วันที่ 11 เมษายน 2567 เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว เจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชที่โรงพยาบาลนพรัตน์ เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและสภาพศพของ นางวรรณา อายุ 60 ปี ที่นอนเสียชีวิตอยู่กับพื้นภายในร้านจำหน่ายถังออกซิเจน บริเวณริมถนนเรียบคลองสอง เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ




ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายนันฐกุล อายุ 68 ปี สามีใช้ปืนยิงผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นภรรยาเข้าที่ศรีษะด้านหลัง 1 นัด ก่อนจะใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อยิงเข้าที่ศรีษะตัวเอง เพื่อจะยิงตัวตายตามแต่กระสุนพลาดเป้าถากเข้าที่ศรีษะ ไม่ได้เจาะเข้าไปในกะโหลกได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนพรัตน์ เพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน ส่วนปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นลูกโม่ ขนาด .38 ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการเก็บไปตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐาน




ขณะที่ล่าสุดทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ในเวลา 08.52 น. ซึ่งช้าจากเวลาจริงที่เกิดเหตุประมาณ 2 ชั่วโมง 17 นาทีโดยเวลาเกิดเหตุจริงคือ 11 โมง 15 นาที นายนันฐกุล ผู้ก่อเหตุได้วิ่งมาที่รถกระบะสีแดงที่จอดอยู่หลังร้านก่อนจะหยิบอาวุธปืน และวิ่งเข้าไปในร้านก่อเหตุยิงนางวรรณา ภรรยา จนเสียชีวิตภายในร้าน ขณะที่ต่อมากล้องวงจรปิดจับภาพญาติ ๆ รู้ข่าวแล้วจึงรีบมาดูที่เกิดเหตุทันที




ทีมข่าวได้สอบถาม นายสายัณห์ อายุ 40 ปี ลูกจ้างที่เห็นเหตุการณ์ เผยว่า ระหว่างที่ตนเองทำงานอยู่ภายในร้านตอนแรกได้เห็นผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุมีปากเสียงกันแต่ก็เพียงเล็กน้อย เรื่องที่ผู้ตายบอกให้สามีผู้ก่อเหตุให้ช่วยทำบิลที่ขายของให้ลูกค้า แต่ผู้ก่อเหตุได้ถาม ผู้ตายว่าทำแบบไหนเป็นแบบถังเล็กหรือหลังใหญ่ ผู้ตายก็เลยตอบกลับไปว่า “แกไม่รู้เรื่องอะไรเลยไม่รู้อะไรสักอย่างช่วยฉันอะไรไม่ได้สักอย่าง” จึงทำให้ผู้ก่อเหตุเริ่มมีเสียงดังตอบกลับผู้ตายว่า “มึงทำไมไม่พูดกับลูกหลานมึงมานั่งเล่นโทรศัพท์แบบนี้ ไม่เห็นพูดแบบนี้กับคนอื่นเหมือนพูดกับตนเองเลย” ก่อนที่ทั้งคู่จะด่าทอกันถึงต้นตระกูลกันทั้งสองฝ่าย


ต่อมาผู้ก่อเหตุได้ไล่ผู้ตายบอกว่าจะไปไหนก็ไป แต่ผู้ตายก็โต้เถียงบอกไปว่า “กูไม่ไปมึงแหละต้องไป” ก่อนที่ผู้ก่อเหตุ จะเดินไปหยิบปืนในรถที่หลังร้าน และมายืนถือปืนด่าผู้ตายว่า “มึงจะไปไหม” ผู้ตายก็บอกกลับไปว่า “กูไม่ไปมึงจะเอายังไงกับกูก็เอา” ผู้ก่อเหตุก็มากดหัวผู้ตายแล้วใช้ปืนยิงเข้าไปที่ศีรษะระยะประชั้นชิด ซึ่งระหว่างนั้นผู้ตายยืนอยู่ก่อนที่จะล้มลงไปกองลงนอนกับพื้น ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้า ตนเองถึงรู้สึกตกใจมากรีบวิ่งออกไปด้านหลังร้าน กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ใช้มือที่ถือปืนกวักมือเรียก ให้ตนเองเดินกลับเข้ามาหาแต่ตนเองเกรงจะไม่ปลอดภัยจึงได้โทรศัพท์ไปบอกลูกชายของผู้ตายและผู้ก่อเหตุที่อยู่ด้านบน




พร้อมระบุว่า ทั้งคู่ก็มีเหตุทะเลาะและมีปากเสียงกันบ่อย บางครั้งก็หนักแต่ไม่ถึงกับขั้นจะเอาชีวิตเหมือนครั้งนี้ ซึ่งผู้ก่อเหตุก็เป็นคนพูดจากับลูกน้องดีแต่เป็นคนที่มีนิสัยใจร้อน หากโต้เถียงกับใครแล้วอีกฝ่ายไม่ยอมหยุด ก็จะทำให้มีอารมณ์ที่โมโหมากขึ้น แต่ถ้าหากอีกฝ่ายหนึ่งหยุดผู้ก่อเหตุก็จะมีพฤติกรรมที่เงียบลงไปเอง




ขณะที่หลังเกิดเหตุญาติของทั้ง นายนันฐกุล สามีผู้ก่อเหตุ และ นางวรรณา ภรรยาที่เสียชีวิต ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุทันที พร้อมร่ำไห้กอดกันด้วยความโศกเศร้า ทีมข่าวได้สอบถาม นายอลงกรณ์ อายุ 29 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต และผู้ก่อเหตุ ระหว่างนั้นภายในร้านพ่อกับแม่ขายของอยู่ภายในร้านพร้อมกับลูกน้องอีกหนึ่งคน ส่วนตนเองอยู่ชั้นบนทำให้ตนเองไม่เห็นเหตุการณ์ระหว่างที่พ่อยิงแม่ แต่ตนเองก็ได้ยินเสียงดังขึ้น 2 นัด แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงปืนคิดว่าเป็นเสียงรถ ซึ่งต่อมาลูกน้องที่อยู่ด้านล่างได้โทร. ไปบอกตนเองว่ามีการยิงกันเกิดขึ้น ตนเองเลยวิ่งออกมาดูพบว่าแม่นอนเสียชีวิตตามสภาพที่เห็น ส่วนพ่อยืนถือปืนอยู่ในสภาพที่มีสติดี ก่อนที่พ่อจะใช้ปืนจ่อยิงเข้าที่ศีรษะต่อหน้าตนเอง ซึ่งระหว่างนั้นตนเองไม่สามารถที่จะห้ามได้ทันเพราะยังอยู่ในอาการช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำอะไรไม่ถูกจึงได้เรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ




ที่ผ่านมาพ่อและแม่ตนเองก็มีเรื่องทะเลาะปากเสียงกันบ้างตามประสาสามีภรรยา ซึ่งวันนี้ตนเองไม่ทราบว่าพ่อกับแม่ทะเลาะกันเรื่องอะไร เพราะตนเองอยู่ด้านบน และปืนที่ใช้ก่อเหตุตนเองไม่ทราบว่าเป็นขนาดใด รู้เพียงว่าเป็นปืนพกสั้นและเป็นของแม่ของตนเอง


ด้านนายสำเริง อายุ 71 ปี พี่ชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อตนเองทราบข่าวจากหลานซึ่งเป็นลูกของผู้ตายและผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปบอกก็ได้รีบเดินทางมา เมื่อมาถึงคิดว่าเป็นเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บไม่นึกว่าจะถึงขั้นเสียชีวิต จึงทำให้ตนเองรู้สึกตกใจและเกิดความโมโหผู้ก่อเหตุที่เป็นสามีของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก




ส่วนปัญหาของทั้งคู่ก็มีเรื่องทะเลาะกันบ้างเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติของทั้งคู่ ไม่คิดว่าสามีที่เป็นน้องเขยของตนเองจะก่อเหตุรุนแรงขนาดนี้ ที่ผ่านมาก็เคยเห็นมีเรื่องตบตีกันบ้าง แต่ตนเองก็ไม่อยากเข้ามายุ่งเพราะเป็นเรื่องในครอบครัวของน้องสาว แต่ผ่านมากว่า 10 ปี ก็ไม่เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวขึ้นมาอีก จนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ที่เกิดในครั้งนี้ตนเองรับไม่ได้ ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุไปกินอะไรมาเหล้าก็ไม่ได้กิน แต่เห็นกินแต่ใบกระท่อม และประเด็นสำคัญคือผู้ก่อเหตุไม่ค่อยชอบญาติทางเมีย


โดยร้านที่เกิดเหตุเป็นของน้องสาว ที่ลาออกจากงานราชการแล้วมาทำกิจการขายถังออกซิเจน ส่วนผู้ก่อเหตุก็มาช่วยดูแลอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นน้องสาวตนเองที่ดูแลกิจการทั้งหมด ทรัพย์สินส่วนใหญ่เมียจะเป็นคนสร้างมาเกือบทั้งหมด ซึ่งตนเองก็ยังไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุติดการพนันหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยรู้มาว่าชอบเล่นพนันไก่ชน จึงไม่รู้ว่าไปเสียพนันไก่ชนมาหรือไม่จึงทำให้อารมณ์เสีย ตนเองยอมรับว่ายังทำใจอโหสิกรรมให้ไม่ได้ให้ไปรับกรรมรับเวรที่กระทำเอง และที่ผู้ก่อเหตุพยายามยิงตัวตายตามและยังไม่ตาย ถ้ารอดออกมาตนเองต้องการที่จะต้องการเก็บตนเองไม่อยากเอาไว้ เพราะทำร้ายน้องสาวตัวเองจนถึงขั้นเสียชีวิตแบบนี้

 

ยิงหัวเมียยัวะด่าเขียนบิลผิด ผงะกระสุนเป่าขมับตัวเอง หวังตายหนีผิด