จากกรณี นายขนบ สมหวัง หรือ เสี่ยหมาส อายุ 56 ปี เจ้าของสนามไก่ชนชื่อดัง ใน อ.สวี จ.ชุมพร ได้หายตัวไปอย่างปริศนาจากบ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ช่วงคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 พร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาว กระทั่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ไปพบศพของเสี่ยหมาสแล้ว ซึ่งถูกฝังอยู่ในพื้นที่ป่า เขต อ.บางขัน จ.นครศรีธรรมราช และเมื่อวานนี้ตำรวจได้ออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้ทั้งหมดแล้ว มีจำนวน 5 คน

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังวัดแห่งหนึ่ง อ.หลังสวน จ.ชุมพร สถานที่จัดงานทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเสี่ยหมาส ของนางเก๋ ภรรยาอีกคนของเสี่ยหมาส โดยงานดังกล่าวเป็นงานเล็กๆ ซึ่งนางเก๋ ได้เชิญมาญาติๆมาทั้งหมด 23 คน และได้เตรียมอาหารคาวหวานมาถวายให้กับพระสงฆ์ จำนวน 4 รูป เป็นแกงเหลืองปลาทู / ปลาเค็มทอด / หมึกต้มกะทิใบมะขามอ่อน / ปลาทอดราดพริก / น้ำพริกกะปิ และชาเย็น ซึ่งอาหารเหล่านี้นั้นนางเก๋ เมียเบอร์ 2 บอกว่าเป็นอาหารที่เสี่ยหมาสโปรดปรานมากที่สุด

 

และต่อก็มาก็เป็นการทำพิธีทางศาสนา ซึ่งนางเก๋ก็นำรูปของเสี่ยหมาสที่ตัวเองอัดใส่กรอบไว้ มาใช้ในพิธี ซึ่งญาติๆได้เข้าไปฟังสวดอภิธรรมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเสี่ยหมาส โดยใช้เวลาสวดอภิธรรมประมาณ 30 นาทีด้วยกัน

 

ซึ่งหลังจากที่เสร็จพิธีทางศาสนาแล้วนั้น นางเก๋ ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า วันนี้ตนก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้จัดพิธีอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเสี่ยหมาส เพราะตนเชื่อว่าวันนี้ตนได้จัดงานแบบเต็มความสามารถที่ตนเองจะจัดให้ได้ และเชื่อว่าเสี่ยหมาสเองก็คงจะรับรู้ ส่วนอาหารที่ทำมาให้ถวายเพลให้พระสงฆ์ ก็เป็นอาหารที่เสี่ยหมาสชอบทั้งหมด ซึ่งแกงเหลืองปลาทู จะเป็นเมนูที่เสี่ยหมาส ชอบกินมากที่สุด และเสี่ยหมาสจะต้องเป็นคนทำเองเท่านั้นด้วย

 

สำหรับเรื่องที่ญาติๆของทางเสี่ยหมาสเอง ลงมติกันแล้วว่าห้ามไม่ให้ตนเดินทางไปร่วมงานศพเด็ดขาด ตนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะไม่ให้ไปก็ไม่ไป กลัวจะโดนทำร้ายหรือไม่ก็ไม่ได้กลัว แต่อยากฝากบอกไปยังญาติๆของเสี่ยหมาสด้วยว่าให้นึกถึงใจของเสี่ยหมาสด้วย ว่าเสี่ยหมาสเองต้องการอะไรบ้างในชีวิตนี้ และถึงแม้จะมีญาติๆฝั่งที่อยากให้ตนมางานศพ จะโทรศัพท์มาหาตนและตามให้ตนเดินทางมาร่วมงานศพเสี่ยหมาส ตนก็บอกเขาไปเลยว่าถ้าตนไปงานคงวุ่นวายแน่นอน ไม่ขอไปร่วมงานคงจะดีกว่า

 

นั้นจึงทำให้ญาติๆฝั่งที่อยากให้ตนมางานศพ ได้วิดีโอคอลหาตนและให้ตนได้ดูบรรยากาศงานศพ ซึ่งในช่วงที่ตนได้วิดีโอคอลอยู่นั้น ตนก็ได้พูดบอกเสี่ยหมาส และหันไปรูปของเสี่ยหมาสในงานศพ โดยพอมองแล้วก็รู้สึกว่าทำไมรูปที่ใช้ในงานดูเสี่ยหมาสไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย จึงบอกเสี่ยหมาสไปว่า “ขอให้ไปสบาย ไปสู่ภูมิที่ดี รู้ว่าที่ผ่านมาถูกบังคับอะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่อยากคิดเยอะแล้ว” อีกทั้งหลังจบจากงานศพหากมีการเผาร่างแล้วเรียบร้อย ถ้าให้พูดตรงๆตนก็อยากได้เถ้ากระดูกของเสี่ยหมาสมาไว้ที่ตนบ้าง แต่ในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้เลย

 

และย้อนมาถึงเรื่องคดีตอนนี้ทั้งนายชัยและเจ๊อ้วน ตนก็ตามข่าวอยู่ก็เห็นแต่ละคนซัดทอดกันไปกันมา ไม่รู้ใครพูดจริงใครโกหกหรือเล่นตลกอะไรกับตำรวจอยู่ แต่สุดท้ายตนเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองในตอนนี้ที่สุด เพราะก่อนที่เสี่ยหมาสจะโดนสั่งเก็บ เสี่ยหมาสเคยมาพูดเล่าให้ฟังว่าเสี่ยหมาสได้มีการทะเลาะกับเจ๊อ้วนแล้วบอกเจ๊อ้วนไปว่าอย่ามาทำอะไรตนเด็ดขาด และเจ๊อ้วนก็ไม่ทำตนจริงๆแต่หันไปทำเสี่ยหมาสแทน ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าเจ๊อ้วนก็คงจะสั่งการให้ใครสักคนมาสั่งเก็บตนตอนไหนก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องของวัฏจักรชีวิตคนเราจะตายตอนไหนแบบใด ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ตนทำใจไว้แล้ว

 

อีกทั้งกับนายโจ ชาวเมียนมาลูกน้องคนสนิทเสี่ยหมาส หลังจากที่ถูกนายชัยซัดทอดมาว่าเป็นคนลงมือฆ่าเสี่ยหมาส แล้วตนมีหน้าที่นำศพไปอำพราง ตนขอเอาหัวไปเป็นประกันเลยว่า กับนายโจให้ตายยังไงก็ไม่มีทางทำอะไรกับเสี่ยหมาสแน่นอน เพราะนายโจตนนับถือหัวใจเลยว่าเป็นคนที่นิสัยดีมาก และรักเสี่ยหมาสสุดหัวใจจริงๆ

 

และวันนี้กับเจ๊อ้วน ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่าที่ผ่านมาตนก็ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับเสี่ยหมาส หากจะเจ๊อ้วนจะมองทุกสิ่งทุกอย่างที่พังทลายลงจนเรื่องราวเป็นแบบนี้ ก็ต้องขอโทษจากใจอีกครั้ง ตอนนี้ยอมรับว่าตนกำลังรับกรรมของตัวเองแล้ว ส่วนเจ๊อ้วนเองตนก็รู้สึกสงสารเพราะต้องรับกรรมเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าความสัมพันธ์ของตนกับเสี่ยหมาสจะเป็นอย่างไร เจ๊อ้วนก็ไม่ควรสั่งฆ่าใครแบบนี้

 

ถ้าให้สรุปเรื่องราวที่เป็นอยู่ตอนนี้ ตนก็ยังสงสัยว่าทำไมคนที่เป็นตัวต้นเรื่องทั้งหมดก็คือตน ทำไมเจ๊อ้วนถึงไม่สั่งฆ่าตนไปเลย ทำไมต้องไปสั่งฆ่าเสี่ยหมาสด้วย จึงอยากตำรวจเค้นสอบดูว่าอาจจะเป็นเรื่องอื่นๆด้วยหรือไม่

"เก๋" กราบลา "เสี่ยหมาส" ผ่านวิดีโอคอล ฝากคำซึ้งถึง "เจ๊อ้วน"