จากกรณีที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านหนองปลาปาก ม.11 ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบร่างนายประเชษฐ อายุ 52 ปี นอนหมดสติอยู่พื้นบริเวณหน้าบ้านถูกยิงเข้าบริเวณหน้าอกและที่ท้อง รวม 5 นัด ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 0.38 จำนวน 5 ปลอก และหัวกระสุนอีก 1 หัว และปืนแบงค์กัน 1 กระบอก ส่วนคนก่อเหตุคือนายประพล อายุ 30 ปี ลูกเลี้ยงผู้ตาย หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านก่อนจะออกมามอบตัว อ้างแค้นถูกพ่อเลี้ยงต่อว่าเรื่องภายในบ้านจนรำคาญ
ด้าน น.ส.ลูกหมี อายุ 28 ปี ภรรยาผู้ต้องหา เผยว่า ตนเองคบหากับนายประพล หรือ ยุทธ ผู้ต้องได้ประมาณ 7 เดือน ก่อนหน้านั้น 3 เดือนตนไป ๆ มา ๆ ระหว่างบ้านสามีและบ้านตนเอง แต่เพิ่งจะมาอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุ ได้ประมาณเดือนเศษ ตนเองจึงไม่ทราบปัญหาก่อนหน้านั้น ว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกัน แต่ในระยะหลังสามีเพิ่งจะมาเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับพ่อเลี้ยงเรื่องที่สามีใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ส่วนเรื่องการหารค่าใช้จ่ายภายในบ้านตนเองก็พอรู้มาว่าต้องมีการออกค่าน้ำค่าไฟคนละครึ่งกับพ่อเลี้ยง ขณะที่สามีตนเองก็ออกไปทำงานขายผลไม้ และนำเงินมาช่วยค่าใช้จ่ายภายในบ้านเช่นกัน และยอมรับว่าก่อนหน้านั้นก็เคยเห็นทั้งคู่ทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรงหรือลงไม้ลงมือกัน ส่วนรอบนี้ตนเองยอมรับว่ารุนแรงถึงขั้นยิงกันตาย
โดยในช่วงเกิดเหตุ ตนเองอยู่ในบ้าน เห็นแม่สามี พ่อเลี้ยงของสามี และสามีอยู่หน้าบ้านพูดคุยทะเลาะกันอยู่ก่อนที่สามีและพ่อเลี้ยงของสามีจะลงมือทำร้ายร่างกายกัน แม่สามีก็พยายามเข้าไปห้ามแต่ก็ห้าไม่ไหว ก่อนที่สามีจะวิ่งเข้าไปเอาปืนและมายื้อฉุดกระชากกันบริเวณบันไดหน้าบ้าน ก่อนที่สามีจะยิงพ่อเลี้ยงจนนอนจมกองเลือดกับพื้น ขณะนั้นเธอเองก็กลัววิ่งหนีไปหน้าปากซอยบ้านส่วนแม่สามีก็วิ่งไปอีกทาง
หลังจากนั้นเหตุสงบตัวเองเข้ามาเห็นสามีเข้าไปในบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า และมายืนรอมอบตัวอยู่กับแม่สามีซึ่งก็ไม่ได้มีท่าทีหลบนี้รีบร้อนอะไร ทางนี้ก็อยากขอโทษแทนสามีกับทางครอบครัวพ่อเลี้ยง
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้ควบคุมตัวนายประพล ผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ โดยมีภรรยาเดินตามออกมาจากห้องสอบสวนด้วย ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวขึ้นรถผู้ต้องขัง และขับออกไปที่จุดเกิดเหตุ ที่บ้านหนองปลาปาก ม.11 ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี
ทันทีที่มาถึงจุดเกิดเหตุทางครอบครัว โดยเฉพาะแม่ของคนก่อเหตุและก็เป็นภรรยาผู้ตายเดินร้องไห้เข้ามาหาลูก ก่อนที่ลูกจะก้มลงกราบเท้าแม่พร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้ม ส่วนแม่ก็ตบหลังลูกไป 2 ครั้ง ก่อนจะพูดว่า “แม่บอกว่าอย่าทำ พ่อเลี้ยงก็หาเงินให้กินให้ใช้ แม่บอกว่าอย่าทำ ไม่ฟังแม่” ก่อนที่ลูกชายจะพูดคำว่า “ขอโทษ”
ก่อนแม่จะถามลูกชายอีกครั้งว่า “ลูกต่อไปชีวิตลูกจะทำยังไง คิดออกไหม ทำผิดลูกผู้ชายก็ต้องทำใจ เข้าใจไหม ต้องรับสภาพให้ได้แม่บอกแม่สอน ไม่ให้ลูกเป็นแบบนี้ แม่ไม่เคยบอกให้ลูกเป็นแบบนี้ ลูกเลือกทางนี้เอง ทั้งที่แม่เคยบอกแล้ว กดดันอะไรไม่รู้ แต่คนที่ที่เลี้ยงแกคือแม่และพ่อเลี้ยงคนที่เสียชีวิต เข้าใจหรือไม่ ควรพูดดี ๆ ไม่ควรตีควรฆ่าแบบนี้” ก่อนที่แม่จะบอกลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายว่า “สู้ต่อไปลูก”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้คุมตัวนายประพล ผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบรับคำสารภาพ พร้อมกับพาไปชี้เกิดเหตุ โดยจุดแรกที่บริเวณที่ม้านั่งหน้าบ้าน ซึ่งผู้ตายนั่งอยู่ จากนั้นผู้ต้องหาออกจากห้องมา แล้วมีปากเสียงกันกับคนตาย ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเข้าไปชกหน้าพ่อเลี้ยง ก่อนจะเกิดการต่อสู้กัน
ส่วนจุดที่ 2 ที่บริเวณบันไดหน้าบ้านที่พบรอยคราบเลือด ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหานำอาวุธปืนมาก่อเหตุยิงพ่อเลี้ยงจนเสียชีวิต ส่วนจุดสุดท้ายคือที่บริเวณในห้องนอนของผู้ต้องหา ที่ผู้ต้องหาเข้าไปเอาปืนมาก่อเหตุยิงพ่อเลี้ยงจนเสียชีวิต
ซึ่งในระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทีมข่าวได้สอบถามผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่งถึงปมเหตุที่ทำให้ก่อเหตุยิงพ่อเลี้ยงจนเสียชีวิต โดยผู้ต้องหา อ้างว่า มีปัญหากับพ่อเลี้ยงหลายเรื่อง หลัก ๆ คือเรื่องโดนพ่อเลี้ยงด่า เรื่องที่ตนใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย และเปิดแอร์ทั้งวัน จึงได้เก็บสะสมความแค้นเรื่อยมา ซึ่งทุกครั้งที่มีปากเสียงกันตนเองก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากมีปัญหา
ส่วนเมื่อคืนที่เกิดเหตุยอมรับว่ามีเรื่องทะเลาะกันกับพ่อเลี้ยง ก่อนจะเกิดการชกต่อยกัน และพ่อเลี้ยงได้ช้ายไม้มาฟาดที่หัวตนเองจนแตก ตนเองจึงได้โมโหเข้าไปหยิบเอาปืนมายิงพ่อเลี้ยงจนเสียชีวิต จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ถามนายประพล ผู้ต้องหา อยากจะขอโทษพ่อเลี้ยงหรือไม่ ซึ่งนายประพล ได้ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า "ไม่รู้จะพูดยังไง"
ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ควบคุมตัวนายประพล ผู้ต้องหา มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยระหว่างที่ควบคุมตัวทีมข่าวพยายามสอบถามปมเหตุที่เจ้าตัวได้ก่อเหตุยิงพ่อเลี้ยง ผู้ต้องหา ยอมรับว่า มีปัญหาทะเลาะกับพ่อเลี้ยงจริงเรื่องการใช้จ่ายเงินในครอบครัว แต่ปฏิเสธเรื่องปมมรดกและปมขัดเเย้งอื่น ๆ
ส่วนวันเกิดเหตุมีปัญหาทะเลาะกับพ่อเลี้ยงจริงแต่เจ้าตัวไม่ยอมตอบนักข่าวว่าเรื่องอะไร พร้อมบอกว่า "ไม่ขอพูดตอนนี้" ในระหว่างที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำ ก็มีภรรยาของผู้ต้องหาค่อยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องสอบสวนไปพร้อมกัน
ขณะที่ทางด้านนายบีม (นามสมมติ) อายุ 37 ปี พี่เขยคนก่อเหตุ ปฏิเสธว่า เรื่องทั้งหมดน้องเขย อ้างว่า ถูกกดดันเรื่องค่าใช้จ่ายภายในบ้าน รวมไปถึงเรื่องที่ทางน้องเมียต้องออกค่าใช้จ่ายภายในบ้านช่วยกันกับพ่อเลี้ยง ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง โดยค่าใช้จ่ายภายในบ้านทั้งหมดพ่อเลี้ยงและแม่ยายเป็นคนรับผิดชอบ รวมไปถึงเงินใช้จ่ายในแต่ละวันที่แม่ยายต้องเอาให้น้องเมียใช้วันละ 200-300 บาท
รวมไปถึงค่างวดรถยนต์กระบะก็เป็นพ่อเลี้ยงและแม่ยายเป็นคนรับผิดชอบส่งค่างวดให้ ขณะที่ตัวน้องเมียอ้างว่าไปขายผลไม้ ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงเพราะตัวน้องเมียเองไม่เคยทำงานช่วยพ่อเลี้ยงและแม่ยาย ด้านนิสัยของน้องเมียเป็นคนนิสัยหงุดหงิดง่าย อารมณ์ร้อน และเอาแต่ใจตัวเอง ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่าส่วนหนึ่งก็มาจากการเลี้ยงดูของแม่ยายที่ตามใจลูกชายมากเกินไป
ส่วนเกิดเหตุตนเอง ทราบว่า ทั้งคู่ทะเลาะกันเนื่องจากว่าตัวน้องเมียต้องการอยากจะนำรถยนต์ไปรีไฟแนนซ์เพื่อเอาเงินมาแต่งรถซิ่ง แต่ทางพ่อเลี้ยงได้คัดค้านไม่ยอมให้น้องเมียนำรถไปรีไฟแนนซ์ เนื่องจากว่าจะทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะในแต่ละเดือนพ่อเลี้ยงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ทั้งเรื่องค่าเช่าบ้าน รวมไปถึงเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ทางน้องเมียเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน และไม่ยอมออกไปทำงานหาเงินมาช่วยทางครอบครัว จึงได้เกิดการทะเลาะและมีปากเสียงกันถึงขั้นก่อเหตุยิงกันตาย