข่าวก็หันภาพไปให้แม่นายเบียร์ดู ซึ่งแม่ก็อุทานขึ้นมาว่า ชัดเจน จากนั้นทีมข่าวก็บอกกับนายเบียร์ว่า ที่นำหลักฐานมาเปิดให้ดูเป็นเพราะว่าตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานเอาผิดในข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งถ้าเบียร์ยอมพูดความจริงออกมา ทีมข่าวจะพาไปขอโทษตำรวจและจะช่วยคุยให้ว่าเบียร์มีเหตุผลที่ต้องหนีไป
ซึ่งนายเบียร์ ก็นั่งก้มหน้าและนั่งคิดอยู่ประมาณ 5 นาที โดยแม่ก็ช่วยกล่อมว่า "มึงจะโกหกต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะ ตำรวจกับนักข่าวเขามีหลักฐาน" จนกระทั่งนายเบียร์ตัดสินใจยอมพูดความจริงออกมาว่าโกหก และขอให้ทีมข่าวช่อง 8 ประสานไปหาผู้กำกับว่าจะไปพูดความจริงให้ทางผู้กำกับฟังที่โรงพัก
จากนั้นทีมข่าวจึงได้พานายเบียร์ กับแม่ไปที่ สภ.ชนบท ซึ่งระหว่างรอเข้าพบผู้กำกับ ทีมข่าวจึงได้ถามกับนายเบียร์ ว่าเหตุผลที่ต้องโกหกคือเรื่องอะไรบ้าง โดยนายเบียร์ก็ยอมรับกับทีมข่าวว่า ก่อนที่จะสร้างเรื่องโกหกขึ้นมา ตนเองไปรับยาจากรุ่นพี่มา 100 เม็ด ในราคาที่ต้องส่งเงินคืนจำนวน 2,500 บาท เท่ากับเม็ดละ 25 บาท และจะนำมาขายเม็ดละ 50 บาท แต่ปรากฏว่า หลังจากรับยาจำนวน 100 เม็ดมา ตนเองขายไปได้แค่ 30 เม็ด ได้เงินมา 900 บาท ส่วน 70 เม็ดที่เหลือ แบ่งกันเสพกับเพื่อนสองวันหมด จึงไม่มีเงินไปเคลียร์รุ่นพี่ก็เลยสร้างเรื่องโกหกแล้วก็หนีไป
ซึ่งครั้งก่อน ๆ ที่หนีออกไปจากบ้าน ก็เป็นเพราะว่าติดเงินค่ายาแต่พวกนั้นไม่ได้ตามทวง ซึ่งครั้งนี้เจ้าของยามันมาทวงเงินถึงบ้าน ก็เลยให้เพื่อนขี่รถไปส่งขึ้นรถทัวร์ เพื่อหนีไปหลบที่บ้านพ่อในจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งขากลับพ่อก็เป็นคนขับรถมาส่งขึ้นรถตู้กลับมาลงที่ บขส.บ้านไผ่ และที่ต้องโกหกตำรวจกับนักข่าวไปเมื่อวานนี้ เป็นเพราะว่ากลัวเจ้าของยาจะย้อนกลับมา ทวงเงิน
ซึ่งทีมข่าวก็ถามว่า ยาบ้า 70 เม็ดเสพกี่วัน โดยนายเบียร์ บอกว่า ส่วนตัวเสพยาวันละ 20-30 เม็ดต่อวัน และที่ต้องเสพเยอะ ๆ ในวันเดียว ก็เป็นเพราะว่ายาที่รับมามันไม่ดี เสพ 1 เม็ด ดีดแค่ 10 นาทีจึงต้องเติมบ่อย ๆ ส่วนเรื่องที่อ้างว่า ยาที่เอามาขายเป็นยาของตำรวจ เรื่องดังกล่าวยอมรับว่าไอ้เจ้าของยามันอ้างแบบนั้น จึงเอาข้อมูลมาบอกนักข่าวซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่
ต่อมาทันทีที่ พ.ต.อ.พัฒนพงษ์ ปัดสำราญ ผกก.สภ.ชนบท มาถึงจึงเชิญตัวนายเบียร์ เข้ามาพูดคุยด้วยก่อนโดยยังไม่มีทางแม่เข้ามาฟังด้วย เนื่องจากแม่ ยังเชื่อว่าลูกชายถูกอุ้มไปจริง ๆ ซึ่งนายเบียร์ รับสารภาพกับทางผู้กำกับว่า วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ต้องหนีไปเพราะไม่มีเงินเคลียร์ค่ายาจึงให้เพื่อนขี่รถไปส่งที่ บขส.บ้านไผ่ จากนั้นก็ขึ้นรถทัวร์ไปลงที่บ้านพ่อที่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ซึ่งระหว่างที่หลบหนีค่ายา ไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพ่อ กระทั่งเช้าวันที่ 20 มีนาคม พ่อได้ขับรถมาส่งที่สี่แยกอำเภอบรบือ และพอพ่อมาส่งก็ได้ขึ้นรถตู้มาลงที่ บขส.บ้านไผ่ พอมาถึง บขส.บ้านไผ่ ก็ได้จ้างให้รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาส่งที่บ้าน
ส่วนที่ต้องสร้างเรื่องโกหกตำรวจและนักข่าวไปเมื่อวานนี้ว่าถูกอุ้มตัวขึ้นรถกระบะไป ถูกคนร้ายยิงปืนขู่ ถุงดำคลุมหัว เป็นเพราะว่ากลัวเจ้าของยาย้อนกลับมาทำร้าย จึงต้องให้การโกหกไปเพื่อป้องกันตัวเอง และที่ปั้นเรื่องราวโกหกไปทั้งหมด เป็นจินตนาการมาจากการดูหนัง
จากนั้นทางผู้กำกับจึงบอกกับนายเบียร์ว่า จริง ๆ แล้วตำรวจรู้หมดแล้วว่านายเบียร์ลงรถที่ไหน เพราะชุดสืบสวนไปดูกล้องมาหมดแล้ว แต่ที่ต้องให้นักข่าวไปถามก็เพราะว่าอยากจะให้นายเบียร์พูดความจริงออกมากับนักข่าวเอง จนกระทั่งนายเบียร์ ได้ยกมือไหว้ขอโทษทางผู้กำกับ และสัญญากับผู้กำกับว่าจะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี และจะไม่ยุ่งกับยาเสพติดอีกต่อไป