จากกรณีคดีเสี่ยหมาสตำรวจออกหมายจับผู้ร่วมฆ่าและอำพรางศพทั้งหมด 5 คน โดยเหลือนายสุทีปและนายวีรภัทร หรือ เหลน ที่ยังไม่มามอบตัว อยู่ระหว่างตามจับกุมตัว
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปยังบ้านของภรรยานายวีรภัทร หรือ"เหลน" อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีอุ้มฆ่าเสียหมาส ในพื้นที่ ต.ทุ่งโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อไปถึงไม่พบเหลนในบ้านพัก พบเพียงนางสาวนุ้ย (นามสมมติ) ภรรยาของนายวีรภัทร อยู่ภายในบ้านเพียงลำพัง
โดยภรรยา บอกว่า ตอนนี้ตนเองก็ยังติดต่อสามีไม่ได้ ไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน ซึ่งก่อนหน้านี้สามีก็ยังใช้ชีวิตตามปกติอยู่ที่บ้านหลังนี้ เเละช่วงเวลาวันที่ 31 มกราคม เเละวันที่ 1 - 2 กุมภาพันธ์ ที่เป็นช่วงเวลาเกิดเหตุ สามีก็อยู่ที่บ้านตลอด
กระทั่งวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (31 มีนาคม) หลังจากที่สามีทราบว่าตัวเองมีชื่อถูกออกหมายจับ เจ้าตัวก็หายไปเลย ซึ่งในวันดังกล่าวตนเองออกจากบ้านไปทำงานช่วงเวลา 07.00 น. ก่อนออกจากบ้านก็ยังเห็นสามีอยู่ที่บ้าน แต่หลังจากเลิกงานกลับมาบ้านช่วงเย็น ก็ไม่เห็นสามีแล้ว ไม่ทราบว่าขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตั้งแต่ช่วงไหน พยายามโทรศัพท์ติดต่อ ก็โทรไม่ติด
ส่วนกรณีกระแสข่าวว่าสามีไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หลังจากทราบข่าวว่าสามีถูกออกหมายจับ ตนเองก็เครียด เป็นห่วงสามี ไม่ทราบว่าสาทีมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างไร ยืนยันช่วง 1 และ 2 กุมภาพันธ์สามีอยู่กับตนตลอด เช้าไปกรีดยางและทำสวน เย็นอยู่กับตนที่บ้านพัก
ซึ่งตนก็ยังตอบไม่ได้ว่าตอนนี้สามีหลบหนีหรือไม่ เพราะติดต่อกันไม่ได้ แต่ถ้าหากสามีดูข่าวอยู่ ก็อยากให้มามอบตัวกับตำรวจ และออกมาพูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ตนเองจะพยายามหาทางช่วยประกันตัว
ยืนยันว่า สามีเป็นคนดี ตั้งแต่อยู่กินกันมาประมาณ 1 ปี สามีคนนี้ดีทุกอย่าง ขยันทำงาน ดูแลครอบครัว เรียกง่ายๆว่า"ดีจนหาที่ติไม่ได้" ส่วนเสี่ยชัย ตนเองไม่รู้จัก และไม่เคยเจอตัวมาก่อน รู้จักเพียงแค่นางสาวอิง ภรรยาของเสี่ยชัย ซึ่งเป็นหลานสาวของสามีเท่านั้น แต่ก็ไม่เคยติดต่อกัน
ล่าสุดภรรยาของนายเหลนได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในวันนี้ (3 เมษายน) ระบุข้อความว่า “เห็นหลายคนสงสัยว่าวันที่ 1 กุมภาวีรภัทรยุที่ไหน (ยุกับฉันทั้งวันค่ะ) “ เพื่อชี้แจงหลังสามีของตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่าเสี่ยหมาส
นอกจากนั้นในติ๊กตอกส่วนตัวมีการโพสต์หลักฐาน เพื่อยืนยันว่าช่วงกลางวันในวันเกิดเหตุสามีอยู่กับตน โดยเป็นคลิปเหตุการณ์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ในคลิปจะเห็นสามีกับตนเองไปเยี่ยมพ่อแม่สามีใน ต.เขาโร อ.ทุ่งสง ซึ่งตนเองก็ไปด้วย
และยังมีคลิปเหตุการณ์เพื่อยืนยันว่าสามีของตนเองเป็นคนดีโดยทำมาหากินและช่วยงานครอบครัวเสมอ
ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดของคดีเสี่ยหมาสเพิ่ม เป็นภาพจากล้องวงจรปิดของวันที่ 31 มกราคม 67 เวลา 13.12 น. บริเวณยูเทิร์นหน้าศูนย์วิทยุตชด. ถนนหมายเลข 41 จะเห็นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว ฝาปิดถังน้ำมันสีดำของนายสุทีปขับมาบนถนน หมายเลข 41 ฝั่งมุ่งหน้าเข้านครศรีธรรมราชจากนั้นก็เลี้ยวยูเทิร์นมาฝั่งมุ่งหน้าอ.ทุ่งสง เพื่อขับไปรับนายเหลนที่อยู่ในบ้านหมู่ 5 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากจุดอยู่เทิร์นเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เพื่อเดินทางไปที่จังหวัดชุมพร ซึ่งรถฟอร์จูนเนอร์ที่เห็นในวงจรปิดตรงกับรถของนายสุทีปที่ถูกตำรวจยึดไปก่อนหน้านี้
โดยภาพกล้องวงจรปิดของคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 67 เวลา 00.34 น. บนถนนหมายเลข 41 นครศรี-ทุ่งสง บริเวณจุดยูเทิร์นวิทยุตชด. ฝั่งมุ่งหน้าอ.ทุ่งสง จะเห็นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวของนายสุทีปขับนำขบวนมาบนถนนมุ่งหน้าอ.บางขัน คาดว่าคนขับรถคันนี้คือนายสุทีป
จากนั้นเวลา 00.37 น. จะเห็นรถเก๋งฮอนด้าซีวิคนางฟ้าสีบรอนซ์เทา ขับตามมาด้วยความเร็วเพื่อนำเสี่ยหมาสไปฝังในสวนปาล์ม อ.บางขัน คาดว่าคนขับรถคันนี้คือนายพฤหัส
จากนั้นเวลา 00.39 น.จะเห็นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวของเสี่ยหมาสที่คนร้ายขับตามขบวนมาอย่างติดๆ คาดว่าคนขับรถคันนี้คือนายวีรภัทร หรือ เหลน โดยมีเสี่ยชัย นั่งเบาะข้างคนขับ
ครอบครัวนายพฤหัสประกันตัวหลักทรัพย์วงเงิน 400,000 บาท เผยหลัง”พฤหัส”ประกันตัวยังไม่ได้พูดคุยเรื่องคดี ยอมรับเครียดเพราะไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยแล้วแต่เป็นผู้ต้องหาคดี
ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของนายพฤหัส หนึ่งในผู้ต้องหา อยู่ในพื้นที่ ต.เขาโร อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช วันนี้พบว่าบ้านปิดล็อก จากการสอบถามญาติ บอกว่า วันนี้นายพฤหัส ได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว ด้วยหลักทรัพย์ 4 แสนบาท หลังจากได้รับการประกันตัวก็ไปอาศัยอยู่บ้านพ่อที่จังหวัดตรัง ไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆทางญาติไม่ทราบ ส่วนนายสุทีปยืนยันยังติดต่อไม่ได้และไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน
ต่อมาทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของนายคม (นามสมมติ) พ่อของนายพฤหัส ที่อ.รัษฎา จ.ตรัง บรรยากาศภายในบ้านพักพบรถฮอนด้าแจ๊สสีขาวซึ่งเป็นรถของภรรยานายพฤหัสจอดในบ้านพัก และพบภรรยานายพฤหัสอยู่ในบ้านพักกับพ่อของพฤหัส
โดยนายคม พ่อของนายพฤหัส ยอมรับว่าตนเองได้นำเงินไปประกันตัวลูกชายเมื่อวานนี้ แต่ขอไม่บอกรายละเอียดว่าใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัวเท่าไหร่ รวมถึงเงื่อนไขในการประกันตัวเนื่องจากคดีตอนนี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว เผยตนเองเครียดและลูกชายก็เครียด เพราะตอนนี้ลูกชายไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยแล้วแต่เป็นผู้ต้องหาคดี ซึ่งตอนนี้ลูกชายของตนกลับมาที่บ้านพักแล้วแต่ไม่ได้อยู่ในบ้านพักที่ตรังกับตน
ยืนยันหลังลูกชายประกันตัวออกมายังไม่ได้พูดคุยอะไรกับลูกชาย แต่หากถามตนว่ายังกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกชายไหม ยอมรับว่ายังกังวลอยู่ ส่วนลูกชายรู้จักกับเสี่ยชัยไหมยืนยันรู้จักแต่ชื่อแต่ไม่เคยพูดคุยหรือไปหากัน