จากกรณีเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สมคิด บุญลอย รองสารวัตรสอบสวน สภ.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกอาวุธมีดฟันที่แขนขาด เหตุเกิดที่บริเวณหน้าร้านจำหน่ายสุราแห่งหนึ่งใน ต.ศรีราชา จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย




โดยที่เกิดเหตุพบคราบเลือด กระจายอยู่เต็มพื้นตามทางเป็นยาว พบ นางสาวดาราพร อายุ 39 ปี อยู่ในอาการตกตื่นใจ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแจ้งว่าผู้บาดเจ็บคือ นายปณิธาน อายุ 39 ปี แฟนหนุ่ม ผู้ได้รับบาดเจ็บ ถูกฟันด้วยอาวุธมีดจนแขนด้านซ้ายขาด และพลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดพลิกตะแคงข้างอยู่




ล่าสุดวันนี้ (2 เม.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ก็คือบริเวณหน้าร้านขายเหล้าของผู้บาดเจ็บที่ ต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยลักษณะร้านขายเหล้าดังกล่าวจะอยู่ติดกับขอบทางติดกับคลีนิกหมอยา และจะอยู่ห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 100 เมตร ซึ่งตรงจุดที่ผู้บาดเจ็บถูกฟันไม่มีคราบเลือดติดที่พื้นแล้ว แต่ยังมีรอยเลือดติดอยู่ที่กล่องเหล้า




ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวได้มีโอกาสย้อนกลับไปพูดคุยกับ นางสาวดาราพร ซึ่งเป็นภรรยาของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองนั่งอยู่ที่หน้าร้านกับสามี ตามภาพในวงจรปิด จากนั้นก็เห็นคนก่อเหตุถืออาวุธเข้ามาทำร้ายสามีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ 1 ครั้ง ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่าไม่รู้จริง ๆว่าสามีถูกคนก่อเหตุใช้มีดฟันจนแขนขาด และด้วยความตกใจจึงพยายามวิ่งเข้าร้านไปดูสามี แต่ปรากฏว่าเห็นแขนของสามีตกอยู่ที่หน้าร้าน ทำอะไรไม่ถูกจึงก้มลงไปหยิบแขนของสามีวิ่งตามคนก่อเหตุไปที่หน้าโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันคนก่อเหตุขี่รถหนีไปแล้ว และเมื่อถึงหน้าโรงพยาบาลจึงตะโกนเรียกให้สามีวิ่งตามเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อให้ทางแพทย์รีบต่อแขนให้ ซึ่งอาการบาดเจ็บของสามี ตอนนี้แขนต่อได้แล้วแต่ยังคงต้องพักฟื้นดูอาการอยู่ในห้องไอซียู


ส่วนปมเหตุเรื่องที่สามีแพ้ควันบุหรี่ เป็นเหตุการณ์ที่สามีอยู่ที่ร้านคนเดียวในวันอาทิตย์ ที่ 31 มี.ค. โดยวันนั้นช่วงประมาณเที่ยงวัน สามีเล่าให้ฟังว่า คนก่อเหตุมีการมาขับรถชนกับคู่กรณีแถว ๆ ร้าน และระหว่างที่คนก่อเหตุรอประกันได้ขับรถมาจอดหน้าร้าน กระทั่งสามีเห็นคนก่อเหตุยืนสูบบุหรี่ที่หน้าร้าน จึงมีการเข้าไปตักเตือนว่า ภายในร้านมีเหล้าซึ่งเป็นแอลกอฮอล์อยู่เต็มร้านและหน้าร้านก็อยู่ติดกับคลีนิกและอยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาล จนทำให้คนก่อเหตุไม่พอใจจึงย้อนกลับมาทำร้ายสามีตามภาพในวงจรปิด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองมองว่าคนก่อเหตุเข้ามาก่อเหตุอุกอาจเกินไป จึงอยากให้ตำรวจตามจับกุมคนก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพราะถ้าจับไม่ได้ตนเองก็ยังไม่กล้าเปิดร้านขายของ




ส่วนวงจรปิดเพิ่มเติมที่ทีมข่าวได้มาในวันนี้ จะเห็นว่าก่อนเกิดเหตุ นายวิหาร คนก่อเหตุ ได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในพื้นที่เกิดเหตุพร้อมกับลูกและเพื่อนลูกทั้งหมด 4 คัน ซึ่งพอมาถึง นายวิหารได้พาลูกกับเพื่อนลูกไปจอดรถตรงทางเข้าโรงพยาบาล


จากนั้นก็จะเป็นวงจรปิดต้นเรื่องนาทีที่นายวิหาร คนก่อเหตุเดินไปฟันผู้บาดเจ็บและวิ่งหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นเมื่อนายวิหารก่อเหตุเสร็จ ก็จะมีกล้องวงจรอีกหลายมุมที่สามารถจับภาพเอาไว้ได้ โดยวงจรปิดมุมแรกจะเห็นว่าลูกชายของนายวิหาร ที่ใส่เสื้อสีแดงได้วิ่งนำหน้าพ่อไป จากนั้นนายวิหารผู้เป็นพ่อก็จะเดินมาถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดตรงหน้ากล้อง




จากนั้นวงจรปิดมุมต่อ ๆ มาก็จะเห็นว่าลูกชายของนายวิหาร ได้วิ่งนำหน้าพ่อไปและจะเห็นนายวิหารเดินถอดเสื้อตามหลังไป จนกระทั่งเมื่อนายวิหารเดินผ่านเข้าไปในซอย จะมีวงจรปิด 1 มุม ที่จับภาพในขณะที่นายวิหาร เดินมาหยุดตรงหน้ากล้องและมีการนำเสื้อที่เปื้อนเลือดไปล้างน้ำตรงหน้ารถเก๋งที่จอดอยู่


จากนั้นเมื่อล้างเลือดเสร็จ ก็จะเห็นว่านายวิหารมีการวิ่งตามลูกชายออกมาที่ถนน จนกระทั่งเมื่อไปถึงตรงที่จอดรถ จะเห็นว่าเพื่อนของลูกนายวิหาร ได้มีการมาขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากที่เกิดเหตุ จากนั้นก็จะเห็นลูกชายนายวิหาร กับนายวิหาร วิ่งตามมาเอารถเป็นคนสุดท้าย แต่ปรากฏว่าตอนที่จะขี่รถหนี รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งจะเห็นว่าลูกชายของนายวิหาร พยายามเข็นรถให้พ่อเพื่อนจะสตาร์ทรถให้ติดและหลบหนีไปหลังก่อเหตุ




จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยตามข้อมูลวันนี้ตำรวจได้ไปควบคุมตัวกลุ่มของผู้ก่อเหตุมาได้แล้ว ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นที่ขับรถรวมตัวกันไปก่อเหตุ ก่อนที่จะมี 1 คนไปฟันแขนของผู้บาดเจ็บ หนึ่งในนั้นมีเยาวชนรวมอยู่ด้วย 3-5 คน และวันนี้ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบปากคำให้ห้องสืบสวน เบื้องต้นคนก่อเหตุที่เป็นคนลงมือฟันผู้บาดเจ็บเป็นชายอายุประมาณ 40 ปี และเป็นพ่อของหนึ่งในเยาวชนที่ไปด้วยในวันเกิดเหตุ โดยขณะที่ทีมข่าวรอตำรวจสอบปากคำกลุ่มคนก่อเหตุ ได้คุยกับผู้ปกครองของเยาวชนอายุ 13 ปี รายหนึ่งเข้ามารอพบตำรวจที่หน้าห้องสืบสวน


ซึ่งนายบอย (นามสมมติ) อายุ 31 ปี เป็นพี่ชายของเยาวชนอายุ 13 ปี บอกว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาน้องชายของตนเองถูกตำรวจไปควบคุมตัวถึงที่บ้านโดยที่ญาติไม่รู้เหมือนกันว่าน้องไปก่อเรื่องอะไรไว้ ยืนยันว่าส่วนตัวน้องชายไม่เคยไปมีปัญหากับใคร ซึ่งวันเกิดเหตุน้องได้ออกไปจากบ้านจริง แต่ครอบครัวก็ไม่ทราบว่าน้องออกไปไหน กระทั่งน้องกลับบ้านก็พบว่าน้องมีสีหน้าที่ซึมๆและผิดปกติไปจากเดิม




โดยเท่าที่พูดคุยกับตำรวจเบื้องต้น ทราบว่าน้องชายได้ไปอยู่ในกลุ่มของผู้ก่อเหตุด้วย แต่น้องชายน่าจะไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุได้ชักชวนไปทำอะไร เพราะตอนที่ผู้ก่อเหตุชวนน้องชายออกไปข้างนอก ผู้ก่อเหตุได้บอกกับน้องชายว่า "ไปเคลียร์เป็นกับคู่กรณีเป็นเพื่อนหน่อย ใจ ๆ หน่อย ถ้าใครมีใจก็ตามไปนะ" ซึ่งผู้ก่อเหตุได้พูดในทำนองว่าจะไปเคลียร์กับผู้บาดเจ็บ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นการเคลียร์กันเรื่องอะไร และเท่าที่รู้คนก่อเหตุก็เป็นพ่อของเพื่อนน้องชาย ยืนยันทางครอบครัวไม่รู้ว่าพ่อเพื่อนน้องชายเป็นใคร แต่รู้ว่าน้องสวยมักจะไปมั่วสุมอยู่ที่บ้านเพื่อนของเขาทุกวันก่อนเกิดเหตุ




จากนั้นในเวลา 16.50 น. ตำรวจได้คุมตัวนายวิหาร ผู้ก่อเหตุ ออกมาจากห้องสืบสวน โดยนายวิหาร บอกว่า ตัวเองไม่ได้รู้จักกับผู้บาดเจ็บมาก่อน แต่เมื่อสองวันก่อนผู้บาดเจ็บได้เข้ามาห้ามตัวเองเรื่องที่สูบบุหรี่โดยมีการใช้อาวุธมาข่มขู่ จึงทำให้ตัวเองโกรธและตัดสินใจมาลงมือก่อเหตุ ส่วนเยาวชนที่เดินทางมาด้วยกัน มาด้วยเฉย ๆ ไม่ได้รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนเกิดเหตุตนเองยอมรับว่าฟันผู้บาดเจ็บไป 1 ครั้ง และไม่ได้คิดจะฟันซ้ำ


ส่วนเรื่องทางคดีตำรวจบอกว่าได้แจ้งข้อหานายวิหาร 2 ข้อหา คือข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพกพาอาวุธมีด ส่วนเยาวชนที่ไปด้วยทั้ง 8 คน ตำรวจได้มีการลงประวัติไว้ ก่อน จะให้ผู้ปกครองรับตัวกลับไป เนื่องจากไม่ได้มีการกระทำความผิด

 

โคตรโหด! พ่อจูงลูกฟันแขนอริขาด เมียไหวพริบดีถือแขนพาผัวไปส่งหมอ