ศาลจังหวัดหลังสวน ได้อนุมัติหมายจับ 5 ผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่าเสี่ยหมาสเเล้ว เนื่องจาก ได้รับข้อมูลชุดสุดท้าย คือ ผลตรวจดีเอ็นเอศพ จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 ซึ่งยืนยันว่า ศพที่พบคือศพของเสี่ยหมาสจริง โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบไปด้วย 1.เจ๊อ้วน หรือ นางวันเพ็ญ อายุ 65 ปี / 2. นายสมชัย ซึ่งเป็นมือปืนที่อุ้มฆ่า / 3.นายสุทีป / 4.นายพฤหัส / และ 5.นายวีรภัทร

 

ต่อมาเราเดินทางมาที่บ้านของนายวีรภัทร หรือ เหลน อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคนที่ 5 ในคดี พบเคยเป็นคนขับรถให้นายชัยมาก่อน แต่ในส่วนคดีเสี่ยมายังไม่ระบุมีการทำหน้าที่ใดในขบวนการนี้ โดยเราพบกับนายศรี อายุ 47 ปี เป็นพี่ชายของนายวีรภัทร บอกว่า ตนเองเป็นพี่ชายของนายวีรภัทร และเป็นพ่อของนางสาวอิง ซึ่งเสี่ยชัยเป็นลูกเขยของตน ด้วยความที่เป็นเครือญาติกันก็เลยทำให้นายวีรภัทร ผู้ต้องหาคนที่ 5 มีศักดิ์เป็นอาของอิงและเสี่ยชัยอีกด้วย

 

ยืนยันตนเองติดต่อทั้งสามคนไม่ได้ในตอนนี้ ทั้งนายวีรภัทร น้องชายตน , นางสาวอิง ลูกสาวตน , และเสี่ยชัย ลูกเขยตน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าน้องชายและลูกสาวตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ แต่ส่วนเสี่ยชัย ลูกเขยตนจะเกี่ยวข้องหรือไม่ตนไม่ทราบ

 

ชี้ตน ทราบประวัติเสี่ยชัยดี แต่ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวตั้งแต่มาเป็นลูกเขยตน หากลูกเขยตนพบเจอกันก็จะพูดคุยกันแค่เรื่องธุรกิจวัวชนเท่านั้น เพราะลูกสาวตนเลี้ยงวัวชนมาตั้งแต่เด็ก โตมาก็ทำธุรกิจวัวชนมีวัวชนประมาณ 10 กว่าตัว / ซึ่งที่ผ่านมาเสี่ยชัยเคยมาที่บ้านพักหลังนี้แต่อยู่ในลักษณะไปๆมาๆหาลูกสาวตน

 

ส่วนลูกสาวของตนก็กลับบ้านมาหาตนเมื่อประมาณ 4 วันก่อน ขับรถเก๋งสีดำมาที่บ้านเพียงลำพัง ต้นกับลูกสาวก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนักแล้วลูกสาวก็มาที่บ้านแป๊บเดียวก่อนออกไป / จากนั้นลูกสาวก็หายตัวไปเลยและไม่สามารถติดต่อได้อีก ส่วนลูกสาวจะหายไปกับลูกเขยหรือไม่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้

 

และนายวีรภัทร น้องชายของตน ปกติพักอาศัยกับเมียที่ต่างอำเภอ แต่ก็เคยมานอนค้างที่นี่ ตนก็ติดต่อน้องไม่ได้อีกเช่นกัน หากจะถามว่าน้องสนิทกับเสี่ยชัยหรือไม่ ด้วยความที่เป็นเครือญาติกันก็ต้องรู้จักกัน แต่หากจะถามว่าเคยไปไหนมาไหนด้วยกันหรือไม่ตนไม่ทราบเพราะไม่รู้ แต่น้องของตนเคยไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลักสิบ จุดที่พบศพถูกฆ่าฝังดิน โดยไปรับจ้างตัดสวนยางพาราแถวๆนั้น แต่หากจะถามว่าไปตัดสวนยางพาราที่บริเวณไหนตนก็ไม่รู้ ส่วนตอนนี้ก็ทำงานรับจ้างทั่วไป

 

เหตุการณ์วันที่ 1และ 2 กุมภาพันธ์ มันนานมาแล้ว ตนก็จำไม่ได้ว่าทั้งลูกสาวตนและน้องชายตนอยู่ที่บ้านพักหรือไม่จึงไม่กล้ายืนยัน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งคู่ไม่มีส่วนร่วมในคดี และถ้าตำรวจออกหมายจับน้องชายตนจริง ก็ต้องให้เขาเป็นคนดำเนินจัดการเรื่องของตัวน้องชายเอง

 

ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านพ่อของนายพฤหัส อยู่ในพื้นที่ อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง แต่ไม่พบตัว พบเพียงนายคม (นามสมมติ) พ่อของนายพฤหัสยืนอยู่หน้าบ้านเท่านั้น เราจึงเข้าไปสอบถามข้อมูล

 

โดยพ่อบอกว่าตนเองยังไม่ทราบเรื่องหมายจับ แต่ยืนยันว่าลูกชายของตนไม่เคยคิดที่จะหลบหนี และยังคงอยู่ในพื้นที่ แต่ตนไม่ขอบอกว่าตอนนี้ลูกชายอยู่ที่ไหน เพื่อความปลอดภัย ถ้าหากตำรวจต้องการตัวลูกชาย ก็ขอให้ติดต่อมา ตนเองพร้อมที่จะพาลูกชายไปพบตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองได้ติดตามข่าวมาโดยตลอด เห็นสื่อบางสำนักนำเสนอข้อมูลในทำนองว่าลูกชายของตนหลบหนีไปแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ จึงอยากจะขอแก้ข่าวตรงนี้ ว่าลูกชายของตนยังอยู่และพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ

 

ตอนนี้ตนเองยังเชื่อว่าลูกชายของตนบริสุทธิ์ เพราะจากการสอบถามนายพฤหัส ลูกชายของตน ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมหรืออำพรางศพ โดยในวันที่ 31 มกราคม รวมถึงวันที่ 1 และ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นห้วงเวลาเกิดเหตุ ลูกชายยืนยันว่าไม่ได้ไปไหน ส่วนลูกสะใภ้ก็ยืนยันว่าลูกชายอยู่ที่บ้าน ซึ่งตนไม่ทราบว่าสิ่งที่ลูกชายบอกนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ แต่ในฐานะพ่อก็ต้องเชื่อคำพูดลูกชายไว้ก่อน ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ก็ไปว่ากันในชั้นศาล

 

เราเดินทางไปที่บ้านพักของนายสุทีป 1 ใน 5 ตามหมายจับผู้ต้องหาคดีเสี่ยหมาส โดยพบกับนางขวัญ (นามสมมติ) ภรรยาของนายสุทีป และยังเป็นแม่ยายของนายพฤหัส ผู้ต้องหาคดีนี้อีกราย ซึ่งนางขวัญขายของอยู่ภายในละแวกบ้านพัก บอกเพียงว่า ในส่วนของนายพฤหัส ลูกเขยตนยังคงอยู่ในพื้นที่ไม่ได้หลบหนี ซึ่งพฤหัสยืนยันไม่เกี่ยวข้องในคดี ไม่มีส่วนร่วม ถ้าถูกออกหมายจับก็ไม่หนียินดีสู้คดีตามกฎหมายเพราะไม่ได้ทำผิด

 

ส่วนนายสุทีป สามีของตน ตนติดต่อไม่ได้มานานแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าตัวอยู่ที่ไหนตอนนี้ และไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องเรื่องคดีหรือไม่ หากถูกออกหมายจับก็ต้องให้นายสุทีปจัดการเรื่องของตัวเองว่ามีส่วนร่วมหรือไม่มี

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้สอบถาม นายเรวัต อายุ 61 ปี พี่ชายคนที่ 7 ของเสี่ยหมาส หลังจากตำรวจได้ออกหมายจับเจ๊อ้วน ว่า เป็นผู้บงการสั่งฆ่าเสี่ยหมาสน้องชายของตนเอง โดยลุงเรวัต บอกว่า ตนเองนั้นรู้สึกแค้น และเสียใจมากที่คนสั่งการฆ่า คือ เจ๊อ้วน จริงๆ  และไม่คิดว่า คนร้ายทั้งหมด จะฆ่าน้องชายโหดเหี้ยมขนาดนี้ ตนเองดูสภาพศพของน้องชายยอมรับทำใจไม่ได้จริงๆ

 

ส่วนตนเองกับน้องชาย นานๆจะเจอน้องชายสักครั้ง ครั้งล่าสุดน้องชายมาหาเมื่อ 1 ปีที่แล้วที่เกาะสมุย แต่ก็ไม่เห็นว่า น้องชายจะเล่าว่า มีปัญหาอะไรกับเจ๊อ้วนเลยด้วยซ้ำ และตนเองก็ไม่รู้ด้วยว่า น้องชายแอบไปมีเมียน้อย

 

ความรู้สึกตนเองนั้น ใจหนึ่งก็แค้น และโกรธเจ๊อ้วน แต่ก็อยากจะอโหสิกรรมให้กับทุกคนเพราะอยากให้น้องชายได้ไปสู่สุขคติ และเชื่อคนเหล่านั้นที่ทำกับน้องชายคงจะได้รับผลกรรมทางกฎหมายในเร็วๆอยู่แล้ว ซึ่งตนเองไม่ขอคิดจองเวรกับใครก็แล้วแต่รวมถึงเจ๊อ้วนด้วย

 

ยืนยัน ตนเองยกโทษให้กับเจ๊อ้วน เพราะไม่อยากให้มีกรรมต่อกัน ซึ่งไม่ใช่ว่า เจ๊อ้วนจะแบ่งสมบัติให้กับบรรดาญาติพี่ของของเสี่ย และยืนยัน ตนเองไม่เคยได้รับเงินจากเจ๊อ้วนสักสตางค์เดียว ซึ่งตนเองไม่อยากให้คนอื่นคิดว่า พี่น้องของเสี่ยหมาส ยกโทษให้กับเจ๊อ้วน เพราะเงินมันไม่จริง

ก๊วนอุ้มฆ่า "เสี่ยหมาส" หายหัว ลือถูกล็อกสอบในเซฟเฮ้าส์