ขณะที่บรรยากาศงานศพของเสี่ยหมาสวันนี้ ในช่วงเช้าก็ยังคงมีญาติพี่น้องและชาวบ้านเดินทางแวะเวียนมาเคารพศพกันอย่างไม่ขาดสายและได้มีการนำอาหารคาวหวานมาเปลี่ยนใหม่เป็นประจำอย่างทุกวัน

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับลุงสำราญ สมหวัง อายุ 74 ปี พี่ชายเสี่ยหมาส ถึงประเด็นต่างๆว่า บ้านของเจ๊อ้วนตอนนี้ไม่ได้ปล่อยทิ้งร้าง เพราะตนได้ให้พี่ๆน้องๆเครือญาติเข้าไปอยู่ดูแลบ้านรวมไปถึงสวนทุเรียนด้วย โดยตนเป็นคนจ้างให้เข้ามาอยู่เอง อีกทั้งเจ๊อ้วนเมื่อได้ทราบแล้วว่าตัวเองนั้นคงไม่รอดคุก ก็ได้มีการพูดเกริ่นกันกับตนไปแล้วที่ดินที่บ้านหลังดังกล่าว พร้อมสวนทุเรียน จะมีจำนวนทั้งหมด 28 ไร่ ซึ่งเจ๊อ้วนบอกว่าได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้ โดยจะแบ่งที่ดินตรงนี้ไว้สองล็อก ล็อกละ 14 ไร่

ล็อกแรกจะให้เสี่ยหมาส สามี ที่ตายไป โดยจะให้ญาติของเสี่ยหมาสไปจัดการเอาเองว่าจะเอาที่ดินผืนนี้ไปทำอะไร ซึ่งตอนนี้ตนก็ได้มีการคุยกันคร่าวๆ ภายในญาติๆ ว่าหากที่ดินแปลงนี้ได้กำไรจากสวนทุเรียน ตนก็จะเอาเงินตรงนั้นเก็บไว้ทำบุญประจำปีเสี่ยหมาส ส่วนล็อกที่สอง เจ๊อ้วนบอกว่าจะให้อาโก ซึ่งเป็นอาของเจ๊อ้วน แต่ทั้งนี้ก็เป็นการบอกปากเปล่าจากฝั่งเจ๊อ้วนอย่างเดียว จนไม่รู้ว่าเจ๊อ้วนนั้นได้ทำเอกสารลายลักษณ์อักษรเก็บไว้หรือไม่ โดยหลังจากนี้หากจบงานศพแล้วตนก็จะไปเยี่ยมเจ๊อ้วนและจะถามว่าได้มีการเก็บเอกสารดังกล่าวเอาไว้ตรงไหนอย่างไร และหลังจากนี้หลังจากจบงานศพของเสี่ยหมาส ตนก็จะมีการนิมนต์พระ ทำทำบุญบ้านหลังดังกล่าวอย่างแน่นอน

นอกจากนี้เรื่องของอาวุธที่ใช้ในการตีเสี่ยหมาส ตนก็คงคาดเดาไม่ได้ว่านายชัยนั้นเอาอะไรมาตีหรือใช้อะไรภายในบ้านตี หรือแม้กระทั่งได้เตรียมอาวุธที่ใช้ตีมาแล้วตนก็มิอาจทราบได้ แต่ก่อนที่เจ๊อ้วนจะถูกคุมตัวไปดำเนินคดีนั้น เจ๊อ้วนได้มีการมาสารภาพกับตนว่าหลังจากที่ได้คุยกันกับนายชัย เบื้องต้นแล้วว่าจะมีการสั่งเก็บเสี่ยหมาส นายชัยก็ได้เสนอเจ๊อ้วนว่าจะให้ฉีดยาพิษเข้าร่างกายหรือไม่ แต่เจ๊อ้วนบอกนายชัยว่าไม่เอาแบบนี้เพราะกลัวเสี่ยหมาสทรมาน และเลือดคงออกปากออกจมูก ตนเองกลัวเลือดให้เปลี่ยนเป็นวิธีอื่น จึงคงเปลี่ยนเป็นวิธีใช้อาวุธตีคอแล้วมัดมือมัดเท้าฝังไปเลย ถึงอย่างนั้นตนก็มองว่ายิงให้ตายไปเลยตนก็จะไม่เสียใจเหมือนกับที่ฆ่าฝังดินแน่ๆ และยังไงตนก็มั่นใจว่าเสี่ยหมาสต้องตายในบ้านอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของสก๊อตเทปนั้นตนก็คงคาดเดาไม่ได้ว่าทำไมจะต้องเอามาพันไว้ที่หัวเช่นนั้น

ส่วนงานศพเสี่ยหมาสนั้น ตนก็ไม่ได้มีการไปเชื้อเชิญใครให้มาร่วมงานเป็นพิเศษ ก็จะมีเพียงผู้ใหญ่กำนันและชาวบ้านที่สนิทสนมกัน จะคอยมาร่วมงานอยู่ทุกคืน รวมไปถึงญาติสนิทที่เป็นพี่น้องของเสี่ยมาสนั้น ก็มาอยู่ที่งานทุกคน แต่จะยกเว้นลูกๆ หลานๆของพี่น้องเสี่ยหมาสเท่านั้น ที่บางคนก็ติดงานมาไม่ได้ และเมื่อวานลูกๆ ของเจ๊อ้วน ก็ไม่ได้โทรศัพท์หาตน อีกทั้งเรื่องของงานศพเสี่ยหมาส ตนก็เชื่อว่าลูกๆของเจ๊อ้วนก็คงไม่ได้มากันแล้ว

หลังจากนั้นก็มีญาติๆ ของเสี่ยหมาส เดินทางมาเคารพ โดยญาติคนดังกล่าวนั้นคาดว่าน่าจะสนิทสนมกับเสี่ยหมาสเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงแล้วก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้รำพึงรำพันว่าทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดกับเสี่ยหมาส เสี่ยหมาสเป็นคนดีมาก ทำไมต้องจากไปเร็วแบบนี้ โดยมีพี่น้องของเสี่ยนั้นคอยให้กำลังใจจับมือและปลอบข้างๆ