ก้าวไกล ข้องใจแผนเงินดิจิทัล ตั้งคำถามแหล่งที่มาของเงินไม่ชัดเจน หวั่นรัฐบาล สร้างหนี้ท่วมหัว
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าของโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่า เกิดข้อสงสัยถึงแหล่งที่มาของเงินทั้ง 3 แหล่ง ที่สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ล่วงหน้า
โดยแหล่งเงินประกอบด้วย 1.เงินที่มาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จะทำให้รัฐบาลแบกภาระหนี้ถึงคอหอย อีกนิดเดียวจะชนเพดานที่ 70% แล้ว 2.จากแหล่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังมีประเด็นด้านข้อกฏหมาย เพราะตามวัตถุประสงค์ ที่กฏหมายระบุคือให้ช่วยเกษตรกรเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ข้อใดที่จะไปทำให้มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกร โดยการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นประเด็นกันอยู่ว่าจะต้องส่งคณะกรรมกฤษฎีกาตีความเหมือนกับกรณีของธนาคารออมสินหรือไม่
3.เงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ยังมีข้อจำกัดด้านการใช้งบประมาณอีกด้วย
น.ส.ศิริกัญญา บอกอีกว่า อยากฝากไปยังรัฐบาลว่าเมื่อมีการยืนยันว่าไตรมาส 4 จะไม่เลื่อนแน่นอน อยากจะเห็นแผนงานทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องหาแหล่งที่มาให้ครบจำนวน ไม่ว่าจะเป็นออกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี จะทำเมื่อไหร่ และทางสภาก็รออยู่ว่าจะอนุมัติหรือไม่อย่างไร และยังมีเรื่องการพัฒนาระบบ ซึ่งมีการยืนยันแล้วว่าไม่ได้เป็นแอพพิเคชั่นเป๋าตัง แต่มีการทำแอพใหม่โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กับสำนักงานรัฐบาลดิจิทัล เป็นคนจัดทำนั้นจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะกระบวนการทำระบบจำเป็นต้องมีการทดสอบระบบก่อนที่จะใช้งานได้จริง เพราะหากใช้จริงแล้วเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเยอะก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเช่นเดียวกัน
ส่วนรายละเอียดของการใช้จ่ายที่มีการแก้ไขไปในทางที่ดีในการที่ระบุว่าให้ใช้รอบแรกสำหรับร้านค้ารายเล็กเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามร้านค้ารายเล็กเรายังได้ยินไม่ชัดเจนว่าตกลงร้านสะดวกซื้อ เป็นร้านค้าขนาดเล็กหรือไม่ เพราะร้านขนาดเล็กคือร้านขนาดเล็กลงมาแล้วรวมร้านสะดวกซื้อหรือไม่ เพราะกลไกที่ค่อนข้างยุ่งยากในการแลกเป็นเงินสด คือต้องใช้ 2 รอบ แล้วจึงสามารถแลกเป็นเงินสดได้ ซึ่งร้านที่แลกได้ก็แลกได้เฉพาะที่อยู่ในฐานภาษีเท่านั้น อาจจะทำให้ร้านค้ารายเล็กรายย่อยตัวจริงไม่อยากเข้าร่วมโครงการหรือเข้าร่วมโครงการน้อยลงหรือไม่ เพราะแลกมาแล้วก็ยังแลกเป็นเงินสดไม่ได้ ก็ต้องไปใช้จ่ายต่อแต่เงินก็ต้องหมุนไปรายวัน จะมีความลำบากสำหรับร้านค้ารายเล็ก และหากสุดท้ายร้ายค้ารายเล็กเข้าร่วมโครงการได้น้อย วัตถุประสงค์ของโครงการจะทำให้เศรษฐกิจที่หมุนเวียนอยู่ในระดับฐานรากได้มากขึ้นก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ