วันนี้ (29 มี.ค. 2567) ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายหมาก (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาวบ้านที่มาแจ้งเบาะแสกับทีมข่าว ซึ่งพักอาศัยใกล้จุดพบศพเสี่ยหมาส ห่างจากจุดนั้นเพียงแค่ 2 กิโลเมตร โดยบอกว่า ปกติถนนที่รถขับผ่านในชุมชนใกล้จุดพบศพเป็นทางลัดที่ไปต่อได้หลายอำเภอ ทำให้มีรถแปลกพื้นที่วิ่งผ่านจำนวนมาก แต่ชาวบ้านก็จะแยกออกคันไหนรถคนพื้นที่คันไหนรถคนนอกพื้นที่
แล้วปรากฏว่ามีรถกระบะสีขาวและสีดำซึ่งเป็นรถของคนนอกพื้นที่มาขับวนเวียนในพื้นที่ใกล้จุดพบศพประมาณ 3 วันต่อหันก่อนเกิดเหตุฆ่าฝังดิน ตอนแรกชาวบ้านแค่สังเกตและจับตามองอย่างระวังเพราะกลัวอันตราย แล้วหลังจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็ไม่เห็นรถกระบะสีขาวและสีดำที่เคยขับวนเวียนขับมาในพื้นที่อีกเลย
หลังทราบมีเหตุดังกล่าว พบศพถูกฆ่าฝังดิน เลยเชื่อว่ารถกระบะที่เคยขับวนในพื้นที่น่าจะเป็นรถที่มาดูลาดเลาก่อนเกิดเหตุ ซึ่งสวนปาล์มที่จุดพบศพมีเจ้าของร้านทองเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล กับสวนยางพาราที่อยู่ติดกันเจ้าของก็เป็นอดีตกำนัน ชาวบ้านรู้ว่าทั้งสองพื้นที่เป็นของใครก็ไม่มีใครกล้าเข้า ตนจึงมองว่าคนร้ายต้องรู้ข้อมูลเจ้าของพื้นที่ว่าไม่ใช่ที่พลุ่กพล่านจึงมาก่อเหตุดังกล่าว
ในส่วนศพที่พบตนได้ไปช่วยเจ้าหน้าที่วันดังกล่าว พบสภาพร่างกายเปื่อยยุ้ยแล้วและศพยังมีเลือดออกบริเวณคอ โดยพบผ้าขาวม้าสีแดงสก็อตยัดปากศพไว้ แล้วมีเทปใสพันรอบใบหน้าและศีรษะ 3-4 ชั้น เสื้อที่ใส่เปื่อยยุ่ย แต่กางเกงสภาพดีเป็นกางเกงยีนส์ขาสามส่วน หลังเจ้าหน้าที่นำเทปใสออกตากส่วนศีรษะและใบหน้า ก็พบที่ผ้าขาวม้าและเทปใสมีเลือดคนตายติดอยู่ มีรอยแผลที่คอด้านหลัง
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสนิท (นามสมมติ) อดีตกำนันในพื้นที่ ซึ่งเป็นเจ้าของสวนยางพารา บอกว่า ตนเป็นเจ้าของที่สวนยางพาราดังกล่าวทั้งหมด 30 กว่าไร่ ไม่ได้ทำรั้วลวดหนามแบ่งขอบเขตกันคนนอกเขามา เพราะคนใต้ไม่นิยมทำรั้วลวดหนามกั้นสวนยางพาราอยู่แล้ว และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่
ส่วนเจ้าของสวนปาล์มที่พบศพ ตอนแรกปลูกสวนยาพาราไม่มีรั้วกั้นเหมือนกับตน ต่อมามีคนแอบไปขโมยยางหลายครั้ง เลยตัดสินใจตัดต้นยางพาราออกแล้วปลูกต้นปาล์มแทน แล้วไม่นานมานี้ก็ทำรั้วกั้นขอบเขตสวน
ตนทราบจากข่าวว่าตำรวจพบศพในสวนปาล์ม ซึ่งคนร้ายก็น่าจะเข้ามาทางสวนตนเพื่อเดินลัดเลาะไปยังสวนปาล์มก่อนก่อเหตุ ตนก็ตกใจที่คนร้ายรู้ว่าสวนของตนและข้าง ๆ ไม่มีคนเฝ้าจึงมาก่อเหตุดังกล่าว เพราะช่วงนี้ไม่ได้บอกคนงานให้เข้าไปกรีดยางพาราพน้ำยางพาราไม่มี หลังพบศพก็บอกคนงานให้หยุดกรีดยางหรือไปดูแลสวนชั่วคราว เพราะกลัวอันตรายเหมือนกัน
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของชัย ในต.เขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช หลังนายชัยรับสารภาพกับตำรวจว่า เจ้อ้วนให้นำเสี่ยหมาสที่ถูกมัดไว้อยู่แล้วอุ้มพาใส่รถไปฆ่าฝังดินที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยวันนี้บ้านนายชัยปิดเงียบ แต่เราพบนางแพร (นามสมมติ ) ญาตินายชัย ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพให้เพียงข้อมูลเท่านั้น
บอกว่า ตนเพิ่งทราบจากทีมข่าวว่าตำรวจล็อกนายชัยหลังยอมสารภาพแล้ว โดยเจอนายชัยล่าสุดช่วง 3 วันก่อน ซึ่งนายชัยมาร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญลูกสาวของ ตอนนั้นตนเองที่เป็นญาติทราบเรื่องว่านายชัยคือผู้ต้องสงสัยในคดี แต่ไม่ได้สอบถามอะไรนาสชัยและท่าทีของนายชัยก็ปกติเหมือนทุกวัน ในส่วนภรรยาของนายใช้ที่ชื่อว่าอิง ตนไม่ได้สนิทกับคนชื่ออิงและไม่ได้เห็นบ่อยมากนัก จึงไม่รู้ว่าอิงเป็นคนนิสัยยังไงและไม่อยากพูดถึง
ในส่วนภรรยาของนายพฤหัส วันนี้ก็ปฏิเสธให้ข้อมูลทีมข่าว ไม่ขอพูดถึงกรณีที่นายชัยรับสารภาพ ซึ่งทีมข่าวสังเกตเห็นว่าภรรยานายพฤหัสมาทำงานกับน้องเพียงสองคนเท่านั้น ที่โรงรับซื้อน้ำยางสด วันนี้ไร้เงานายพฤหัส
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของนายสุทีป ทางภรรยานายสุทีปบอกเพียงว่า นายสุทีปไม่ได้กลับมาเมื่อคืน ยืนยันไม่ได้ถูกตำรวจเอาตัวไปที่ จ.ชุมพร ไม่ทราบเรื่องที่นายชัยสารภาพ และไม่สะดวกที่จะตอบข้อมูลว่าติดต่อนายสุทีปได้หรือไม่
ทีมข่าวได้สำรวจเฟซบุ๊กส่วนตัวของนางสาวอิง ภรรยาของนายสมชัย ซึ่งอิงและสมชัยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีทั้งคู่ โดยในช่วงปี 2565 นายสมชัย อิง และพฤหัส โดยทั้งสามไปเล่นพนันวัวชนที่บ่อนตรัง และมีการโชว์เงินก้อนจากการเล่น ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลชาวบ้าน ไม่มีใครกล้าให้สัมภาษณ์ แต่ให้ข้อมูลเพียงว่านายชัยทำธุรกิจหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือวัวชน
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับ นางหนูลา หรือ ป้าหมู พี่สาวของเสี่ยหมาส หลังจากตำรวจมีการออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า จุดคนร้ายที่ลงมือสังหารเสี่ยหมาสคืออยู่ภายในบ้านของเสี่ยและเจ๊อ้วนเอง โดยป้าหมูบอกกับทีมข่าวว่า ตนเองมั่นใจมาตลอดว่าน้องชายถูกฆ่าเสียชีวิตภายในบ้าน แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถออกมาพูดได้ เนื่องจากยังไม่มีพยานหลักฐาน เพียงแต่ตนเองสงสัยแต่วันแรกที่เจ๊อ้วนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังแล้ว
และตนเองก็เชื่อมั่นว่า เจ๊อ้วนก็น่าจะรู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รู้ว่าเสี่ยตายยังไง และเชื่อว่าสิ่งที่เจ๊อ้วนอ้างว่าเห็นชายปริศนามาเคาะหน้าต่าง หลังจากนั้นได้นอนหลับไม่รับรู้อะไรแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เจ๊อ้วนต้องรู้ และอีกหนึ่งพิรุธที่ตนเองสังเกตเห็น คือ ในคืนวันที่พบศพเสี่ยหมาส ตนเองเห็นศพของน้องตนเองแทบจะขาดใจ แต่เจ๊อ้วนในขณะนั้นที่นั่งดูข่าว เจ๊อ้วนกลับไม่ได้ร้องไห้อะไรเลย รู้สึกเฉย ๆ
รวมถึงช่วงที่น้องชายตนเองหาย พวกตนเองช่วยกันหาศพของน้อง แต่เจ๊อ้วนกลับนิ่งไม่กระตือรือร้น ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ซึ่งการที่นายชัยซัดทอดเจ้อ้วนว่า เป็นคนที่รู้ดีที่สุด และบอกว่า เจ๊อ้วนอยู่เหตุการณ์ขณะลงมือฆ่า ตนเองเชื่อคำพูดของนายชัย แต่ใครจะเป็นคนลงมือจริง ๆ ตอนนี้ตนเองยังไม่รู้แต่ที่เห็น ทั้งสองฝ่าย เจ๊อ้วนและนายชัย กำลังโยนบาปให้กันไปมา
ซึ่งหากเหตุการณ์เป็นอย่างที่นายชัยบอก ก็ถือว่าเจ๊อ้วน โกหกพวกตนเองมาตลอด โกหกซ้ำซ้อน สร้างภาพ ทำให้ตัวเองก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก ส่วนศพของน้องชาย ตอนนี้ตนเองได้เตรียมจัดงานรอรับศพเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว รอเพียงร่างของน้องชายเท่านั้น ซึ่งคาดว่า อีก 1-2 วัน น่าจะได้นำกลับมาทำพิธี ซึ่งตนเองอยากให้น้องชายไปสู่สุขคติเสียที ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว
ขณะที่มีรายงานว่า บรรยากาศการนำร่างของเสี่ยหมาส โดยชุดกู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับการประสานจากตำรวจ สภ.บางขัน ให้เดินทางไปรับศพเสี่ยหมาส เบื้องต้นจะนำส่งไปสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจดีเอ็นเอ ให้ผลที่ชัดเจน 100% ซึ่งการส่งศพครั้งนี้จะใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน และอาจจะรู้ผลภายในวันจันทร์ที่ 1 เม.ย. นี้ และจะนำมาซึ่งผลของการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเรื่องพิธีศพที่ญาติอาจจะได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป