จากกรณี นายขนบ หรือ เสี่ยหมาส อายุ 56 ปี เจ้าของสนามไก่ชนชื่อดังใน อ.สวี จ.ชุมพร ได้หายตัวไปอย่างปริศนาจากบ้านพักพื้นที่ หมู่ 5 ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ช่วงคืนวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา พร้อมรถฟอร์จูนเนอร์ สีขาว และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม กระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ไปพบศพของเสี่ยหมาสแล้ว ซึ่งถูกฝังอยู่ในพื้นที่ป่าเขต อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช นั้น
ล่าสุดตั้งแต่ 8 โมงเช้าวันนี้ (29 มี.ค. 2567) มีความเคลื่อนไหวล่าสุด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 8 ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองปราบปราม และชุดสืบสวนตำรวจภูธรนาสัก ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐาน จ.ชุมพร ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของเสี่ยหมาส ภายในสวนทุเรียนในพื้นที่ ต.เขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร โดยมีหมายค้นจากศาลจังหวัดหลังสวน มาแสดงต่อญาติของเสี่ยหมาสและเจ๊อ้วน เพื่อขอเข้าค้น มีกำลังตำรวจปิดกั้นพื้นที่รอบบ้านที่เกิดเหตุ ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 50 นาย มีตำรวจตำรวจจากหลายหน่วยงานเข้าปิดล้อม
โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจค้นภายในบ้านเพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยหลักฐานชิ้นสำคัญที่ตรวจได้เพิ่ม เจ้าหน้าที่ไปพบเทปจำนวน 2 ชนิด คือ เทปใส และและเทปหนังไก่ ซึ่งเทปดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับเทปที่คนร้ายได้ใช้พันหน้าศพของเสี่ยหมาด
ต่อมาทีมข่าวได้สอบถาม พลตำรวจตรีนภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ได้เปิดเผยว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาทางตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้มีการขออนุมัติหมายค้นบ้าน “เจ๊อ้วน” และ “เสี่ยหมาส” หลังข้อมูลทางการตำรวจสืบทราบ โดยมั่นใจว่าจุดบริเวณในบ้านคือจุดเกิดเหตุในการอุ้มฆ่า “เสี่ยหมาส” ก่อนจะมีการนำศพไปทิ้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องมาเก็บวัตถุพยานและหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้เชื่อมโยงกับหลักฐานที่เจอที่ศพ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลของทางญาติที่มั่นใจว่าร่างที่มีการเจอนั้นคือ “เสี่ยหมาส” และในทางคดีต้องรอผล “ดีเอ็นเอ” พิสูจน์อัตลักษณ์อีกครั้ง ถึงจะมีการออกหมายจับได้ ซึ่งเชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน 1-2 วัน
“ยืนยันในเชิงสืบสวนทางเจ้าหน้าที่มั่นใจว่า “บ้านของเสี่ยหมาส” เป็นจุดเกิดเหตุและเสี่ยหมาสเสียชีวิตภายในบ้าน มีการประทุษร้ายเสี่ยในบริเวณบ้าน ก่อนจะนำร่างไปฝังที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อเหตุตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยจำนวนบุคคลได้ แต่มั่นใจว่ามีผู้ร่วมขบวนการหลายคน ทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
ส่วนถามว่าอนาคต “เจ๊อ้วน” จะถูกตั้งข้อหาและถูกหมายจับฐานจ้างวานฆ่าด้วยหรือไม่ ยังไม่ขอตอบเพราะเป็นขั้นตอนต่อไปหลังมีการทำสำนวนแล้วเสร็จ คาดใช้เวลา 1-2 วันถึงจะชี้ชัดบุคคลร่วมขบวนการ ก่อนจะมีการออกหมายจับในลำดับต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนใช้เวลาเกือบสองเดือนกว่าจะแกะรอยตามถึงคนร้ายได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าคดีนี้ เป็นคดีที่ละเอียด มีผู้ร่วมขบวนการหลายคน ตำรวจต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งตนเองยืนยันว่าคดีนี้ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ และเชื่อว่าจะจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่าเสี่ยหมาสได้ทั้งหมด
ขณะเดียวกันหลังจากตรวจค้นบ้านเสี่ยหมาสเเล้วเสร็จ เจ๊อ้วนได้ขอให้ญาตินำเสื้อผ้าชุดดำออกจากบ้าน เพื่อขอเตรียมไว้หากยังไม่ถูกออกหมายจับ จะเเต่งไปร่วมงานศพของเสี่ย และก่อนที่เจ๊อ้วนจะเดินออกจากบ้าน พร้อมกับยกมือไหว้เจ้าที่ หรือไหว้ขออโหสิกรรมอะไรบางอย่าง ก่อนที่ตำรวจจะพาเจ๊อ้วน ขึ้นรถกระบะของตำรวจออกไป
ทีมข่าวพยายามสอบถามเจ๊อ้วน หลังจากตำรวจเชื่อว่า เสี่ยหมาสถูกฆาตกรรมภายใน ซึ่งคาดว่าเกิดจากการซัดทอดของนายชัย มือปืนที่รับงานอุ้มฆ่าจากเจ้อ้วนให้การซัดทอด โดยเจ๊อ้วน ได้มีสีหน้าเศร้าหมอง พร้อมกับตอบนักข่าวว่า “ฉันไม่รู้ ฉันยังยืนยันว่า คืนวันที่สามีหายนอนอยู่ภายในบ้านไม่ได้รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นจริง ๆ และได้ยืนยันว่า ไม่รู้ว่าเสี่ยหมาสเสียชีวิตในบ้านตามที่ตำรวจได้ข้อมูลมาได้อย่างไร
ส่วนสก๊อตเทปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบภายในบ้าน มีลักษณะคล้ายกับ สก๊อตเทปที่คนร้ายใช้พันมัดหน้าศพของเสี่ยหมาส ตนเองไม่รู้ว่าเป็นสก๊อตเทปลักษณะเดียวกันหรือไม่ แต่ยืนยันว่าสก๊อตเทปที่ตำรวจเก็บไปนั้น เป็นสก๊อตเทปที่พันอยู่ที่ขาเก้าอี้ที่บ้านมาเป็นปี ๆ แล้ว โดยตนเองขนมาจากกรุงเทพฯ นานแล้ว
เช่นเดียวกับที่ตำรวจมั่นใจว่าที่บ้านของเสี่ยเป็นจุดที่เสี่ยเสียชีวิต ตนเองก็ไม่รู้ และขอให้ว่าไปตามพยานหลักฐานที่ตำรวจเก็บได้ไปเลย ตนเองเตรียมใจไว้แล้ว จากนั้นเจ๊อ้วนได้ขับรถกระบะของตำรวจไปทันที
จากนั้น 11.00 น. ตำรวจชุดสืบสวนได้เชิญตัวเจ๊อ้วนเข้าห้องสืบสวนของโรงพัก ทีมข่าวพยายามสอบถามเจ๊อ้วนอีกครั้ง ว่ามีความกังวลมากน้อยขนาดไหนว่าจะถูกออกหมายจับ เตรียมใจไว้แล้วหรือไม่ เจ๊อ้วน มีสีหน้าเศร้าหมองขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้ตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวแล้ว