หนุ่มใหญ่เกาหลี กระชากสร้อยคนไทยเล่นน้ำสงกรานต์ประตูท่าแพ เจ้าตัวยังปฏิเสธอ้างป่วยจิตเวช
ช่วงค่ำวานนี้ (12 เม.ย. 67) เจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ และพลเมืองดี ช่วยกันจับตัวผู้ต้องหาชายเกาหลีใต้ อายุ 60 ปี หลังก่อเหตุกระชากสร้อยนายประทิน ชาวจังหวัดลำพูน ขณะที่กำลังเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ที่อุโมงค์น้ำ บนถนนท่าแพ หน้าข่วงประตูท่าแพ
แฟนสาวของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตัวกับแฟนหนุ่มได้ยืนเล่นน้ำกันปกติ ระหว่างนั้นปรากฏว่า มีกลุ่มชายชาวเกาหลีประมาณ 4-5 คน ทำทีเหมือนนักท่องเที่ยวเดินประกบตัวเองกับแฟนหนุ่ม ซึ่งตอนแรกไม่ทันได้สงสัยเพราะคิดว่าเป็นคนทั่วไปที่มาเล่นน้ำ แต่อยู่ๆ ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นได้กระชากสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท จากคอของแฟนหนุ่มโดยเมื่อเห็นดังนั้น จึงดึงเสื้อของคนที่ก่อเหตุไว้ พร้อมบอกให้แฟนรู้ตัวและร้องขอความช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อผู้ก่อเหตุเห็นท่าไม่ดีจึงได้ทิ้งสร้อยลงพื้น
อย่างไรก็ตาม พลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่เทศกิจได้มาช่วยกันจับตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ ส่วนกลุ่มชายที่มากับผู้ก่อเหตุต่างพากันหลบหนีไปได้
ขณะที่ พยานที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า เห็นกลุ่มของผู้ก่อเหตุมาด้วยกัน 5 คน ตามมาประกบตัวเองแล้วพยายามที่จะดึงสร้อยคอที่ตัวเองสวมใส่อยู่ แต่ตัวเองไหวตัวทัน และใช้ศอกกระทุ้งกลุ่มที่ก่อเหตุจนหนึ่งในนั้นแว่นตาหลุดหล่นลงพื้น แล้วพากันหนีไป ซึ่งตัวเองได้วิ่งตามถ่ายคลิปเพื่อติดตามหาตัว จนกระทั่งไปพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้ลงมือกับผู้เสียหาย
หลังเกิดเหตุ ทางเทศกิจได้มีการประสานให้ทางตำรวจเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ ก่อนจะนำผู้ต้องหาและผู้เสียหายและพยานที่เห็นเหตุการณ์ ไปสอบปากคำต่อที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ โดยได้มีการประสานล่ามเกาหลีมาสอบสวนผู้ต้องหา ซึ่งทางตำรวจพยายามขอตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้ต้องหา ผู้ต้องหาอ้างว่าสูญหาย
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ต้องหาให้การว่า เดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2567 โดยได้พักที่โรงแรมหรูกลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อมาเที่ยวงานสงกรานต์ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้กระชากสร้อยผู้เสียหาย และยังอ้างด้วยว่าตัวเองป่วยจิตเวช ต้องรักษาตัวและกินยามา 5 ปีแล้ว ซึ่งเบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาวิ่งราวทรัพย์
ด้านพันตำรวจเอก ปรัชญา ทิศลา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ได้เรียกชุดสืบสวน มาร่วมรับฟังและสอบปากคำผู้เสียหายและผู้ต้องหาด้วย ก่อนที่จะลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่จัดงานสงกรานต์ เพื่อขยายผลหาแก๊งที่ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป