จากกรณีพบศพ ผอ.ระพิน ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณเทศบาลเมือง (ทม.) กำแพงเพชร เปลือยกายผูกคอเสียชีวิตบนต้นมะยมหน้าบ้าน ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.กำแพงเพชร โดยใช้กางเกงผูกคอ ต่อมาญาติและภรรยายังสงสัยในหลายประเด็นของการเสียชีวิต และจนถึงตอนนี้ตำรวจยังไม่สรุปคดีว่า ผอ. ผูกคอตายด้วยตัวเอง หรือ เป็นการฆ่าจัดฉากกันแน่ นั้น




ล่าสุด ภรรยาของ ผอ.ระพิน เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ได้เดินทางไปที่บ้านหลังเกิดเหตุพร้อมกับลูกชายซึ่งเป็นหมอ โดยนิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของ ผอ.ระพิน กลับวัด รวมถึงทำพิธีเปิดทางขอเจ้าที่เจ้าทางช่วยดลจิตดลใจให้ตำรวจเจอความจริงในคดีโดยเร็ว เนื่องจากทางครอบครัวยังเชื่อว่า ผอ.ระพิน คงไม่คิดสั้นแขวนคอจบชีวิตตัวเองได้ โดยมีพระครูโกศลวชิรกิจ (หลวงโนช) และครอบครัว ผอ.ระพิน ได้จุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์และได้เดินสำรวจตรวจดูบริเวณรอบตัวบ้าน และได้กล่าวให้กำลังใจกับครอบครัวของ ผอ.ระพิน


จากนั้นนางรัตติกร ภรรยาของ ผอ.ระพิน ได้นำป้ายรูปหัวใจ ซึ่งทำจากกระดาษลัง ซึ่งเขียนข้อความระบุให้กำลังใจทั้งนักข่าว และหลายๆหน่วยงาน รวมถึงข้อความที่อยากส่งถึง ผอ. เพื่อให้ดลจิตดลใจให้เจอความจริงในคดี ไปแขวนไว้บริเวณต้นมะยมจุดที่ ผอ.ระพินผูกคอเสียชีวิต โดยข้อความบางข้อความระบุไว้ เช่น...




“ขอบคุณความดีของเธอที่เป็นแสงนำทางให้พี่พี่น้องน้องเพื่อนร่วมงานทั้ง อบจ. และเทศบาลกำแพงเพชร เขารักและเอ็นดูเราและลูกให้มีความอบอุ่นมากที่สุด” และ “ทุกคนมีปัญหาต้องทำอย่างไรแก้ หรือ หนี เราเกิดมาเพื่อแก้ปัญหา คำสอนที่พ่อบอกลูกและเรา” รวมถึงข้อความให้กำลังใจสื่อทุกช่องที่ช่วยกันค้นหาความจริง


ต่อมาทีมข่าวได้สอบถาม นางรัตติกร ภรรยาของ ผอ. บอกกับทีมข่าวถึงเหตุผลที่เดินทางมาวันนี้เพราะ ตนเองอยากขอให้ดวงวิญญาณของสามีช่วยดลจิตดลใจให้ตำรวจ และนักข่าว ได้หาหลักฐานให้พบความจริงเสียที เนื่องจากตนเองเชื่อว่า ผอ. ไม่มีทางจะคิดสั้นแขวนคอตัวเองตายแน่นอน เพราะลักษณะของศพทั้งเท้าและนิ้วมือที่รอยเปื้อนดิน ซึ่งหาก ผอ. ใส่รองเท้า มือเท้าจะเปื้อนดินได้อย่างไร รวมถึงเท้าของ ผอ. ที่เปื้อนดิน ปกติเวลาขับรถ ผอ. จะเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะ ซึ่งตนเองก็เพิ่งมานึกออกและจนถึงตอนนี้ รองเท้าแตะ ผอ. กลับไม่พบในที่เกิดเหตุเลยด้วยซ้ำ




“คนเรามีปัญหาก็ต้องแก้ไขปัญหา ถ้าเกิดเรามีปัญหาเราจะแก้หรืออาจจะหนี ซึ่งมันขัดแย้งกัน ถ้าเรามีปัญหาเราต้องแก้ไขปัญหาต่อ ถ้าเรามีปัญหาเราจะไม่เขียนข้อควาทไว้บนโต๊ะแบบนี้ เขาได้บอกกับลูกตลอดเวลาว่า ถ้าเกิดเรามีปัญหาให้บอก อย่าหนีปัญหา ถ้าเราหนีปมก็จะมากขึ้น เราก็จะแก้ปัญหาได้ยาก ถ้าแก้เลยมันก็แค่เปาะเดียว” ซึ่งตนเองกับสามีได้สั่งสอนลูกอยู่ตลอดเวลา โดยประโยคนี้มันจะเป็นประโยคที่ติดปากของสามีตลอด และตนเองมองว่า ข้อความที่พบบนโต๊ะทำงานไม่ใช่ข้อความที่เขียนเพราะความรันทดชีวิต


ส่วนกรณีที่จะมีสื่อถูกฟ้องเนื่องจากนำเสนอข่าวเรื่องของนางสาวฝน ตนเองมองว่าสื่อมีหน้าที่ที่จะช่วยค้นหาความจริง ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนเองมองว่าทุกอย่างควรต้องเปิดเผยความจริงออกมาทั้งหมด ถ้าเกิดใครเดือดร้อน ก็ควรออกมาแสดงความบริสุทธิ์ ตนเองไม่เคยกล่าวหาใคร และหากนางสาวฝนบริสุทธิ์ใจก็ควรออกมาชี้แจง ไม่ใช่มาอารมณ์เดือดตั้งทนายมาฟ้องสื่อ




ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนางสาวฝนกับสามี ตนเองยืนยันว่าไม่ทราบจริง ๆ ว่าเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบใด และตนเองก็เพิ่งมาทราบจากข่าวว่าสามีมีโลกสองใบ ซึ่งก็ยอมรับว่า ตกใจเหมือนกัน และตนเองจะไม่ขอเผาศพของสามี จนกว่า ตำรวจจะสรุปคดี จากผลนิติวิทยาศาสตร์ว่าสามีเสียชีวิตด้วยการผูกคอตายเอง ซึ่งหากสามีผูกคอตายเอง ตนเองก็ยังอยากรู้แรงจูงใจเหมือนกันว่า สามีน้อยใจหรือเครียดเรื่องอะไร




ต่อมาทีมข่าวยังได้เดินทางย้อนกลับไปที่ร้านอาหารบ้านริมน้ำ ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังในเมืองกำแพงเพชร ติดริมแม่ปิง โดยทีมข่าวได้ย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านอาหารอีกครั้ง โดยพบว่า ช่วงเวลา 22.28.17 น. จะเห็น ผอ.ระพิน ได้เดินทางออกจากร้านอาหารไปจริง จากนั้นเวลาประมาณ 22.32 น. จะเห็นขบวนรถของ ผอ. และเพื่อน ได้เดินทางออกจากลานจอดรถร้านอาหารออกไป แต่ไม่รู้ว่าคันใด คือ รถของ ผอ. เนื่องจาก กล้องค่อนข้างไกลและมืด แต่ก่อนที่ ผอ.ระพิน จะเดินทางออกจากร้าน ผอ. ได้แวะมากินข้าวกับเพื่อนร่วมรุ่นทหารที่ร้านแห่งนี้เป็นร้านแรก ซึ่งไม่มีใครรู้ว่า ผอ. ได้พูดคุยกับใครบ้างก่อนกลายเป็นศพ




ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณเติ้ล พนักงานที่ดูแลโต๊ะอาหารของ ผอ.ระพิน ในคืนวันนั้น ซึ่งเจ้าตัวไม่เคยให้ข้อมูลกับใครมาก่อน วันนี้เธอบอกกับทีมข่าวว่า ก่อนที่ ผอ.ระพิน จะเสียชีวิต ผอ. ได้เดินทางมากินข้าวร่วมกับเพื่อน ซึ่งทราบว่าเพื่อนร่วมรุ่นทหารที่เรียนมาด้วยกันจริง โดยเดินทางมาตั้งแต่เวลาประมาณ 6 โมงเย็นกว่า ๆ โดย ผอ. ได้นั่งเก้าอี้ตัวที่ 2 โต๊ะติดแม่น้ำ และตนเองคือพนักงานเสริฟคนเดียวที่ดูแลโต๊ะอาหารของ ผอ. และเป็นคนถ่ายภาพหมู่ให้กับ ผอ. และเพื่อนร่วมรุ่นด้วนในคืนวันนั้น


ส่วนบรรยากาศการพูดคุยบนโต๊ะอาหาร ยืนยันว่า ตลอดการนั่งกินข้าว ผอ. พูดคุยกับเพื่อน หัวเราะร่าเริงปกติดูเหมือนไม่ใช่คนมีไม่ความสุข หรือนั่งเศร้าอะไรเลย ไม่มีการทะเลาะกันบนโต๊ะอาหาร หรือ พูดเหยียดกันบนโต๊ะอาหารสักนิด นอกจากนี้บนโต๊ะอาหาร ทุกคนที่มาร่วมกินข้าว ได้ลุกขึ้นยืนแนะนำตัวทีละคน ซึ่งตนเองก็ยังเห็น ผอ. ลุกขึ้นยืนแนะนำตัว โดยพูดชื่อ - นามสกุล และตำแหน่งปัจจุบันของตัวเองให้ทุกคนบนโต๊ะรู้อีกด้วย




ตนเองยอมรับว่า ตกใจมากที่รุ่งเช้ามาทราบข่าวว่า ผอ. คนที่ลุกขึ้นยืนแนะนำตัว และเป็นคนที่ตนเองถ่ายรูปให้ จะมาแขวนคอเสียชีวิต เพราะตนเองจำชื่อและตำแหน่งของ ผอ. ได้ ซึ่งตนเองไม่เชื่อแน่นอนว่า แกจะไปผูกคอตาย ตอนที่ออกจากร้านอาหาร แกยังพูดคุยรู้เรื่อง ไม่เมา หรือ เดินเซสักนิด


นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เปิดรูปนางสาวฝนให้กับพนักงานดู ซึ่งเธอยืนยันว่าในคืนวันดังกล่าว บนโต๊ะอาหารไม่มีผู้หญิงคนใดเดินทางมาร่วมงานกินเลี้ยงในวันนั้น รวมถึงนางสาวฝนด้วย ที่ตนเองก็ไม่เคยเห็นหน้า มีเพียงผู้ชายทั้งหมดเท่านั้นภายในงาน ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้ไล่ย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้านเพิ่มเติมช่วงเวลาเย็น โดยพบว่า ไม่มีนางสาวฝนเดินทางเข้ามาภายในร้านอาหารเพื่อมาหา ผอ.ระพิน เลย




ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ในคืนวันที่ 3 เมษายน โดยพบว่า หลังจากที่นางสาวฝนขับรถเก๋งออกจากห้องพัก ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านของน้องสาว เพื่อไปเลี้ยงหลานจริง ในเวลา 20.45 น. โดยขับรถยนต์เก๋งสีดำ โดยจุดกล้องตัวนี้ อยู่ห่างจากหมู่บ้านของน้องสาวนางสาวฝนเพียง 600 เมตรเท่านั้น


จากนั้นในเวลา 00.58 น. ของคืนวันที่ 4 เมษายน จะเห็นรถเก๋งดำของนางสาวฝนเดินทางออกจากหมู่บ้านน้องสาว โดยขับมุ่งหน้ากลับไปยังห้องพักของเธอ ซึ่งช่วงเวลาสอดคล้องกับกล้องวงจรปิดที่จับภาพเธอกลับถึงบ้านในเวลา 01.08 น. เนื่องจาก บ้านของน้องสาวที่นางสาวฝนไปหา อยู่ห่างจากบ้านพักของเธอ ประมาณ 7.4 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที ในการเดินทาง ซึ่งหากคำนวนเวลาการเดินทางแล้ว จะถึงเวลา 01.08 น. พอดีเป๊ะ


ล่าสุดทีมข่าวพยายามติดต่อไปที่ ญาติคนหนึ่ง คือ คุณก้อง ซึ่งเป็นน้องเขยของนางสาวฝน ที่นางสาวฝนเดินทางไปหาที่บ้านในคืนวันที่ 3 เมษายน เพื่อมาเยี่ยมหาหลาน โดยนายก้อง ยืนยันกับทีมข่าวว่า นางสาวฝนได้เดินทางขับรถเก๋งมาเลี้ยงหลานที่บ้านของตนเองจริง ในช่วงเวลาสองทุ่มกว่า ก่อนที่จะขับรถกลับบ้านในเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ซึ่งก่อนหน้านี้นางสาวฝนได้ให้การกับตำรวจไปทั้งหมดแล้ว รวมถึงแจกแจงเวลาได้อย่างชัดเจน ว่าในคืนวันที่ ผอ.ระพิน เสียชีวิต ไม่ได้เจอกัน


รวมถึงขอยืนยันกับทีมข่าวว่า หญิงปริศนาที่ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่นางสาวฝนอย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วงเวลานั้นนางสาวฝนยังอยู่ที่บ้านของตนเอง และตำรวจได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านของตนเองไปแล้ว อยู่ในสำนวนกันสืบสวนแล้ว เพียงแต่ไม่ได้มอบให้กับผู้สื่อข่าวเท่านั้น




ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนางสาวฝน กับ ผอ.ระพิน ตนเองไม่ขอให้ความเห็น เนื่องจากเป็นเรื่องของบุคคลสองคน แต่ยืนยันว่า พี่สาวใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่เคยเอาเปรียบใคร รวมถึงยังให้ความช่วยเหลือเรื่องเงิน ผอ. อยู่ตลอดด้วยซ้ำ ซึ่งพี่สาว ไม่มีทางไปทำอะไร ผอ. ได้


ยอมรับว่า ตอนนี้ข่าวที่ออกไปทำให้พี่สาวเครียดหนักมาก ถึงขั้นตอนนี้ต้องพาไปรักษาที่โรงพยาบาลในวันนี้ เนื่องจากกลัวพี่สาวจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และอาจคิดสั้นฆ่าตัวตายไปอีกศพอยากขอความร่วมมือผู้สื่อข่าวทุกสำนักขอให้ช่วยหยุดเรื่องของนางสาวฝนได้แล้ว ในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจมันจบแล้ว ยืนยันพี่สาวของตนเองบริสุทธิ์ และไม่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ ผอ.ระพินจริง ๆ ส่วนที่ต้องมีการดำเนินคดีกับสื่อนั้น ใจจริงตนเองไม่ได้อยากจะเอาหรือ หรือไปทะเลาะกับสื่อ เเต่เมื่อสื่อไม่ยอมหยุดนำเสนอข้อเท็จจริงที่ผิด ตนเองก็จำเป็นต้องใช้สิทธิปกป้องพี่สาวเช่นกัน


ขณะเดียวกันเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่สำนักงานสภาทนายความจังหวัดกำแพงเพชร นายรังสรรค์ ช้างกลาง ประธานสภาทนายความจังหวัดกำแพงเพชร ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังได้รับอำนาจจากครอบครัวของนางสาวฝน ในการดำเนินการฟ้องร้องสื่อช่องดัง (ช่อง 8) โดยนายรังสรรค์ บอกว่า ตนเองจะเป็นตัวแทนในการฟ้องช่อง 8 ทั้งคดีแพ่งและอาญา ทั้งการหมิ่นประมาทและการละเมิด เนื่องจากมีการนำเสนอข่าวทำให้นางสาวฝนได้รับความเสียหาย




ส่วนค่าเสียหายจำนวนกี่บาทอยู่ระหว่างปรึกษาพูดคุย แต่ยืนยันว่า จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวนมากแน่นอน เนื่องจากข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปประชาชนดูทั้งประเทศ ทำให้คนที่ดูข่าวเกิดความเข้าใจผิด ถึงแม้จะใช้นามสมมติ เบลอหน้า แต่ก็ใช้ชื่อเล่นที่ตรงกัน รวมถึงกล้องวงจรปิดในที่ทำงาน ที่บ้านของนางสาวฝนที่นำไปเผยแพร่ เป็นการนำเสนอที่ละเมิดสิทธิของนางสาวฝนเกินไป


ตอนนี้นางสาวฝนเหมือนตกเป็นจำเลยสังคม ประชาชนเชื่อว่า เธออาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ ผอ.ระพิน จากการนำเสนอข่าว สื่อมีการทำภาพเปรียบเทียบชายหญิงที่ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ต้องสงสัย กับภาพของนางสาวฝน ว่า ลักษณะผมมีความคล้ายกัน ซึ่งเธอได้ยืนยันกับพนักงานสอบสวนมาโดยตลอดว่า เธอไม่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่บุคคลต้องสงสัยตามในภาพด้วยซ้ำ รวมถึงไทม์ไลน์การเดินทางไปไหนต่าง ๆ ตำรวจได้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า นางสาวฝนไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องของนางสาวฝนควรจบได้แล้ว แต่สื่อ (ช่อง 8) ไม่ยอมจบ


ส่วนสภาพจิตใจของนางสาวฝนตอนนี้ค่อนข้างเครียดมากหลังมีการนำเสนอข่าวออกไป และมองว่า ช่อง 8 มีการกระทำเกินขอบเขตจากความเป็นสื่อ ซึ่งแท้จริงแล้วทุกสื่อรวมถึงช่อง 8 ก็รู้ถึงพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุอยู่แล้ว แทบจะยืนยันได้ว่า การเสียชีวิตของ ผอ.ระพิน เกิดจากการเสียชีวิตด้วยตัวเอง แต่สื่อกลับมาการนำเสนอโน้มน้าวให้สังคมเกิดความนึกคิด เกิดความเกลียดจังนางสาวฝน ซึ่งไม่ถูกต้อง




ส่วนเหตุผลที่นางสาวฝนไม่ขอออกมาชี้แจงใด ๆ กับผู้สื่อข่าวหลังเกิดเหตุ จากการสอบถามนางสาวฝน เธอบอกว่า เธอไม่มีความจำเป็นที่จะออกมาชี้แจงอะไร เนื่องจากเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเธอมีความกังวลที่มีคนตามติดตาม ถามเรื่องของเธอมาก ซึ่งเธออยากขอเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ ดีกว่า ซึ่งหากสื่อยังตอกย้ำเธอไม่เลิก เธออาจจะคิดสั้นเป็นศพต่อไปก็ได้


ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสอง นางสาวฝนยอมรับว่า นางสาวฝนกับ ผอ.ระพิน มีการคบหากันมาหลายปีแล้ว ส่วนเรื่องเงิน ส่วนใหญ่นางสาวฝนจะเป็นคนช่วยเหลือ ผอ.ระพิน มากกว่า ซึ่งเวลา ผอ. มีความจำเป็นต้องใช้เงินอะไร นางสาวฝนจะคอยให้เงินหยิบยืมเป็นส่วนใหญ่ มีการดูแลกันเป็นดี ส่วนมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ ผอ.ระพิน คิดสั้นแขวนคอเสียชีวิต เธอไม่รู้เรื่องแน่นอน


จากนั้นเวลาประมาณ 14.30 น. ทีมทนายความของนางสาวฝนได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับสื่อช่องดัง (ช่อง8) โดยเข้าพบกับพนักงานสอบสวน ส่วนบุคคลที่จะแจ้งความดำเนินคดีประกอบด้วย 1. ช่องผู้ผลิตรายการ 2. ผู้ประกาศข่าว 3. บรรณาธิการข่าว จากนั้นทนายความได้มีการยื่นหนังสือมอบอำนาจจากนางสาวฝนในการแจ้งความดำเนินคดี รวมถึง แฟลชไดร์ฟ ที่บันทึกคลิปวิดีโอเป็นหลักฐาน

 

เมีย ผอ. จี้ ฝนพูดความจริง ไม่เห็นด้วยฟ้องสื่อ! คนใกล้ชิดยันพิกัดกลางดึก วัน ผอ. ตาย